หนุ่มลำปางยันบ.ขายสว่านมีรายได้หลักพัน จ่ายเงินซื้อหุ้น"สยามอินฯ" 655ล.
หนุ่มลำปาง วัย 24 ปี กก.ผู้มีอำนาจ บ.ขายสว่านยันเข้าถือครองหุ้นใหญ่"สยามอินดิก้า" วงเงิน 655 ล้าน โดยวิธีการซื้อต่อ ทั้งที่มีรายได้หลักพันบาท แต่ยังไม่สะดวกชี้แจงรายละเอียด เนื่องจากติดประชุมอยู่
จากกรณีบริษัท คาล เอเซีย เอ็นเตอร์ไพรเซส จำกัด ผู้นำเข้าสว่านไฟฟ้าจากต่างประเทศ ซึ่งปรากฎรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด จำนวน 655,359 หุ้น มีมูลค่าหุ้น ละ 1,000 บาท หรือคิดเป็นเงิน 655,359,000 บาท ในปัจจุบัน แจ้งงบการเงินแสดงผลประกอบการธุรกิจล่าสุด มีรายได้รวมจากการดำเนินธุรกิจ 3,945 บาท และอยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบข้อมูลภาษีจากกรมสรรพากร นั้น
(อ่านประกอบ : "สรรพากร"ไล่ล่าภาษี"บ.ขายสว่าน"หุ้นใหญ่"สยามอินดิก้า"เช็คข้อมูลยิบ)
ล่าสุดในช่วงเช้าวันที่ 13 พ.ย.57 ที่ผ่านมา สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้ติดต่อไปยังนายพีระวัฒน์ เมืองตั้ง กรรมการผู้มีอำนาจบริษัท คาล เอเซียฯ ซึ่งแจ้งที่อยู่บ้านเลขที่ 999 หมู่ 4 ต.บ้านเป้า อ.เมืองลำปาง จ.ลำปาง อายุ 24 ปี เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการเข้าไปถือหุ้นใหญ่บริษัทสยามอินดิก้า จำกัด ตามที่ปรากฎเป็นข่าว
นายพีระวัฒน์ กล่าวชี้แจงสั้นๆ ว่า ข้อมูลของบริษัท คาล เอเซียฯ ก็เหมือนกับที่ปรากฎเป็นข่าวไปทุกอย่าง"
"แต่ผมยังไม่สามารถพูดอะไรได้มากกว่านี้ เนื่องจากติดประชุมอยู่ ขอให้ติดต่อกลับมาใหม่อีกครั้ง"
เมื่อถามว่า บริษัท คาล เอเซียฯ เข้าไปถือหุ้นบริษัทสยามอินดิก้าได้อย่างไร นายพีระวัฒน์ ตอบว่า "เราเข้าไปซื้อหุ้นต่อมาอีกที"
เมื่อถามว่า มีการจ่ายเงินค่าหุ้น จำนวน 655 ล้านบาท หรือไม่ นายพีระวัฒน์ ตอบว่า "เราจ่ายเงินค่าหุ้น"
ก่อนจะระบุว่า "ติดประชุมอยู่ ยังไม่สามารถให้ข้อมูลอะไรได้มาก ขอให้ติดต่อกลับมาใหม่อีกครั้ง"
และวางสายโทรศัพท์ไป
ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบพบว่า ก่อนที่บริษัท สยามอินดิก้าฯ จะปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหม่ และปรากฎรายชื่อบริษัท คาล เอเซียฯ เข้ามาถือหุ้นใหม่ จำนวน 655,359 หุ้น มีมูลค่าหุ้น ละ 1,000 บาท หรือคิดเป็นเงิน 655,359,000บาท แทน นางสุดา คุณจักร ภรรยา นายสมยศ คุณจักร ผู้อำนวยการยศการคลินิก ซึ่งถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แจ้งข้อกล่าวหาคดีระบายข้าวโครงการรับจำนำ แบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี
บริษัท คาล เอเซียฯ ได้แจ้งงบดุลแสดงผลประกอบการ ปี 2555 ระบุว่า มีรายได้รวม 544,098 บาท แต่มีกำไรสุทธิแค่ 344,517.82 บาท
ล่าสุดเมื่อวันที่ 30 พ.ค. 2557 บริษัท คาล เอเซียฯ นำส่งงบดุลแสดงผลประกอบการทางธุรกิจ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2556 ให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้ารับทราบ หลังจากปรากฎรายชื่อเข้ามาถือครองหุ้นบริษัทสยามอินดิก้าฯ ในช่วงเดือนพ.ย.56 หรือคิดเป็นระยะเวลาประมาณ 6 เดือนเศษ
ระบุว่า บริษัทฯ มีรายได้รวมจากการดำเนินธุรกิจ 3,945 บาท มีค่าใช้จ่ายรวมในการดำเนินงาน 15,000 บาท ขาดทุนจากการดำเนินงาน 15,000 บาท รวมรายได้อื่น 3,945 บาท ขาดทุนสุทธิ 11,055 บาท
ทำให้การเข้ามาถือหุ้นใหญ่ในบริษัทสยามอินดิก้าฯ ของ บริษัทคาล เอเซียฯ ถูกจับตามองเรื่องแหล่งเงินที่นำมาใช้ในการซื้อหุ้นที่มีมูลค่าสูงดังกล่าว
จากการตรวจสอบข้อมูลของสำนักข่าวอิศรา ยังพบว่า นายพีระวัฒน์ เมืองตั้ง นอกจากจะปรากฎรายชื่อเป็นกรรมการผู้มีอำนาจ บริษัท คาล เอเซียฯ แล้ว
ยังปรากฎรายชื่อเป็นกรรมการผู้มีอำนาจบริษัท พีเอเอส (2556) จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2556 ทุน 25 ล้านบาท ตั้งอยู่เลขที่ 999 หมู่ที่ 4 ตำบลบ้านเป้า อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง แจ้งประกอบกิจการรับเหมาก่อสร้าง
รายชื่อผู้ถือหุ้น บริษัท พีเอเอส (2556) จำกัด ณ วันที่ 17 มีนาคม 2556 มีจำนวน 3 ราย นายพีระวัฒน์ เมืองตั้ง ถืออยู่จำนวน 360,000 หุ้น มูลค่า 36,000,000 บาท นางพูนศรี เมืองตั้ง ถืออยู่ 60,000 หุ้น มูลค่า 6,000,000 บาท
ส่วนผู้ถือหุ้นรายใหญ่สุด คือ นายสรวิศ จันทร์สกุลพร ถืออยู่จำนวน 780,000 หุ้น มูลค่า 78,000,000 บาท
ขณะที่ "นายสรวิศ" มีนามสกุลเดียวกับ นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือ “เสี่ยเปี๋ยง” นักธุรกิจชื่อดัง คนสนิทของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ก่อตั้ง ปรากฎรายชื่อเป็นหนึ่งในผู้ถูกกล่าวหาคดีทุจริตระบายข้าวโครงการรับจำนำ แบบจีทูจี ซึ่งอยู่ระหว่างการไต่สวนของ ป.ป.ช. อยู่ในขณะนี้
นอกจากนี้นายสรวิศ ยังปรากฎรายชื่อ เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท สิราลัย (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท กีธา พร๊อพเพอร์ตี้ส์ จํากัด และถูกบริษัทอาดามัส อินคอร์ปอเรชั่น จํากัด (มหาชน) หรือ ADAM เข้าซื้อกิจการ) ที่ถูกตรวจสอบพบว่า มีการเปลี่ยนแปลง “ทุน” จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทอย่างรวดเร็ว โดยในช่วงจดทะเบียนตั้งบริษัท เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2555 มีแค่ 1,000,000 บาท ก่อนจะปรับขึ้นเป็น 1,200,000,000 บาท เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2555 และเพิ่มเป็น 2,200,000,000 บาท เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2555
ซึ่งในจำนวนนี้ เป็นเงินในส่วนของนาย สรวิศ จำนวน 779,647,500 บาท
ขณะที่การเพิ่มทุนของบริษัท สิราลัย ถูกตั้งข้อสังเกตว่า เกิดขึ้นหลังจากที่ บริษัท “GSSG IMP AND EXPORT CORP” จากเมืองกวางเจา ประเทศจีน เข้ามาทำสัญญาซื้อข้าวกับกรมการค้าต่างประเทศ และมีการตรวจพบว่า ตัวแทนบริษัทที่เข้ามาดำเนินการ คือ “รัฐนิธ โสติกุล” (“ปาล์ม” ) และ นายนิมล รักดี มีความเกี่ยวโยงกับ บริษัทสยามอินดิก้า ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2555 ก่อนที่จะมีการนำข้าวไปเร่ขายต่อให้กับโรงสี ตามข้อกล่าวหาของฝ่ายค้าน
ปัจจุบันบริษัท สิราลัย หรือชื่อใหม่ว่า บริษัท กีธา พร๊อพเพอร์ตี้ส์ จํากัด และ น.ส.ธันยพร จันทร์สกุลพร กรรมการผู้มีอำนาจบริษัท ปรากฎรายชื่อเป็นผู้ถูกล่าวหาคดีระบายข้าวจีทูจีด้วยเช่นกัน
(อ่านประกอบ : ข้อมูลใหม่!สัมพันธ์ลับ"บ.ขายสว่าน-ญาติเสี่ยเปี๋ยง"ก่อนโผล่หุ้นใหญ่สยามอินดิก้า)