เปิดคำให้การคดีมันเส้นจีทูจีเก๊! "เอกชน" ซัด "นักการเมือง" ชงขายสินค้าในปท.
เปิดคำให้การ "บริษัทเอกชน" คดีมันเส้นจีทูจีเก๊! รับจ่ายเงินกรมการค้าต่างประเทศซื้อสินค้าจริง เป็นการทำการค้าปกติ หลัง นักการเมืองใหญ่ใน ก.พาณิชย์ ประกาศเชิญชวนให้เข้ามาช่วยซื้อเอง
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า ขณะนี้คณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีกล่าวหา นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ กับพวกรวม 31 ราย กรณีการซื้อขายมันสำปะหลัง (มันเส้น) ในรูปแบบสัญญาซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ที่มี นางสาวสุภา ปิยะจิตติ กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธานฯ อยู่ระหว่างการเชิญตัวผู้ถูกกล่าวหาในคดีนี้ ที่มีจำนวนกว่า 30 รายมาให้ปากคำ
โดยเฉพาะในส่วนของเอกชนไทยที่ปรากฎรายชื่อในแคชเชียร์เช็คสั่งจ่ายเงินให้กับกรมการค้าต่างประเทศ เพื่อซื้อมันเส้นในโกดังรัฐบาล ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญที่ชี้ให้เห็นว่า การระบายมันเส้น จำนวน 7 สัญญา ปริมาณรวม 4,790,000 ตัน จำนวนเงินรวม 30,642,500,000 บาท กับ บริษัท Hainan Province Grain and oil Trading Company ไม่ได้เป็นการทำสัญญาซื้อขายมันเส้นแบบจีทูจีจริง
เนื่องจากสินค้าไม่ได้มีการส่งออกไปนอกประเทศ แต่วนเวียนซื้อขายอยู่ในประเทศไทย
(อ่านประกอบ : ป.ป.ช.ตั้งอนุฯสอบปมซื้อมันเส้นจีทูจียุค“ปู”-“บุญทรง-วีระวุฒิ-มนัส”เอี่ยวด้วย)
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบพบว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ตัวแทนบริษัทเอกชนรายหนึ่ง ได้เดินทางเข้าไปให้ปากคำกับ ป.ป.ช. ในคดีนี้แล้ว
โดยยอมรับว่า เข้าไปซื้อมันเส้นจากโกดังรัฐบาล และจ่ายเงินให้กับกรมการค้าต่างประเทศจริง แต่เป็นการทำธุรกิจตามปกติ ไม่ได้มีเจตนาที่จะเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์จากเรื่องนี้แต่อย่างใด
เอกชนรายนี้ ยังอ้างว่า เป็นหนึ่งในโกดังที่รัฐบาลทำสัญญาเช่าไว้เก็บสินค้ามันเส้น แต่ได้รับทราบข่าวว่ารัฐบาลประกาศให้เข้ามาซื้อมันเส้นได้ จึงติดต่อขอซื้อมันเส้นในโกดังที่บริษัทดูแลอยู่ เพื่อส่งออกไปขายต่อในต่างประเทศ ขณะที่ราคาซื้อก็เป็นราคาตามท้องตลาดทั่วไป ไม่ได้ต่ำกว่าราคาเป็นจำนวนมากแต่อย่างใด
ส่วนบุคคลที่ประกาศให้เอกชนเข้าไปซื้อมันเส้นได้นั้น เอกชนรายนี้ อ้างว่า เป็นนักการเมืองใหญ่รายหนึ่งในกระทรวงพาณิชย์ โดยให้เหตุผลว่า มันเส้น รุ่นใหม่กำลังจะออกมาแล้ว ขอให้เอกชนเข้ามาช่วยซื้อมันเส้นส่วนที่เหลือด้วย
ขณะที่ นายจักรพงศ์ ปิติพรสัมฤทธิ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท สุวรรณเกลียวทอง จำกัด ซึ่งปรากฎรายชื่อเป็นหนึ่งในผู้ถูกกล่าวหาคดีนี้ ให้สัมภาษณ์ยืนยันกับสำนักข่าวอิศรา ว่า ได้เข้าไปให้ปากคำกับคณะอนุกรรมการไต่สวนของ ป.ป.ช. จริง โดยยืนยันว่าไม่มีเจตนาที่จะเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์จากการรับซื้อมันเส้นของรัฐบาลแต่อย่างใด
"ผมจ่ายเงินซื้อมันเส้นให้กับกรมการค้าต่างประเทศจริง แต่จำนวนสินค้าไม่ได้มากมายนัก แค่หลักหมื่นตัน และซื้อเฉพาะในส่วนของสินค้าที่โกดังของผมรับฝากจากรัฐบาลไว้เท่านั้น ไม่ได้ไปซื้อจากโกดังอื่นเลย"
เมื่อถามว่า ซื้อสินค้ามาในราคาเท่าไร นายจักรพงศ์ ตอบว่า "ราคาที่ซื้อก็เป็นไปตามราคาตลาด ได้กำไรแค่โลละ 30 สตางค์เท่านั้น ไม่ได้เยอะอะไรเลย ถ้าผมมีเจตนาทำผิดจริง ก็ต้องได้กำไรมากกว่านี้ซิ และต้องไปซื้อจากโกดังอื่นด้วย เพราะเขาประกาศขายเป็นร้อยแห่ง แต่ผมซื้อแค่โกดังเดียว และเป็นโกดังของผมเองด้วย"
เมื่อถามว่า ป.ป.ช.ระบุว่าการซื้อขายมันเส้นครั้งนี้ ไม่ได้เป็นการซื้อขายแบบจีทจี จริง เพราะสินค้าไม่ได้ถูกส่งออกไปนอกประเทศ แต่มาวนขายอยู่ในประเทศไทย นายจักรพงศ์ ตอบว่า "ผมไม่ทราบ รู้แต่ว่า กระทรวงพาณิชย์เขาประกาศว่าจะขายสินค้าให้ ให้ช่วยเข้ามาซื้อเพราะสินค้ารุ่นใหม่กำลังจะออกมาแล้ว เมื่อเขาประกาศแบบนั้น ผมก็เข้าไปติดต่อขอซื้อตามขั้นตอนปกติ และจ่ายเงินให้กับกรมการค้าต่างประเทศ ผมมีเอกสารหลักฐานยืนยันได้ทุกอย่าง"
เมื่อถามว่า ใครเป็นผู้ประกาศว่าจะมีการขายสินค้าให้ นายจักรพงศ์ ตอบว่า "เป็นนักการเมืองคนหนึ่ง เขามาประชุมที่สมาคมมันเส้น และก็ประกาศเชิญชวนให้เข้าไปซื้อได้ ผมก็ไปซื้อ เรื่องก็มีเท่านั้น ผมไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องอะไรเลยจริงๆ ผมทำธุรกิจของผมตามปกติ"
เมื่อถามว่า เหตุที่ซื้อสินค้าในโกดังของตนเอง เป็นเพราะต้องการกลบหลักฐาน ที่มีการนำสินค้าออกไปขายก่อนหรือไม่ นายจักรพงศ์ ตอบว่า "ไม่จริง สินค้าโกดังผมไม่มีปัญหาเรื่องนี้ ของมีคุณภาพ ถ้าของไม่ดีจริงผมจะเอาไปขายต่อได้หรือ"
เมื่อถามว่า ป.ป.ช. ได้สักถามข้อมูลอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ นายจักรพงศ์ ตอบว่า "ผมยืนยันกับป.ป.ช.ไปแล้ว ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรด้วยเลย และได้ให้หลักฐานประกอบคำชี้แจงไปหมดแล้ว ผมแค่ทำธุรกิจตามปกติเท่านั้น"
ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ระบุว่า บริษัท สุวรรณเกลียวทอง จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2553 ทุน 5 ล้านบาท ตั้งอยู่เลขที่ 60 ถนนเทศบาล 1 ตำบลทางเกวียน อำเภอแกลง จังหวัดระยอง
แจ้งประกอบธุรกิจนำเข้า-ส่งออก มันสำปะหลัง ข้าว ข้าวโพด พืชผลทางการเกษตร เป็นตัวแทน นายหน้า ให้เช่าช่วง โกดัง คลังสินค้า อสังหาริมทรัพย์ทุกประเภท
ปรากฎชื่อนาย จักรพงศ์ ปิติพรสัมฤทธิ์ เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ รายชื่อผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 30 เมษายน 2558 มีจำนวน 3 ราย นายธราพงศ์ ตั้งนุศาสน์ นางสาววิไลลักษณ์ ตั้งนุศาสน์ ถือหุ้นใหญ่สุด คนละ 20,000 หุ้น รวมมูลค่า 4 ล้านบาท นายจักรพงศ์ ปิติพรสัมทธิ์ ถืออยู่ 10,000 หุ้น มูลค่า 1 ล้านบาท
นำส่งผลประกอบการธุรกิจ ล่าสุด ปี 2556 แจ้งมีรายได้รวม 163,210,029.77 บาท มีรายจ่ายรวม 161,714,908.13 บาท กำไรสุทธิ 1,137,178.89 บาท
ขณะที่ บริษัท สุวรรณเกลียวทอง จำกัด และจักรพงศ์ ปิติพรสัมฤทธิ์ ปรากฎชื่อเป็นหนึ่งในผู้ถูกกล่าวหาคดีระบายมันเส้นของ ป.ป.ช.
ส่วน นักการเมือง ที่ถูกระบุว่า เป็นผู้ประกาศเชิญชวนให้เอกชนเข้าไปซื้อมันเส้นจากโกดังรัฐบาลได้ ทั้งที่ มีการทำสัญญาขายสินค้าให้กับ บริษัท Hainan Province Grain and oil Trading Company ในรูปแบบจีทูจี จะเป็นใครนั้น
อีกไม่นานสาธารณชนคงได้รับคำตอบที่ชัดเจนจาก ป.ป.ช.ในเร็วๆ นี้
(กดคลิกติดตามข่าวสาร ได้ใน แฟนเพจ "I love isranews ")
อ่านประกอบ :
ที่อยู่'หุ้นใหญ่'เอี่ยวคดีมันเส้นจีทูจี'บริติชเวอร์จิ้น' โยง บ.สุธรรม บอร์ดรัฐฯยุค'โต้ง'
“วิชา”ยันคดีมันเส้นโมเดลเดียวข้าวจีทูจี-ขีดเส้น2สัปดาห์แจ้งข้อหาประกันข้าว
ย้อนข้อมูล คนใกล้ชิด"เสี่ยเปี๋ยง” ก่อนโดนรวบสอบคดีมันเส้นจีทูจี"เก๊" ซ้ำรอย "ข้าว"?
หุ้นใหญ่'เอี่ยวคดีมันเส้นจีทูจี ใช้ที่อยู่เดียวกลุ่ม บ.คู่ค้าน้ำมัน ปตท.ในบริติชเวอร์จิ้น
หุ้นใหญ่บ.จีนเอี่ยวคดีมันเส้นจีทูจี ตั้งอยู่บริติชเวอร์จิ้น โกยรายได้ 1.3 หมื่นล.
.ป.ช.ตั้งอนุฯสอบปมซื้อมันเส้นจีทูจียุค“ปู”-“บุญทรง-วีระวุฒิ-มนัส”เอี่ยวด้วย