ผลอุทธรณ์ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกายืนยกฟ้อง‘ทักษิณ’ไม่แทรกแซงฟื้นฟูกิจการ‘ทีพีไอ’
องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา พิพากษายืน! ยกฟ้อง ‘ทักษิณ’ ไม่ได้แทรกแซงให้ ก.คลัง เข้าไปฟื้นฟูกิจการ ‘ทีพีไอ’ ชี้คำกล่าวอ้างของ ‘สุชาติ เชาว์ศิษฐ์’ ว่า “นายอยากได้” เป็นแค่การบอกเล่า น้ำหนักรับฟังน้อย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 22 พ.ย. 2562 ศาลฎีกา อ่านคำพิพากษาชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา คดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย กรณีกล่าวหาว่าอนุมัติให้กระทรวงการคลังเข้าไปบริหารจัดการแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TPI
คดีนี้ในชั้นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้พิพากษายกฟ้องนายทักษิณ เนื่องจากเห็นว่า ไม่มีเจตนาพิเศษ ต่อมาคณะกรรมการ ป.ป.ช. อุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา (อ่านประกอบ : ชี้ไม่มีเจตนาพิเศษ! ศาลฎีกาฯ ยกฟ้องทักษิณ คดีอนุมัติ ก.คลังบริหารแผนฟื้นฟู TPI)
องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา มีคำพิพากษาในสาระสำคัญว่า แม้ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้โดยตรงให้อำนาจกระทรวงการคลังเข้าเป็นผู้บริหารแผนของบริษัทอุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) หรือทีพีไอ ลูกหนี้ก็ตาม แต่กระทรวงการคลังมีอำนาจหน้าที่หลักในการดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศที่มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์สาธารณะ รวมถึงการพยุงสภาวะเศรษฐกิจของประเทศมิให้เกิดความเสียหายมากจนยากแก่การแก้ไข การเข้าไปเป็นผู้บริหารแผนของทีพีไอซึ่งประกอบธุรกิจอุตสาหกรรมปิโตรเคมีขนาดใหญ่ของประเทศ ซึ่งเป็นสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน หากทีพีไอไม่สามารถฟื้นฟูได้และตกเป็นผู้ล้มละลาย กิจการเหล่านั้นอาจหยุดชะงัก ประเทศชาติและประชาชนย่อมได้รับผลกระทบอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
พฤติการณ์ย่อมมีความจำเป็นอย่างยิ่งและเร่งด่วนที่กระทรวงการคลังจะต้องดำเนินการ เมื่อได้รับการร้องขอให้ช่วยเหลือกระทรวงการคลังจึงเข้าไปเป็นผู้บริหารแผนของทีพีไอได้
ส่วนที่โจทก์อุทธรณ์ว่า จำเลยเป็นผู้ริเริ่ม ผลักดัน สั่งการ และเป็นตัวการร่วม รวมถึงไม่ทักท้วงการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีเพื่อเปลี่ยนจากวาระเพื่อทราบเป็นวาระเพื่อพิจารณามีผลให้กระทรวงการคลังเข้าเป็นผู้บริหารแผนขอทีพีไอ โดยมีเจตนาครอบงำกิจการของทีพีไอกับเอื้อประโยชน์ให้แก่ตนเองและพวกพ้องนั้น
ข้อเท็จจริงได้ความเพียงว่าจำเลยเชิญตัวแทนของเจ้าหนี้ และผู้บริหารของทีพีไอเข้าหารือที่บ้านพิษณุโลกเกี่ยวกับการฟื้นฟูกิจการของทีพีไอและการตั้งผู้บริหารแผนคนใหม่ก่อนนั้น แต่ที่ประชุมเจ้าหนี้มิได้เลือกกระทรวงการคลังเป็นผู้บริหารแผนตามข้อเสนอของจำเลย หลังจากนั้นจำเลยก็ไม่ได้เข้าเกี่ยวข้องกับเหตุในคดีนี้อีก ทั้งต่อมาศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งไม่ตั้งบริษัทบริหารแผนไทย จำกัด เป็นผู้บริหารแผนตามมติที่ประชุมเจ้าหนี้ โดยเห็นควรขอให้กระทรวงการคลังเป็นผู้บริหารแผนหากกระทรวงการคลังยินยอม ซึ่งในท้ายที่สุดที่ประชุมเจ้าหนี้และทุกฝ่ายยินยอมให้กระทรวงการคลังเป็นผู้บริหารแผน และศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งตั้งกระทรวงการคลังเป็นผู้บริหารแผนตามมติที่ประชุมเจ้าหนี้ดังกล่าวโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว
ส่วนข้ออ้างเกี่ยวกับการครอบงำกิจการของทีพีไอโดยอ้างคำกล่าว "นายอยากได้" คำว่า นาย หมายถึงจำเลย ผู้ที่พูดข้อความคือร้อยเอก สุชาติ เชาวิศิษฐ์ ไมใช่จำเลย จึงเป็นเพียงพยานบอกเล่า มีน้ำหนักน้อย ส่วนที่จำเลยเสนอชื่อคณะผู้บริหารแผนของทีพีไอ เป็นพียงการเสนอความเห็นเบื้องตันแก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในเรื่องที่นำมาปรึกษาเท่นั้น และจะได้รับการแต่งตั้งหรือไม่ต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายอีกชั้นหนึ่ง เมื่อไม่ปรากฎว่าจำเลยเข้าไปเกี่ยวข้องกับการบริหารแผนฟื้นฟูกิจการของทีพีไอ หรือการบริหารกิจการ หรือเข้าไปรับโอนถือครองหุ้นของทีพีไอ จึงรับฟังไม่ได้ว่าการเสนอชื่อคณะผู้บริหารแผนของจำเลยเป็นการเอื้อประโยชน์แก่พวกพ้อง
สำหรับข้ออ้างที่ว่าการขายหุ้นเพิ่มทุนของทีพีไอให้แก่หน่วยงานในกำกับดูแลของกระทรวงการคลังและศาลฎีกามีคำพิพากษาให้กระทรวงการคลังคืนเงินค่าจ้างบริษัท ซินเนอจีโชลูชั่น จำกัด ที่บริหารจัดการกิจการทรัพย์สินของทีพีไอให้แก่ทีพีไอ ทำให้ทีพีไอและกระทรวงการคลังได้รับความเสียหายนั้น เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายหลังจากที่ศาลล้มละลายลางมีคำสั่งตั้งให้กระทรวงการคลังเป็นผู้บริหารแผนของทีพีไอแล้ว หากทีพีไอหรือกระทรวงการคลังได้รับความเสียหายอย่างไร ทีพีไอหรือกระทรวงการคลังก็อาจไปว่ากล่าวแก่บุคคลที่เกี่ยวข้องต่อไป
เมื่อไม่ปรากฎในทางไต่สวนว่า จำเลยได้เข้าไปเกี่ยวข้องหรือรู้เห็นหรือมีพฤติการณ์ที่บ่งชี้ได้ว่า จำเลยมีเจตนาพิเศษประสงค์ต่อผลเพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่ตนเองหรือผู้อื่น การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ตามฟ้อง ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษายกฟ้องมานั้นชอบแล้ว
อุทธรณ์ของโจทก์ทุกข้อฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/