- Home
- Investigative
- บัญชีทรัพย์สิน
- ไขปริศนา!บ้าน 16 ล้าน“ณฐกมล”คดีรวยผิดปกติ 68.1 ล้าน ใครเจ้าของแท้จริง?
ไขปริศนา!บ้าน 16 ล้าน“ณฐกมล”คดีรวยผิดปกติ 68.1 ล้าน ใครเจ้าของแท้จริง?
ไขปมปริศนา!บ้าน 16 ล้านย่านปากเกร็ดในบัญชีทรัพย์สิน“ณฐกมล”ลูกสาวพลเอกคนสนิท“บิ๊กจิ๋ว”คดีรวยผิดปกติ 68.1 ล้าน จดทะเบียนโอนไปมา 4 ตลบ จากบ.ราศรี บัวเลิศ -นายหน้าอสังหาฯ แท้จริงเป็นของใคร?
ในคดีที่ น.ส.ณฐกมล นนทะโชติ (หรือนฤมล หรือณฐกมล หรืออินทร์ริตา นนทะโชติ หรือนนทะวัชรศิริโชติ) อดีตข้าราชการประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ลูกสาว พล.อ.สัมฤทธิ์ นนทะโชติ ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษายึดทรัพย์สิน 68.1 ล้านบาท ในข้อหาร่ำรวยผิดปกติ เมื่อ 4 ธ.ค.57 (ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่คำพิพากษาฉบับเต็มเมื่อ 13 ม.ค.58 คดีหมายเลขแดงที่ อม.30/2557) น.ส.ณัฐกมลได้อ้าง “ที่มา”ของเงินมาจาก 3 ทาง
1.พล.อ.ชวลิตเป็นผู้มอบให้ผ่าน พล.อ.สัมฤทธิ์ นนทะโชติ บิดา จำนวน 40 ล้านบาท ระหว่างปี 2545-2548 ปีละ 10 ล้านบาท (พล.อ.สัมฤทธิ์อ้างว่าได้รับมาจาก พล.อ.ชวลิต ครั้งแรก ปี 2536 จำนวน 15 ล้านบาท และครั้งที่สอง ปี 2538 จำนวน 27 ล้านบาท)
2.เงินจากการขายบ้าน 2 หลังในย่านปากเกร็ด จ.นนทบุรี 16 ล้านบาทให้แก่ พ.ต.ต.หญิง ศรีสุภางค์ โสมกุล บุตรสาว พล.อ.ชวลิต เมื่อเดือน พ.ค.2547
3. เงินที่ พล.อ.ชวลิตมอบให้โดยตรงเป็นเงินสดในฐานะเป็นสมาชิกกลุ่มต้นกล้าของพรรคความหวังใหม่ ระหว่างปี 2547-2548 จำนวน 12,104,000 บาท ให้เป็น “ส่วนตัว”ไม่มีใครรู้เห็น
ในส่วนของ “บ้าน 2 หลัง”ในย่าน อ.ปากเกร็ด นั้น มีเงื่อนปมที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง
เบื้องแรกขอสรุปข้อมูลให้เข้าใจอย่างง่ายๆดังนี้
คำชี้แจงของ น.ส.ณฐกมล
น.ส.ณฐกมลอ้างว่าเงิน 16 ล้านบาท (จาก 68 ล้านบาท)ได้มาจากการขายทาวน์เฮาส์ 2 หลัง เลขที่ 35/150 – 151 ปลูกสร้างบนที่ดินโฉนดเลขที่ 20470 และ 20471 ตำบลบางตลาด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เนื้อที่ 37 เศษ 6 ส่วน 10 ตารางวา และ 24 เศษ 4 ส่วน 10 ตารางวา ตามลําดับ ให้แก่ พ.ต.ต. ศรีสุภางค์ โสมกุล เมื่อเดือน พ.ค. 47 และ ทยอยนำเงินที่ได้เข้าฝากธนาคารจำนวน 5 บัญชี ซึ่งเป็นบัญชีเดียวกับเงิน 40 ล้านบาท ครั้งละ 1 ล้านบาทเศษ
ขณะที่ พ.ต.ต. ศรีสุภางค์ ให้การสอดรับว่ารับซื้อบ้าน 2 หลังจาก น.ส.ณฐกมลเมื่อประมาณเดือน พ.ค.47 ชำระเงินจริงเพียง 15.6 ล้านบาท แต่ยังไม่ได้จดทะเบียนโอน เพียงแต่โอนลอยกันไว้ และทำหนังสือมอบอำนาจให้ พ.ต.ต.หญิงศรีสุภางค์มีอำนาจในการจัดการโอนขาย
ข้อเท็จจริงจากเอกสารการจดทะเบียนต่อสำนักงานที่ดิน (หลังโฉนด)
อย่างไรก็ตามหลักฐานการจดทะเบียนระบุว่า ที่ดินแปลงนี้มีการจดทะเบียนโอนไปมาหลายครั้ง
ครั้งแรก 7 เม.ย.42 พ.ต.ต.หญิง ศรีสุภางค์ ซื้อมาจากบริษัท ยิ่งรวยเรียลเอสเตท จำกัด โดยจดทะเบียนซื้อขายในราคา 4 ล้านบาท
ครั้งที่สอง 11 ธ.ค.45 พ.ต.ต.หญิงศรีสุภางค์ จดทะเบียนโอนขายให้แก่ น.ส.ณฐกมล ในราคา 4 ล้านบาท
ครั้งที่สาม 11 ส.ค.54 น.ส.ณฐกมล จดทะเบียนโอนขายคืนให้แก่ พ.ต.ต.หญิง ศรีสุภางค์ ในราคา 15.6 ล้านบาท
ครั้งที่สี่ 22 ส.ค.54 พ.ต.ต.หญิงศรีสุภางค์ จดทะเบียนโอนขายต่อให้แก่บริษัท คอสโม ดีเวลลอปเม้นท์ (ไทยแลนด์) จำกัด ในราคา 10 ล้านบาท
คำวินิจฉัยของศาลฎีกาฯ
ศาลฎีกาฯวินิจฉัยว่า การที่ น.ส.ณฐกมลอ้างว่า ขายทาวน์เฮาส์ 2 หลัง พร้อมที่ดินคืนให้แก่ พ.ต.ต.หญิง ศรีสุภางค์ ตั้งแต่ประมาณ เดือน พ.ค. 47 และชำระเงินให้แก่กันด้วยเงินสด ศาลไม่เชื่อว่าเป็นความจริงเพราะ
1. ช่วงเวลาที่อ้างว่ามีการซื้อขายในช่วงเดือน พ.ค.47 แตกแตกต่างช่วงเวลาที่ระบุในเอกสารการจดทะเบียนจะซื้อจะขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้างและการจดทะเบียนโอนที่ดินซึ่งเกิดขึ้นในปี 2554
2.ในการสืบพยานในศาล มีเพียง น.ส.ณฐกมล กับ พ.ต.ต.หญิง ศรีสุภางค์ เป็นพยาน โดยมี หนังสือมอบอำนาจฉบับลงวันที่ 2 พ.ค. 2547 ที่มีข้อความเพียงว่า น.ส.ณฐกมลมอบให้ พ.ต.ต.หญิง ศรีสุภางค์ เป็นผู้มีอำนาจจัดการขายทาวน์เฮาส์ 2 หลัง พร้อมที่ดิน เท่านั้น
3.การซื้อขายตามที่กล่าวอ้าง มีราคาซื้อขายกันสูงถึง 16 ล้าน บาท แต่กลับชำระราคากันด้วยเงินสดและไม่มีการทำหนังสือสัญญาใด ๆ ที่มีข้อความแสดงให้เห็นว่ามีการซื้อขายทาวน์เฮาส์ 2 หลัง พร้อมที่ดินกันไว้เป็นลายลักษณ์อักษร แม้จะอ้างว่า เป็นเรื่องความไว้วางใจต่อกัน เนื่องจาก น.ส.ณฐกมลทำงานในพรรคความหวังใหม่ซึ่ง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ หัวหน้าพรรคเป็นบิดาของ พ.ต.ต.หญิง ศรีสุภางค์ ก็ตาม แต่อย่างน้อยในการชําระเงินให้แก่กันด้วยเงินสด ก็ควรที่จะต้องมีเอกสารการรับเงิน การจ่ายเงินไว้เป็นหลักฐาน
4.พ.ต.ต.หญิง ศรีสุภางค์ ให้การไว้ในชั้นคณะกรรมการ ป.ป.ช. ว่ามีอาชีพซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ จึงย่อมต้องทราบเป็นอย่างดีว่า ลําพังใบมอบอํานาจที่มีข้อความเพียงการมอบอํานาจให้ไปจัดการขายทรัพย์สิน ไม่มีข้อความใดที่แสดงว่า ได้มีการซื้อขายและชําระราคาให้แก่กันแล้ว ซึ่งการขาดหลักฐานที่สําคัญเช่นนี้อาจเป็นปัญหาพิพาทกันในอนาคตได้ อันเป็นการผิดปกติวิสัยของการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ที่มีราคาซื้อขายตามที่อ้างสูงถึง 16 ล้านบาท โดยเฉพาะสําหรับผู้มีอาชีพซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องทําด้วยความรอบคอบเพื่อป้องกันปัญหาตามมาในภายหลัง
5.พ.ต.ต.หญิง ศรีสุภางค์ อ้างว่าจะนำทาวน์เฮาส์พร้อมที่ดินไปขายต่อ แต่กลับปรากฏว่า ยังยึดถือโฉนดที่ดินซึ่งเคลือบพลาสติกและปล่อยระยะเวลาล่วงเลยไปนานหลายปีโดยไม่ได้ให้ น.ส.ณฐกมล ไปดำเนินการออกใบแทนโฉนดที่ดินเพื่อเตรียมไว้สําหรับการขายต่อ
6. น.ส.ณฐกมลอ้างว่าได้รับเงินสดจากการขายที่ดินจํานวน 15.6 ล้านบาท จาก พ.ต.ต.หญิง ศรีสุภางค์ ในวันซื้อขาย (พ.ค.47) หลังจากนั้นนําเงินไปแยกฝากเข้าบัญชีของตัวเอง 5 บัญชี โดยทยอยนำเข้าฝากครั้งละ 1 ล้านบาทเศษ โดยอ้างว่าทำตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ธนาคาร เพื่อไม่ต้องยุ่งยากในเรื่องเอกสารและปฏิบัติเช่นนี้มาตั้งแต่ก่อนเข้าดำรงตำแหน่งทางการเมืองแล้ว และยังคงปฏิบัติเช่นนั้นต่อเนื่องเรื่อยมา แต่ น.ส.ณฐกมลไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่าเงินใน 5 บัญชี ส่วนใดเป็นเงินที่ได้จากการขายทาวน์เฮาส์ 2 หลัง
7.หากเป็นเงินที่ได้จากการขายทาวน์เฮาส์ 2 หลัง พร้อมที่ดินจริง ก็เป็นเงินซึ่งมีที่มาชัดเจนคือได้จากการขายทรัพย์สินของตนเอง สามารถแสดงที่มาของเงินได้ โดยไม่ยุ่งยากเรื่องเอกสาร แต่ น.ส.ณฐกมลกลับยังคงใช้วิธีทยอยนำเงินเข้าฝาก เพื่อหลีกเลี่ยงการอธิบายถึงที่มาของเงิน โดยไม่ได้แสดงเหตุผลให้ปรากฏว่าเหตุใดกระทําเช่นนั้น พฤติการณ์ที่ผู้ถูกกล่าวหาอ้างว่าทยอยนําเงินเข้าฝากอันเป็นการหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ ย่อมทำให้ไม่อาจพิสูจน์ได้โดยแน่ชัดถึงที่มาของเงินว่าได้มาจากการซื้อขายทาวน์เฮาส์ 2 หลัง พร้อมที่ดินหรือได้มาโดยประการอื่นใด
8.น.ส.ณฐกมลยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน กรณีพ้นจากตําแหน่ง 8 เม.ย. 48 และกรณี พ้นจากตําแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี 1 พ.ค. 49 ระบุเป็นเจ้าของ ทาวน์เฮาส์เลขที่ 35/150 – 151 พร้อมที่ดินโฉนดเลขที่ 20470 และ 20471 ทั้งที่ น.ส.ณฐกมลอ้างต่อศาลว่าได้ขายทาวน์เฮาส์ 2 หลัง พร้อมที่ดินให้แก่ พ.ต.ต.หญิง ศรีสุภางค์ ไปแล้วตั้งแต่เดือน พ.ค. 2547 อันเป็นการขัดแย้งกันเอง
เงื่อนปมในกรณีนี้ (สำนักข่าวอิศรา)
ข้อแรก น.ส.ณฐกมลอ้างว่าขายบ้านและที่ดินให้ พ.ต.ต. ศรีสุภางค์ โสมกุล เมื่อเดือน พ.ค. 47
ขณะที่เอกสารการจดทะเบียนที่ดินที่ปรากฏในสำนักงานที่ดินกลับระบุว่า พ.ต.ต.หญิงศรีสุภางค์ซื้อมาจากบริษัท ยิ่งรวยเรียลเอสเตท จำกัด เมื่อ 7 เม.ย.42 ในราคา 4 ล้านบาท
11 ธ.ค.45 พ.ต.ต.หญิงศรีสุภางค์ จดทะเบียนโอนขายให้แก่ น.ส.ณฐกมล ในราคา 4 ล้านบาท (ราคาเท่าเดิม)
11 ส.ค.54 น.ส.ณฐกมล จดทะเบียนโอนขายคืนให้แก่ พ.ต.ต.หญิง ศรีสุภางค์ ในราคา 15.6 ล้านบาท (หลังจากถูกตั้งคณะอนุกรรมการตรวจสอบร่ำรวยผิดปกติ)
22 ส.ค.54 พ.ต.ต.หญิงศรีสุภางค์ จดทะเบียนโอนขายต่อให้แก่บริษัทคอสโม ดีเวลลอปเม้นท์ (ไทยแลนด์) จำกัด ในราคา 10 ล้านบาท
ในกรณีนี้ 7 เม.ย.42 พ.ต.ต.หญิงศรีสุภางค์ ซื้อมาจากบริษัท ยิ่งรวยเรียลเอสเตทฯ ในราคา 4 ล้านบาท และอีก 2 ปี ถัดมาได้จดทะเบียนโอนขายให้แก่ น.ส.ณฐกมล ในราคา 4 ล้านบาท ในซึ่งเป็นราคาเท่าเดิม
ไฉน!ต่อมา 11 ส.ค.54 เมื่อ น.ส.ณฐกมล จดทะเบียนโอนขายคืนให้แก่ พ.ต.ต.หญิง ศรีสุภางค์ กลับมีราคาสูงถึง 15.6 ล้าน บาท เท่ากับได้กำไรถึง 11.6 ล้านบาท
น่าสังเกตว่าการจดทะเบียนขาย 2 ครั้ง เมื่อ 11 ส.ค.54 และวันที่ 22 ส.ค.54 เป็นช่วงเวลาหลังจากถูกตั้งคณะอนุกรรมการตรวจสอบร่ำรวยผิดปกติ ซึ่งคดีนี้ ป.ป.ช.ได้ตั้งคณะอนุกรรมการตรวจสอบ น.ส.ณฐกมลเนื่องจากมีเหตุสงสัยว่าทีทรัพย์สินเพิ่มผิดปกติ เมื่อ 24 ธ.ค.52
การจดทะเบียนขายเมื่อ 11 ส.ค.54 ระหว่าง น.ส.ณฐกมล กับ พ.ต.ต.หญิง ศรีสุภางค์ จึงเป็นเรื่องน่าสงสัย?
ข้อสอง ในเมื่อ พ.ต.ต.หญิงศรีสุภางค์อ้างว่าซื้อมาจาก น.ส.ณฐกมลในราคา 15.6 ล้านบาท เหตุใด!10 วันต่อมา พ.ต.ต.ศรีสุภางค์ จึงยอมขายให้บริษัทคอสโม ฯ ในราคา 10 ล้านบาท เท่ากับขาดทุนถึง 5.6 ล้านบาท
อีกทั้ง จากการตรวจสอบพบว่า บริษัทคอสโมฯ จดทะเบียนเมื่อ 26 มี.ค.54 (หลังจาก น.ส.ณฐกมลถูก ป.ป.ช.สอบ) ด้วยทุน 1 ล้านบาท ประกอบธุรกิจนายหน้าค้าอสังหาริมทรัพย์ มี น.ส.ปัณชญา เหล่าบัณฑิต ถือหุ้นใหญ่ ซึ่งถ้าพิจารณาจากนามสกุลของน.ส.ปัณชญาย่อมมิใช่เครือญาติของ พ.ต.ต.หญิงศรีสุภางค์ บริษัทคอสโมฯ มีแรงจูงใจใดถึงได้รับการลดราคากว่า 5 ล้านบาท
ข้อ 3. บริษัท ยิ่งรวยเรียลเอสเตท จำกัด มีนางสาวราศรี บัวเลิศ นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ค้าอาวุธเป็นเจ้าของ มีข้อมูลระบุว่า น.ส.ราศรีเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจของคุณหญิงพันธุ์เครือ ยงใจยุทธ (คุณหญิงหลุยส์)ภริยา พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ในชื่อ บริษัท ยิ่งรวยพัฒนา (1991) จำกัด จดทะเบียนวันที่ 11 มิถุนายน 2534 ทุนปัจจุบัน 10 ล้านบาท ประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ที่ตั้งเลขที่ 35/246 หมู่ที่ 8 ถนนประชาชื่น ตำบลบางตลาด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 30 เมษายน 2554 บริษัท ยิ่งรวย เรียล เอสเตท จำกัด ถือ 92,995 หุ้น (92.99%) คุณหญิงพันธุ์เครือ 5,000 หุ้น (5%) นายวรรณชัย จิระนคร 2,000 หุ้น (2%) นายณัฐจักร์ วรรณละเอียด พลเรือเอกประเทือง วงศ์จันทร์ นางสาวราศรี บัวเลิศ พันเอกสวัสดิ์ พัดชื่นใจ พลเรือโท อนันต์ จันทรกุล คนละ 1 หุ้น นายณัฐจักร์ วรรณละเอียด เป็นกรรมการ
(อ่านประกอบ:บ้านคนสนิท“บิ๊กจิ๋ว”ถูกยึดทรัพย์ ที่แท้“ราศรี บัวเลิศ”เจ้าของโครงการ)
จากข้อมูลเท่ากับเจ้าของที่ดินแปลงนี้มีความเกี่ยวพันกับบุคคลในครอบครัว พล.อ.ชวลิตมาตั้งแต่เริ่มต้น
นำไปสู่ข้อสงสัยที่ว่าแท้จริงแล้ว น.ส.ณฐกมลเป็นเจ้าของโดยแท้จริงตั้งแต่เริ่มต้นหรือไม่ ?
และถ้าไม่ใช่เจ้าของที่แท้จริง การที่ น.ส. ณฐกมลยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินช่วงปี 2548-2549 ระบุว่าเป็นเจ้าของบ้านและที่ดินดังกล่าว เข้าข่ายยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินเท็จหรือไม่?
เป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่ ป.ป.ช.มิได้ตรวจสอบอย่างทันท่วงที เนื่องจาก น.ส.ณฐกมลยื่นบัญชีครั้งสุดท้ายเมื่อพ้นตำแหน่งครบ 1 ปี วันที่ 1 พ.ค.49 จนถึงขณะนี้เป็นเวลา 10 ปี ถ้ามีความผิดถูกลงโทษห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี นับจาก 1 พ.ค.49 จะถือว่าคดีขาดอายุความไปแล้วหรือไม่?
(เชิญชวนติดตามข่าวสารสำนักข่าวอิศรา ได้ด้วยการกด "Like" ที่ แฟนเพจ "I love isranews")
อ่านประกอบ:
คำชี้แจงพิสดาร“ณฐกมล”ที่มาของเงิน 68.1 ล้าน “บิ๊กจิ๋ว”หิ้วให้ปีละ 10 ล้าน
ป.ป.ช.ขอดูคำพิพากษา-กม.คดี"ณฐกมล" ก่อนลุยสอบเงิน 52 ล.“บิ๊กจิ๋ว”
คำพิพากษาฉบับเต็ม!คดียึดทรัพย์"ณฐกมล"ลูกสาว”พล.อ.คนสนิท“บิ๊กจิ๋ว”68 ล.
“บิ๊กจิ๋ว”รับเงินในบัญชีแบงก์ 52 ล้าน “ลูกสาว”พลเอกคนสนิทเป็นของตัวเอง
ป.ป.ช.ยึดทรัพย์ลูกสาวพลเอกคนสนิท“บิ๊กจิ๋ว”รวยผิดปกติ 68 ล้าน
พบ“ลูกสาว”พลเอกคนสนิทบิ๊กจิ๋ว-รวยผิดปกติ 68 ล.เปลี่ยนชื่อ-สกุล 5 ครั้ง
เผยโฉมบ้าน“ลูกสาว"พลเอกคนสนิท"บิ๊กจิ๋ว”16 ล้าน
กรณีเงินที่เพิ่มขึ้นจำนวน 16 ล้าน บาท |
|
คำชี้แจงของ “ณฐกมล” |
คำวินิจฉัยของศาล |
อ้างว่าเป็นเงินที่ได้มาจากการขายทาวน์เฮาส์ 2หลัง เลขที่ 35/150 – 151 ปลูกสร้างบนที่ดินโฉนดเลขที่ 20470 และ 20471ตำบลบางตลาด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เนื้อที่ 37 เศษ 6 ส่วน 10 ตารางวา และ 24 เศษ 4 ส่วน 10 ตารางวา ตามลําดับ ให้แก่ พ.ต.ต. ศรีสุภางค์ โสมกุล เมื่อเดือน พ.ค. 47 ในราคา 16 ล้านบาท ชำระจริงเพียง 15.6 ล้านบาท รับเป็นเงินสด ทยอยนำเงินเข้าฝากธนาคารจำนวน 5 บัญชี ซึ่งเป็นบัญชีเดียวกับเงิน 40 ล้านบาท ครั้งละ 1 ล้านบาทเศษ |
1.หลักฐานทางทะเบียนที่ดินระบุว่า 7 เม.ย.42 พ.ต.ต.หญิง ศรีสุภางค์ ซื้อมาจากบริษัทยิ่งรวยเรียลเอสเตทจำกัด โดยจดทะเบียนซื้อขายในราคา 4 ล้านบาท 11 ธ.ค.45 พ.ต.ต.หญิงศรีสุภางค์ จดทะเบียนโอนขายให้แก่ น.ส.ณฐกมล ในราคา4 ล้านบาท 11 ส.ค.54 น.ส.ณฐกมล จดทะเบียนโอนขายคืนให้แก่ พ.ต.ต.หญิง ศรีสุภางค์ ในราคา15.6 ล้านบาท 22 ส.ค.54 พ.ต.ต.หญิงศรีสุภางค์ จดทะเบียนโอนขายต่อให้แก่บริษัทคอสโมดีเวลลอปเม้นท์ (ไทยแลนด์) จำกัด ในราคา10 ล้าน บาท 2.การที่ น.ส.ณฐกมลอ้างว่า ขายทาวน์เฮาส์ 2 หลัง พร้อมที่ดินคืนให้แก่ พ.ต.ต.หญิง ศรีสุภางค์ ตั้งแต่ประมาณ เดือน พ.ค. 47 และชำระเงินให้แก่กันด้วยเงินสด ซึ่งแตกต่างจากสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้างและการจดทะเบียนโอนที่ดินซึ่งกระทําในปี 2554 นั้น น.ส.ณฐกมล คงมีเพียงตัวเอง กับ พ.ต.ต.หญิง ศรีสุภางค์ เป็นพยาน โดยมี หนังสือมอบอำนาจฉบับลงวันที่ 2 พ.ค. 2547 ที่มีข้อความเพียงว่า น.ส.ณฐกมลมอบให้ พ.ต.ต.หญิง ศรีสุภางค์ เป็นผู้มีอำนาจจัดการขายทาวน์เฮาส์ 2 หลัง พร้อมที่ดิน เท่านั้น ทั้งที่การซื้อขายตามที่กล่าวอ้าง มีราคาซื้อขายกันสูงถึง 16 ล้าน บาท แต่กลับชำระราคากันด้วยเงินสดและไม่มีการทำหนังสือสัญญาใด ๆ ที่มีข้อความแสดงให้เห็นว่ามีการซื้อขายทาวน์เฮาส์ 2 หลัง พร้อมที่ดินกันไว้เป็นลายลักษณ์อักษร แม้จะอ้างว่า เป็นเรื่องความไว้วางใจต่อกันเนื่องจาก น.ส.ณฐกมลทำงานในพรรคความหวังใหม่ซึ่ง พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ หัวหน้าพรรคเป็นบิดาของ พ.ต.ต.หญิง ศรีสุภางค์ ก็ตาม แต่อย่างน้อยในการชําระเงินให้แก่กันด้วยเงินสด ก็ควรที่จะต้องมีเอกสารการรับเงิน การจ่ายเงินไว้เป็นหลักฐาน 3.น.ส.ณฐกมลยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน กรณีพ้นจากตําแหน่ง 8 เม.ย. 48 และกรณี พ้นจากตําแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี 1 พ.ค. 49 ระบุเป็นเจ้าของ ทาวน์เฮาส์เลขที่ 35/150 – 151 พร้อมที่ดินโฉนดเลขที่ 20470 และ 20471 ทั้งที่ น.ส.ณฐกมลอ้างต่อศาลว่าได้ขายทาวน์เฮาส์ 2 หลัง พร้อมที่ดินให้แก่พ.ต.ต.หญิง ศรีสุภางค์ ไปแล้วตั้งแต่เดือน พ.ค. 2547 อันเป็นการขัดแย้งกับข้อกล่าวอ้างโต้งแย้งของผู้ถูกกล่าวหา |