คุก6เดือน ไม่รอลงอาญา ภรรยาเด่น คำแหล้ ข้อหาบุกรุกป่า
ศาลฏีกาสั่งจำคุก 6 เดือนไม่รอลงอาญา นางสุภาพ คำแหล้ คดีบุกรุกป่าสงวน ด้านผลพิสูจน์กะโหลก ไม่ระบุว่าคือชิ้นส่วนของเด่น คำแหล้ แกนนำนักต่อสู้เพื่อสิทธิที่ทำกินโคกยาว ชัยภูมิ ที่หายตัวไป
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา ( www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 27 ก.ค.60 เฟซบุ๊คเพจ สำนักข่าวปฏิรูปที่ดินภาคอีสาน รายงานว่า ศาลฎีกามีคำพิพากษาจำคุก 6 เดือน ไม่รอลงอาญา นางสุภาพ คำแหล้ อายุ 67 ปี ภรรยาของนายเด่น คำแหล้ แกนนำนักต่อสู้เพื่อสิทธิที่ดินทำกิน และประธานโฉนดชุมชนโคกยาว จ.ชัยภูมิ ในคดีบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติภูซำผักหนาม ซึ่งมี นายเด่น คำแหล้ และนางสุภาพ คำแหล้ สองสามีภรรยาเป็นจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 4 ตามความผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ และ พ.ร.บ.ป่าสงวนฯ โดยในเวลาประมาณ 17.00 น. นางสุภาพถูกนำตัวส่งต่อไปยังเรือนจำภูเขียว โดยมีทนายความ และชาวบ้านเครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคอีสาน (คปอ.) จากชุมชนบ่อแก้วและชุมชนโคกยาวรอให้กำลังใจ
ส่วนกรณีการพิสูจน์ชิ้นส่วนกะโหลกที่พบเมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2560 ว่าเป็นของนายเด่น คำแหล้ สามีนางสุภาพ ซึ่งเป็นจำเลยที่ 1ในคดีเดียวกัน ที่หายตัวไปในวันที่ 16 เม.ย.2559 หรือไม่
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่าผลการวิเคราะห์ข้อมูลจากส่วนหัวกะโหลก ของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ พบว่า ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า กระดูกดังกล่าวคือชิ้นส่วนของนายเด่น คำแหล้ สามารถบอกได้เพียงว่า ชิ้นส่วนดังกล่าวเป็นเพศชาย และมีความสัมพันธ์ทางสายโลหิตที่สืบทอดมาจากมารดาหรือยายคนเดียวกันกับ นางคำตัน พ่อศรีชา โดยทางสถาบันฯ เห็นควรให้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
(อ่านประกอบ จากบิลลี่ถึงเด่น คำแหล้ อุ้มหายความยุติธรรม สิทธิเสรีภาพ)
ในส่วนของคดีบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติภูซำผักหนาม ซึ่งมี นายเด่น คำแหล้ และนางสุภาพ คำแหล้ สองสามีภรรยาเป็นจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 4 ตามความผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ และ พ.ร.บ.ป่าสงวนฯ
เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2554 เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ตำรวจ และฝ่ายปกครอง สนธิกำลังกันบุกเข้าควบคุมตัวชาวบ้านรวม 10 คน และแจ้งข้อหาบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติภูซำผักหนาม มีการแยกสำนวนฟ้อง ออกเป็น 4 คดี 10 ราย ดังนี้ คดีที่ 1 นายคำบาง กองทุย และนางสำเนียง กองทุย คดีที่ 2 นายทอง กุลหงส์ และนายสมปอง กุลหงส์ คดีที่ 3 นายสนาม จุลละนันท์ และคดีที่ 4 นายเด่น คำแหล้ นางสุภาพ คำแหล้ นายบุญมี วิยาโรจน์ นางหนูพิศ วิยาโรจน์ และนางเตี้ย ย่ำสันเทียะ
ในส่วนคดีที่ 4 คือนายเด่น คำแหล้ และพวกรวม 5 คน ศาลจังหวัดภูเขียวนัดอ่านฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 เมื่อวันที่ 25 เม.ย. 2556 โดยยืนตามศาลชั้นต้น ให้จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 4 คือนายเด่น และนางสุภาพ จำคุกเป็นเวลา 6 เดือน โดยไม่รอลงอาญา และไม่ให้ประกันตัว เพราะเกรงว่าจะหลบหนี ส่วนอีก 3 ราย ศาลยกฟ้อง โดยจำเลยที่ 1 และที่ 4 ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น จำคุก 6 เดือน และศาลไม่อนุญาตฎีกา จำเลยทั้งสองต้องถูกคุมขัง
ต่อมาในวันที่ 9 พ.ค. 2556 เครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคอีสาน (คปอ.) และพีมูฟ ได้ชุมนุมที่กรุงเทพฯ เพื่อติดตามการแก้ไขปัญหาจากหน่วยงานภาครัฐ และร่วมเดินรณรงค์ไปยังศาลฎีกา พร้อมกับยื่นหนังสือขอให้ศาลฎีกาปล่อยตัวจำเลยชั่วคราว ประกอบกับช่วงดังกล่าวทนายความได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาล ซึ่งศาลอนุญาตในเวลาต่อมา และสามารถประกันตัวผู้ต้องหาได้ในที่สุด
ผลการยื่นประกันขอให้ปล่อยตัวจำเลยที่ 1 และที่ 4 ชั่วคราวในระหว่างฎีกา ปรากฏว่าศาลอนุมัติให้ประกันตัวจำเลยทั้ง 2 โดยได้เพิ่มหลักทรัพย์จากรายละ 200,0000 บาท เป็นรายละ 300,000 บาท
ในชั้นศาลฎีกา เมื่อวันที่ 2 ส.ค. 2559 ศาลจังหวัดภูเขียวนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา นางสุภาพได้แถลงต่อศาลว่า เมื่อวันที่ 16 เม.ย. 2559 “นายเด่น คำแหล้” จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นสามีได้เข้าไปเก็บหน่อไม้ในป่า และไม่ได้กลับออกมา ภายหลังจากที่ได้แจ้งความไว้เป็นหลักฐานยังสถานีตำรวจภูธรห้วยยาง ต.ห้วยยาง อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ และได้ออกติดตามหาตัวของนายเด่น ปัจจุบันนี้ยังไม่พบตัวนายเด่น แต่อย่างใด นางสุภาพ จึงขออนุญาตเลื่อนการอ่านคำพิพากษาออกไปอีกนัดหนึ่ง โดยศาลได้อนุญาตให้เลื่อนการอ่านคำพิพากษาออกไปเป็นวันที่ 20 ก.ย. 2559
ต่อมาในวันที่ 20 ก.ย. 2559 ทนายความของนางสุภาพ คำแหล้ จำเลยที่ 4 แจ้งต่อศาลว่าจำเลยอยู่ระหว่างการเข้ารักษาตัวจากอาการป่วยด้วยโรคเนื้องอกในมดลูกที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์จังหวัดขอนแก่น และมีการนัดตรวจรักษาโรค จึงขอเลื่อนการคำพิพากษาศาลฎีกาออกไป ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่พบตัวจำเลยที่ 1
ศาลจึงให้เลื่อนการอ่านคำพิพากษาออกไป ส่วนจำเลยที่ 1 ให้นัดไต่สวนการหายตัวไปในวันเวลาเดียวกันพร้อมกับจำเลยที่ 4 ในวันที่ 4 พ.ย. 2559
ต่อมาเมื่อวันที่ 9 พ.ค. 2560 ศาลจังหวัดภูเขียวนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาอีกครั้ง พร้อมกับนัดฟังคำสั่งของศาลฎีกา กรณีจำเลยที่ 1 มิได้มาศาลตามกำหนดนัด
ในวันดังกล่าว ศาลฎีกามีความเห็นโดยสรุปความได้ว่า ไม่มีบุคคลรู้แน่ว่าจำเลยที่ 1 ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่เท่านั้น ข้อเท็จจริงยังรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ถึงแก่ความตาย และให้ศาลจังหวัดภูเขียวดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป เมื่อศาลฎีกามีคำสั่งดังกล่าว ศาลจังหวัดภูเขียวจึงได้มีคำสั่งให้ออกหมายจับจำเลยที่ 1 และปรับนายประกัน อีกทั้ง มีคำสั่งให้เลื่อนการอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ออกไปเป็นวันที่ 15 มิ.ย. 2560
อย่างไรก็ตาม การนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 15 มิ.ย.2560ได้ถูกเลื่อนออกไป จนในกระทั่ง 27 ก.ค. 2560 ศาลฎีกาได้อ่านคำพิพากษาจำคุก 6 เดือน ไม่รอลงอาญา นางสุภาพ คำแหล้ อายุ 67 ปี ยืนตามศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กสม.เผยปี 58 คนอีสานโดนละเมิดสิทธิเพิ่ม จากโครงการพัฒนาในพื้นที่