- Home
- Isranews
- ข่าว
- โวยมติกยพ.รวบรัดบีบกรมอุทยานฯ จ่ายค่าชุดลายพราง49ล.ให้อผศ.-ไม่สนข้อโต้แย้งปมขัดกม.ฮั้ว
โวยมติกยพ.รวบรัดบีบกรมอุทยานฯ จ่ายค่าชุดลายพราง49ล.ให้อผศ.-ไม่สนข้อโต้แย้งปมขัดกม.ฮั้ว
ชัดแล้ว! มติ กยพ.สั่งยุติเรื่องปมค่าจ้างผลิตชุดลายพราง 49 ล. ที่แท้ตัดสินให้ อผศ. ชนะได้รับชำระเงินค่าสินค้า แถมเช่าสถานที่เก็บสินค้ารวมน้ำ-ไฟด้วย คนกรมอุทยานฯ โวยขั้นตอนกระบวนการพิจารณารวบรัด ไม่ฟังข้อโต้แย้ง 2 ประเด็น แหล่งเงิน-กระบวนการจัดซื้อจ้างส่อฝ่าฝืนกม.ฮั้ว
สืบเนื่องจากสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบว่า ในช่วงเดือน ก.พ. 2560 ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาชี้ขาดการยุติในการดำเนินคดีแพ่งของส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (กยพ.) ที่มี นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมในขณะนั้นเป็นประธาน ได้สั่งยุติเรื่องกรณีองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกษา (อผศ.) เรียกร้องให้กรมอุทยานแห่งชาติฯ ชำระค่าเสียหายเนื่องจากผิดสัญญาซื้อขายชุดพิทักษ์ป่า (ชุดลายพราง) พร้อมอุปกรณ์ วงเงิน 49,800,000 บาท และนำเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบ แต่มิได้มีการระบุผลมติชี้ขาดการพิจารณาเรื่องนี้เป็นทางการ
ขณะที่ การทำโครงการจัดซื้อชุดพิทักษ์ป่า (ชุดลายพราง) พร้อมอุปกรณ์ กับ อผศ.ดังกล่าว กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เคยได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงการดำเนินงานโครงการนี้ หลายประเด็น อาทิ การจัดซื้อจัดจ้างเป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติมหรือไม่ ถูกขั้นตอนหรือไม่ เครื่องแบบพร้อมอุปกรณ์ดังกล่าว ทำ หรือผลิตโดยองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกหรือไม่อย่างไร และราคาสูงกว่าท้องตลาดหรือไม่ ตั้งแต่ช่วงปี 2559 ที่ผ่านมา และเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้กรมอุทยานฯ ไม่ยินยอมจ่ายเงินค่าจ้างงานให้กับ อผศ.ตามสัญญาจ้าง (อ่านประกอบ : เมื่อกยพ.สั่งยุติข้อพิพาท อผศ.VS กรมอุทยานฯ ค่าชุดลายพราง49ล.-ปริศนาผลสอบลับหายเงียบ?)
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ได้รับการเปิดเผยจาก แหล่งข่าวในกรมอุทยานฯ ว่า มติคณะกรรมการ กยพ. ต่อกรณีนี้ คือ การชี้ขาดให้กรมอุทยานฯ รับมอบชุดพิทักษ์ป่า (ชุดลายพราง) พร้อมอุปกรณ์ จำนวน 8 พันชุด พร้อมให้ชำระเงินรวมภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นจำนวนทั้งสิ้น 49,800,000 บาท ให้แก่ อผศ. ตามสัญญาจ้าง นอกจากนี้ ยังกำหนดให้กรมอุทยานฯ ต้องชำระค่าเช่าสถานที่เก็บรักษาสินค้าดังกล่าว เป็นเงินเดือนละ 28,125 บาท รวมค่าน้ำประปา และค่าไฟฟ้าเดือนละ 100 บาท นับตั้งแต่วนที่ 1 เม.ย.2559 เป็นต้นไปจนกว่าจะรับมอบสินค้าและชำระเงินเสร็จสิ้น โดยไม่กำหนดดอกเบี้ยผิดนัดให้เนื่องจากคู่กรณีทั้งสองฝ่ายต่างเป็นหน่วยงานรัฐด้วยกัน ซึ่งปัจจุบันไม่ทราบว่าทางกรมอุทยานฯ ได้มีการรับมอบสินค้่าและจ่ายเงินให้กับอผศ. ตามมติชี้ขาดของกยพ.ไปแล้วหรือไม่
อย่างไรก็ตาม การพิจารณาเรื่องของ กยพ.ดังกล่าว ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า มีลักษณะรวบรัดไม่พิจารณาถึงเหตุผลข้อโต้แย้งของกรมอุทยานฯ แต่อย่างใด ทั้งที่ก่อนจะมีการนำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของกยพ. กรมอุทยานฯ เคยมีการโต้แย้งความเห็นไปยังอัยการสูงสุด หลังจากที่ อผศ. ได้ทำเรื่องร้องเรียนกับอัยการสูงสุดใน 2 ประเด็นคือ 1.การดำเนินงานโครงการนี้อยู่ในยุคการบริหารงานของผู้บริหารชุดเก่า ตามระเบียบไม่สามารถนำเงินรายได้เพื่อบำรุงรักษาอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2546 มาใช้จ่ายทำโครงการได้ ขณะที่การจัดซื้อดังกล่าว ควรเป็นโมฆะ ไม่มีผลผูกพัน เนื่องจากมีการดำเนินการที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 แต่ กยพ. กับชี้ขาดให้กรมอุทยานฯจ่ายเงินให้กับอผศ.
"ในการพิจารณายุติเรื่องดังกล่าว กยพ. ยืนยันตามความเห็นของอัยการสูงสุด ที่ให้กรมอุทยานฯ จ่ายเงินให้กับอผศ. ทั้งที่ ความเห็นของอัยการสูงสุด ไม่ได้ถือเป็นความเห็นชี้ขาดเรื่องนี้แต่อย่างใด และที่สำคัญเกี่ยวกับประเด็นที่กรมอุทยานฯ โต้แย้งว่า การจัดซื้อดังกล่าว ควรเป็นโมฆะ ไม่มีผลผูกพัน เนื่องจากผู้บริหารเก่า และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกระทำโดยมิชอบตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 และมิชอบต่อระเบียบปฏิบัติ ทำให้เกิดความเสียหายแก่ราชการนั้น อัยการสูงสุดให้ความเห็นว่า เป็นกรณีที่กรมอุทยานฯ จะต้องดำเนินการตามกระบวนการที่เกี่ยวข้องอีกส่วนหนึ่งด้วย"
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ กรมอุทยานฯ เคยมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงการดำเนินงานโครงการนี้ หลายประเด็น อาทิ การจัดซื้อจัดจ้างเป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติมหรือไม่ ถูกขั้นตอนหรือไม่ เครื่องแบบพร้อมอุปกรณ์ดังกล่าว ทำ หรือผลิตโดยองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกหรือไม่อย่างไร และราคาสูงกว่าท้องตลาดหรือไม่ เป็นต้น แต่หลังจากนั้นผลการสอบสวนดังกล่าวก็เงียบหายไป ไม่มีการแถลงผลการตรวจสอบต่อสื่อมวลชนเป็นทางการด้วยว่าผลเป็นอย่างไร