- Home
- Isranews
- รายงาน-สกู๊ป
- ข้อมูลใหม่!สัมพันธ์ลับ"บ.ขายสว่าน-ญาติเสี่ยเปี๋ยง"ก่อนโผล่หุ้นใหญ่สยามอินดิก้า
ข้อมูลใหม่!สัมพันธ์ลับ"บ.ขายสว่าน-ญาติเสี่ยเปี๋ยง"ก่อนโผล่หุ้นใหญ่สยามอินดิก้า
ไขสัมพันธ์ลับ "บ.ขายสว่าน" มีรายได้หลักพัน โผล่ถือครองหุ้นสยามอินดิก้า 655 ล.-พบอดีตผู้ถือหุ้นใหญ่ ที่แท้ลูกชายปลัดลำปาง ร่วมลงขันทำธุรกิจก่อสร้างประเดิมทุน 25 ล. เครือญาติ "เสี่ยเปี๋ยง" เคยถูกทหารบุกค้น
แม้ว่าบริษัท คาล เอเซีย เอ็นเตอร์ไพรเซส จำกัด ซึ่งปรากฎรายชื่อเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุด ของบริษัทสยามอินดิก้า จำกัด มูลค่า 655 ล้านบาท จะไม่ได้ปรากฎรายชื่อเป็นหนึ่งในบริษัทเอกชน ที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาคดีทุจริตระบายข้าวโครงการรับจำนำแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี ที่อยู่ระหว่างการสอบสวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) อยู่ในขณะนี้
เนื่องจากเพิ่งปรากฎชื่อเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นบริษัท สยามอินดิก้าฯ ในช่วงเดือนพ.ย.56 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่โครงการระบายข้าวจีทูจี ถือตรวจสอบพบปัญหาการทุจริตไปแล้ว (ป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหากับนายสมยศ คุณจักร ผู้อำนวยการยศการคลินิก สามีนางสุดา คุณจักร ผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัทสยามอินดิก้า ก่อนหน้านี้ ที่บริษัท คาล เอเซียฯ จะเข้ามาถือหุ้นแทน)
(อ่านประกอบ : ฮือฮา!บ.ขายสว่านหุ้นใหญ่"สยามอินดิก้า"655ล.โชว์รายได้ล่าสุด3.9พันบาท)
แต่มีข้อเท็จจริงหลายประการ ที่ไม่ควรมองข้าม เกี่ยวกับการเข้ามาถือหุ้นใหญ่ในบริษัท สยามอินดิก้าฯ ของ บริษัท คาล เอเซียฯ
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ไล่เลียงข้อมูลมานำเสนอให้เห็นภาพชัดเจนดังนี้
ประการที่หนึ่ง ก่อนที่บริษัท สยามอินดิก้าฯ จะปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหม่ และปรากฎรายชื่อบริษัท คาล เอเซียฯ เข้ามาถือหุ้นใหม่ จำนวน 655,359 หุ้น มีมูลค่าหุ้น ละ 1,000 บาท หรือคิดเป็นเงิน 655,359,000บาท แทน นางสุดา คุณจักร
บริษัท คาล เอเซียฯ ได้แจ้งงบดุลแสดงผลประกอบการ ปี 2555 ระบุว่า มีรายได้รวม 544,098 บาท แต่มีกำไรสุทธิแค่ 344,517.82 บาท
ล่าสุดเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2557 บริษัท คาล เอเซียฯ นำส่งงบดุลแสดงผลประกอบการทางธุรกิจ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2556 ให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้ารับทราบ หลังจากปรากฎรายชื่อเข้ามาถือครองหุ้นบริษัทสยามอินดิก้าฯ ในช่วงเดือนพ.ย.56 หรือคิดเป็นระยะเวลาประมาณ 6 เดือนเศษ
ระบุว่า บริษัทฯ มีรายได้รวมจากการดำเนินธุรกิจ 3,945 บาท มีค่าใช้จ่ายรวมในการดำเนินงาน 15,000 บาท ขาดทุนจากการดำเนินงาน 15,000 บาท รวมรายได้อื่น 3,945 บาท ขาดทุนสุทธิ 11,055 บาท
คำถามที่น่าสนใจ ถือการโอนหุ้นจำนวน 655,359 หุ้น คิดเป็นเงิน 655,359,000บาท มีการซื้อขายกันระหว่างบริษัท คาล เอเซียฯ กับ นางสุดา คุณจักร บริษัทคาล เอเซียฯ จะนำแหล่งเงินจากไหนมาใช้ในการซื้อหุ้นที่มีมูลค่าสูงขนาดนี้
หรือ เป็นการโอนหุ้นให้ถือแทน โดยไม่มีการซื้อขาย?
ประการที่สอง บริษัท คาล เอเซียฯ จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2534 มีทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท แจ้งที่ตั้งเลขที่ 131/30 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตย เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร แจ้งประกอบธุรกิจ นำเข้าเครื่องมือและสว่านไฟฟ้า - นำเข้า ไม่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจข้าวแต่อย่างใด
ปรากฎชื่อ นาย วิชัย สุทธิรัตน์ชัยชาญ นักธุรกิจในจังหวัดเชียงใหม่ เป็นผู้ก่อตั้งและเป็นกรรมการผู้มีอำนาจ
รายชื่อผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 2 พฤศจิกายน 2556 มีจำนวน 3 ราย ประกอบไปด้วย
1. นาย พีระวัฒน์ เมืองตั้ง ถืออยู่จำนวน 9,998 หุ้น มูลค่า 999,800 บาท
2. นาง วิไลลักษณ์ สุระมนต์ ถืออยู่ 1 หุ้น มูลค่า 100 บาท
3. นางสาว สุธิดา จันทะเอ ถืออยู่ 1 หุ้น 100 บาท
(อ่านประกอบ : บ.ขายสว่านไฟฟ้า เปลี่ยนชื่อกก.-ผู้ถือหุ้นอุตลุด ก่อนโผล่ "สยามอินดิก้า")
ก่อนที่ล่าสุด เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2557 บริษัท คาลเอเซียฯ ได้แจ้งเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหม่ มีนายไบรอัน ฮิง ลี นักธุรกิจอเมริกัน ถือหุ้นใหญ่สุด 4,900 หุ้น มูลค่า 490,000 บาท ตามด้วยนาง พัชรี ชมไพศาล 4,000 หุ้น มูลค่า 400,000 บาท และนายวิชัย สุทธิรัตน์ชัยชาญ 1,100 หุ้น มูลค่า 110,000 บาท
ส่วนนาย พีระวัฒน์ เมืองตั้ง ปรากฎรายชื่อเป็นกรรมการผู้มีอำนาจบริษัทฯ
ข้อมูลส่วนนี้ นอกเหนือจาก นาง วิไลลักษณ์ สุระมนต์ นางสาว สุธิดา จันทะเอ ซึ่งถูกตรวจสอบพบว่าเป็นคนของบริษัทสยามอินดิก้า และละแจ้งที่อยู่อาศัยเป็นแฟลตเอื้ออาทร
(อ่านประกอบ : หุ้นใหญ่ บริษัทสยามอินดิก้า 655 ล้าน! อยู่แฟลตเอื้ออาทร ย่านบึงกุ่ม , พบผู้ถือหุ้นใหญ่ สยามอินดิก้า 655 ล.รายใหม่ อยู่แฟลตเอื้ออาทรย่านปากเกร็ด)
ขอให้โฟกัสไปที่ นายพีระวัฒน์ เมืองตั้ง เป็นหลัก
จากการตรวจสอบข้อมูลกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าพบว่า นายพีระวัฒน์ เมืองตั้ง นอกจากจะปรากฎรายชื่อเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท คาล เอเซียฯ
ยังปรากฎรายชื่อเป็นกรรมการผู้มีอำนาจบริษัท พีเอเอส (2556) จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2556 ทุน 25 ล้านบาท ตั้งอยู่เลขที่ 999 หมู่ที่ 4 ตำบลบ้านเป้า อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง แจ้งประกอบกิจการรับเหมาก่อสร้าง
รายชื่อผู้ถือหุ้น บริษัท พีเอเอส (2556) จำกัด ณ วันที่ 17 มีนาคม 2556 มีจำนวน 3 ราย นายพีระวัฒน์ เมืองตั้ง ถืออยู่จำนวน 360,000 หุ้น มูลค่า 36,000,000 บาท นางพูนศรี เมืองตั้ง ถืออยู่ 60,000 หุ้น มูลค่า 6,000,000 บาท
ส่วนผู้ถือหุ้นรายใหญ่สุด คือ นายสรวิศ จันทร์สกุลพร ถืออยู่จำนวน 780,000 หุ้น มูลค่า 78,000,000 บาท
จากการตรวจสอบพบว่า "นายสรวิศ" มีนามสกุลเดียวกับ นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือ “เสี่ยเปี๋ยง” นักธุรกิจชื่อดัง คนสนิทของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ก่อตั้ง ปรากฎรายชื่อเป็นหนึ่งในผู้ถูกกล่าวหาคดีทุจริตระบายข้าวโครงการรับจำนำ แบบจีทูจี ซึ่งอยู่ระหว่างการไต่สวนของ ป.ป.ช. อยู่ในขณะนี้
ขณะที่ นายสรวิศ ยังปรากฎรายชื่อ เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท สิราลัย (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท กีธา พร๊อพเพอร์ตี้ส์ จํากัด และถูกบริษัทอาดามัส อินคอร์ปอเรชั่น จํากัด (มหาชน) หรือ ADAM เข้าซื้อกิจการ) ที่ถูกตรวจสอบพบว่า มีการเปลี่ยนแปลง “ทุน” จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทอย่างรวดเร็ว โดยในช่วงจดทะเบียนตั้งบริษัท เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2555 มีแค่ 1,000,000 บาท ก่อนจะปรับขึ้นเป็น 1,200,000,000 บาท เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2555 และเพิ่มเป็น 2,200,000,000 บาท เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2555
ซึ่งในจำนวนนี้ เป็นเงินในส่วนของนาย สรวิศ จำนวน 779,647,500 บาท
ขณะที่การเพิ่มทุนของบริษัท สิราลัย ถูกตั้งข้อสังเกตว่า เกิดขึ้นหลังจากที่ บริษัท “GSSG IMP AND EXPORT CORP” จากเมืองกวางเจา ประเทศจีน เข้ามาทำสัญญาซื้อข้าวกับกรมการค้าต่างประเทศ และมีการตรวจพบว่า ตัวแทนบริษัทที่เข้ามาดำเนินการ คือ “รัฐนิธ โสติกุล” (“ปาล์ม” ) และ นายนิมล รักดี มีความเกี่ยวโยงกับ บริษัทสยามอินดิก้า ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2555 ก่อนที่จะมีการนำข้าวไปเร่ขายต่อให้กับโรงสี ตามข้อกล่าวหาของฝ่ายค้าน
ปัจจุบันบริษัท สิราลัย หรือชื่อใหม่ว่า บริษัท กีธา พร๊อพเพอร์ตี้ส์ จํากัด และ น.ส.ธันยพร จันทร์สกุลพร กรรมการผู้มีอำนาจบริษัท ปรากฎรายชื่อเป็นผู้ถูกล่าวหาคดีระบายข้าวจีทูจีด้วยเช่นกัน
(อ่านประกอบ : หลักฐานครบชุด"คนสกุล"เสี่ยเปี๋ยง ขนเงินสด 2.2 พันล.รอผลป.ป.ช.ชี้คดีข้าว , 3คำถาม!เส้นทางเงินบ.เครือข่าย"เสี่ยเปี๋ยง"คดีข้าวจีทูจี ก่อน-หลังโอนหุ้นเกลี้ยง 2.2 พันล., ฮือฮา!คนใกล้ชิด"เสี่ยเปี๋ยง"โอนหุ้นบ.เอี่ยวคดีข้าวจีทูจี เกลี้ยง 2.2 พันล.)
ล่าสุดในช่วงกลางเดือน มิ.ย.57 ที่ผ่านมา ASTVผู้จัดการรายวัน รายงานข่าวว่า กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย(กกล.รส.)มณฑลทหารบก(มทบ.)ที่ 32 ได้นำกำลังชุดปฏิบัติการ หน่วยทหารขนาดเล็ก(นทล.) 2 ชุด พร้อมตำรวจสภ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง ฝ่ายปกครอง อ.ห้างฉัตร เข้าตรวจโกดังเก็บข้าวสารบริษัท พีเอเอส (2556) จำกัด เลขที่ 999 หมู่ 1 ต.เวียงตาล อ.ห้างฉัตร ของนายพีระวัฒน์ เมืองตั้ง อายุ 25 ปี หลังสายข่าวได้รับรายงานว่าลักลอบนำแรงงานต่างด้าวมาทำงานโดยผิดกฎหมาย แต่ไม่มีหน่วยไหนเข้าตรวจจับ เนื่องจากเป็นโกดังของลูกของข้าราชการระดับสูง
โดยระบุว่า นายพีระวัฒน์ เมืองตั้ง บุตรชาย ของนายวรวุฒิ เมืองตั้ง ปลัดอำเภอห้างฉัตร ซึ่งขณะนี้นายวรวุฒิได้สั่งถูกพักราชการ จากการที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดเมื่อเดือนธันวาคม 2556 จากคดีทุจริตสอบเข้าโรงเรียนนายอำเภอ
จากข้อมูลทั้งหมด ชี้ให้เห็นว่าการปรากฎตัวเข้ามาถือหุ้นใหญ่ในบริษัทสยามอินดิก้า ของบริษัท คาล เอเซียฯ จึงอาจไม่ใช่เรื่องปกติในการทำธุรกิจของเอกชนธรรมดาทั่วไป แต่อย่างใด