ติดเชื้อเพิ่ม 3 ราย กลับจากฮอกไกโด! 'อนุทิน' วอนสายการบินงดเเจกโปรโมชั่นถูกเที่ยว ปท.เสี่ยง
'อนุทิน' เผยคืบหน้าเตรียมลงนามประกาศ 'โควิด-19' เป็นโรคติดต่ออันตราย ก่อนประกาศราชกิจจาฯ วอนทุกสายการบินหยุดอัดโปรโมชั่นลดราคาให้คนไป ตปท.กลุ่มเสี่ยง หวั่นเกิดผลเสีย หนุนท่องเที่ยวในประเทศ ขณะที่ตัวเลขติดเชื้อสะสมพุ่ง 40 ราย รายใหม่ 3 ราย กลับจากฮอกไกโด ประเทศญีปุ่่น ด้าน ทีเอ็มบี-ธนชาติ เผยผลตรวจพนง. 1 ราย ไม่พบติดเชื้อไวรัสฯ หลังจากนี้ธนาคารยังให้หยุดปฏิบัติงาน-เเยกตัวเฝ้าระวัง 14 วัน
วันที่ 26 ก.พ. 2563 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (รมว.สธ.) พร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวความคืบหน้าสถานการณ์การติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือโควิด -19 (COVID-19) ณ กระทรวงสาธารณสุข
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สธ. เปิดเผยถึงมติที่ประชุมคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อให้ ไวรัส COVID-19 เป็นโรคติดต่ออันตราย ซึ่งขั้นตอนหลังจากนี้จะนำเสนอต่อ รมว.สธ. เป็นผู้ลงนาม แล้วจึงประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาต่อไป อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า การออกประกาศดังกล่าว เพื่อนำสถานการณ์ ไม่ใช่ตามสถานการณ์ โดยถือเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม เพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทำหน้าที่ภายใต้กฎหมายรองรับและมีอำนาจดำเนินการได้หลายเรื่อง โดยไม่ผ่านกระบวนการปกติ
“หลังจากพิจารณาข้อเสนอแนะของคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อแล้ว ยังไม่พบข้อเสียของการประกาศให้ไวรัส COVID-19 เป็นโรคติดต่อร้ายแรง แต่กลับเป็นผลดีทำให้ทำงานคล่องตัวยิ่งขึ้น ทั้งในเรื่องนำเข้ายา เวชภัณฑ์ จากต่างประเทศ โดยไม่ต้องมีผู้ตีความว่าจะใช้ได้หรือไม่ หรือยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับอย. หรือมีการทดลองในห้องปฏิบัติการ และแพทย์คุ้นเคย แต่เมื่อเราประกาศเป็นโรคร้ายแรงแล้ว เราสามารถนำเข้ายาจากต่างประเทศได้ โดยเฉพาะในประเทศจีนที่มีการติดต่อไว้แล้ว”
รมว.สธ. ยังกล่าวขอความร่วมมือให้ทุกหน่วยงานราชการเลื่อนการประชุมที่จะจัดขึ้นในประเทศกลุ่มเสี่ยงหรืออนุญาตให้ไปท่องเที่ยว โดยให้ใช้แนวทางเดียวกับกระทรวงสาธารณสุขที่ ซึ่งขณะนี้มีหลายหน่วยงานดำเนินการแล้ว พร้อมกันนี้ ขอวิงวอนให้ทุกสายการบินหยุดการนำเสนอโปรโมชั่นด้วย
“ไม่ใช่ไม่มีผู้โดยสารเดินทางก็ออกโปรโมชั่น เพื่อให้คนไปเที่ยว โดยที่ไม่คำนึงถึงผลเสียที่จะตามมา ไปกลับญี่ปุ่น 2,000-3,000 บาท แม้ค่าตั๋วถูก แต่ค่ารักษาแพง รวมถึงค่าเสียโอกาสสูงมหาศาล หากได้รับเชื้อไวรัสฯ มา อาจจะได้ไปเที่ยวครั้งนี้ครั้งสุดท้าย ฉะนั้นต้องหักห้ามใจ เพราะเมืองไทยยังมีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง” นายอนุทิน กล่าว และว่าส่วนที่บ่นเศรษฐกิจไม่ดี รายได้ท่องเที่ยวหายไป เพราะชาวต่างประเทศไม่มานั้น สนับสนุนให้คนไทยไปเที่ยวกันเอง เพื่อให้เงินหมุนสะพัด ถือเป็นสิ่งที่ช่วยเหลือเพื่อนร่วมชาติด้วยกัน ฉะนั้นจึงเห็นว่า ท่องเที่ยวในเมืองไทย ดีกว่าที่เราจะมาบ่นว่าไม่มีรายได้ท่องเที่ยวจากชาวต่างชาติ
ไทยพบเพิ่มอีก 3 ราย กลับจากเที่ยวญี่ปุ่น-ยอดสะสม 40 ราย
ด้านนพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ระบุถึงการเจ็บป่วยของคนไทยในขณะนี้ว่า มีผู้ป่วยกลับบ้านเพิ่มได้อีก 2 ราย คือ หญิงชาวไทย วัย 35 ปี เข้าพักรักษาตัวที่ รพ.บำราศนราดูร และชายชาวจีน วัย 62 ปี เข้าพักรักษาตัวที่ รพ.โรคทรวงอก ทำให้ปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อไวรัสฯ หายป่วยแล้ว 24 ราย
ขณะที่จากรายงานของผลการตรวจจากห้องปฏิบัติการที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พบว่า มีผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสฯ เพิ่มอีก 3 ราย มาจากครอบครัวเดียวกัน โดยเป็นชายไทย วัย 65 ปีไ มีประวัติไปท่องเที่ยวเมืองฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น เมื่อกลับมาเริ่มมีอาการไข้ 3 วัน จึงเข้ารับการรักษาโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง เมื่อวันที่ 23 ก.พ.2563 พบมีอาการไข้ ไอ และปอดอักเสบ เมื่อผลการตรวจห้องปฏิบัติการเป็นบวก จึงรับการรักษาที่ รพ.โรคทรวงอก
ส่วนรายที่สองเป็นภรรยาที่ไปท่องเที่ยวเมืองฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่นด้วยกัน เมื่อกลับมามีอาการไอในวันที่ 3 จึงเข้ารับการรักษาที่ รพ.บำราศนราดูร และรายที่สาม เป็นเด็กชายชาวไทย วัย 8 ปี ไม่ได้ไปต่างประเทศ แต่ติดเชื้อไวรัสจากปู่และย่า ตรวจพบผลบวก แต่ยังมีอาการน้อย เข้ารับการรักษาที่รพ.บำราศนราดูร เช่นกัน ซึ่งคณะกรรมการและทีมงานได้ติดตามผล พบว่า มีความเสี่ยงสูงทุกราย 100% ในขณะที่ผู้ร่วมเดินทางในทริปเดียวกัน และอยู่ในเที่ยวบินเดียวกันทั้งหมด จากการติดตามพบอาการยังปกติ
“ตอนนี้ยืนยันว่า ถึงแม้มีกรณีของชาวไทย 3 ราย ที่ติดเชื้อจากญี่ปุ่น แต่สถานการณ์ยังอยู่ในระยะ 2 ที่มีการระบาดในประเทศ เปรียบได้ว่า ชาวไทย 3 รายนี้ เหมือนครอบครัวชาวจีน เดินทางเข้ามาแล้วทยอยเป็นจากการสัมผัสใกล้ชิด ซึ่งเราสามารถรู้ว่าผู้ป่วยกลุ่มนี้มีต้นกำเนิดจากต่างประเทศและรู้ว่าใครติดต่ออย่างไร ทำให้สามารถติดตามและดูแลได้ดีขึ้น”
นพ.สุขุม กล่าวอีกว่า ทำให้เวลานี้สถานการณ์การติดเชื้อไวรัสฯ ในประเทศไทย มียอดสะสม 40 ราย แบ่งเป็น ผู้ป่วยติดเชื้อจากต่างประเทศ 26 ราย และสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยจากต่างประเทศ 14 ราย หลังจากนี้ไทยจึงต้องเพิ่มมาตรการควบคุมให้เข้มงวดมากขึ้น โดยในแต่ละวันเพิ่มการตรวจคัดกรอง 3 แสนคน/วัน เพื่อให้ครอบคลุมและมีการตรวจเพื่อหากลุ่มเสี่ยงเกือบ 1,000 ราย
ทีเอ็มบี-ธนชาต ไม่พบ พนง.ติดเชื้อไวรัสโควิด-19
ขณะที่ธนาคารทีเอ็มบีและธนาคารธนชาต ออกแถลงการณ์ชี้แจงข่าวกรณีปิดสาขาเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าภายหลังมีการเผยแพร่ข่าวสารในโลกออนไลน์ว่า ธนาคารธนชาตสั่งปิดสาขาดอนเมือง หลังจากมีสมาชิกในครอบครัวของพนักงานติดเชื้อไวรัสฯ ธนาคารขอแจ้งว่า เพื่อเป็นไปตามมาตรการที่วางไว้ ธนาคารจึงได้มีการปิดสาขาที่พนักงานปฏิบัติงานทันทีหลังจากได้รับทราบข้อมูล และทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคเป็นกรณีพิเศษ และให้พนักงานดังกล่าวไปตรวจสุขภาพกับทางโรงพยาบาลและได้รับการยืนยันแล้วว่า “ไม่ติดเชื้อไวรัสฯ ” อย่างไรก็ตาม ธนาคารยังคงให้พนักงานดังกล่าวหยุดปฏิบัติงานและแยกตัวเองเพื่อเฝ้าระวังเป็นเวลา 14 วัน
ธนาคารต้องขอขอบคุณพนักงานดังกล่าวที่ได้ปฏิบัติตามมาตรการของธนาคารอย่างเคร่งครัด โดยรายงานเรื่องนี้ให้ทางธนาคารรับทราบอย่างรวดเร็ว ทำให้ธนาคารสามารถดำเนินมาตรการป้องกันได้อย่างทันท่วงที
ธนาคารขอยืนยันว่า ธนาคารได้ดำเนินมาตรการในด้านสุขอนามัยอย่างเคร่งครัดโดยมีการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคเป็นประจำอย่างต่อเนื่องในบริเวณจุดสัมผัสที่เสี่ยงต่อการแพร่กระจายอย่างเข้มงวดในทุกสาขาและสำนักงานใหญ่ รวมถึงออกมาตรการสำหรับพนักงานให้งดเดินทางไปยังประเทศที่มีความเสี่ยงกับการติดเชื้อไวรัสฯ เพื่อเป็นไปตามาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาด และขอให้ลูกค้ามีความมั่นใจในมาตรการของธนาคารและใช้บริการในทุกช่องทางของทั้งทีเอ็มบีและธนชาตได้ตามปกติ
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/
อ่านประกอบ:สู้ไวรัส! 'สิงคโปร์แอร์ไลน์' จ่อลดชม.ทำงานพนักงาน 'บิ๊กบินไทย' หั่นเงินเดือน 15-25%
ระบาดกว้าง 33 ปท. อนามัยโลก ระบุ อัฟกานิสถาน บาห์เรน อิรัก โอมาน พบเชื้อไวรัสโควิด-19 ล่าสุด
รมช.สธ.อิหร่าน ติดเชื้อไวรัสโควิด-19
ใกล้แตะ 900 รายผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเกาหลีใต้-ดับรายที่ 8 ไทยพบเพิ่มอีก 2
โควิด-19 กระทบส่งออกกุ้งมีชีวิต-เเช่เย็น คาดยอดต้นปี 63 ลดฮวบ -เสียหายสูงสุด 650 ล.
'มหิดล' พบบุคลากรต้องสงสัยติดไวรัสโควิด-19 รอผลตรวจยืนยัน สั่งดูแลใกล้ชิด