ให้พ้นทันที 3 คน! ศาลฎีกาฟัน 6 นักการเมืองท้องถิ่นยื่นบัญชีฯเท็จ จำคุก 4 รอลงโทษ 1 ปี

เขียนวันที่

วันอาทิตย์ ที่ 20 ตุลาคม 2562 เวลา 21:00 น.

เขียนโดย

isranews

หมวดหมู่

ข่าว | บัญชีทรัพย์สิน | เรื่องเด่น - สำนักข่าวอิศรา

Tags

ยื่นบัญชีทรัพย์สินเท็จ | นักการเมืองท้องถิ่น | ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

6 นักการเมืองท้องถิ่นยื่นบัญชีทรัพย์สินเท็จ! ศาลฎีกาฯฟัน นายก อบต. พนอม นครพนม 3 รองนายกฯ บางเล่า ฉะเชิงเทรา -หลุบเลา สกลนคร - ท่าหิน ชุมพร - ส.อบจ. สมุทรสงคราม-รองนายกเทศมนตรี ต.เนินขาม ชัยนาท ให้พ้นตำแหน่งทันที 3 คน สั่ง จำคุก 4 ราย 1-2 เดือน รอลงโทษ 1 ปี

201019 nnnn2334

สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 14 มี.ค.2562 , 9 เม.ย.2562 , 23 เม.ย.2562 , 27 พ.ค.2562 และ วันที่ 29 พ.ค.2562 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษา ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 6 รายมีความผิดคดีจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ผู้ร้อง ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ ดังนี้

1.สิบตำรวจตรี วราชัย ดีบุกคำ นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) พนอม อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีเข้ารับตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลพนอม

ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้รับเลือกตั้ง ให้ดำรงตำแหน่งนายก อบต.พนอม เมื่อวันที่ 6 ก.ย.2552 และพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 6 ก.ย.2556 ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง กรณีเข้ารับตำแหน่งโดยไม่แสดงรายการทรัพย์สินของ นางกิมรัง ดีบุกคำ คู่สมรส ได้แก่ เงินฝากธนาคาร 1 บัญชี ไม่แสดงรายการหนี้สินของคู่สมรส ได้แก่ เงินเบิกเกินบัญชีสินเชื่อหมุนเวียนของธนาคาร 1 บัญชี เงินเบิกเกินบัญชีจากบัตรเครดิต 1 บัตร กรณีพ้นจากตำแหน่งไม่แสดงรายการทรัพย์สินของคู่สมรส ได้แก่ เงินฝากธนาคาร 1 บัญชี ไม่แสดงรายการหนี้สินของคู่สมรส ได้แก่ เงินเบิกเกินบัญชีสินเชื่อเงินสดของธนาคาร 1 บัญชี และกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีไม่แสดงรายการหนี้สินของคู่สมรส ได้แก่ เงินเบิกเกินบัญชีสินเชื่อหมุนเวียนของธนาคาร 1 บัญชี เงินเบิกเกินบัญชีจากบัตรเครดิต 1 บัตร และเงินเบิกเกินบัญชีสินเชื่อเงินสดธนาคาร 1 บัญชี สำหรับกรณีเข้ารับตำแหน่งคดีขาดอายุความทางอาญาแล้ว พิพากษาว่า สิบตำรวจตรี วราชัย ดีบุกคำ ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีฯเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีเข้ารับตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งนายก อบต.พนอม ห้ามมิให้ผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปี นับแต่วันที่ 6 ก.ย.2556 ซึ่งเป็นวันที่ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตำแหน่ง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ.2542 มาตรา 34 วรรคสอง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจงใจยื่นบัญชีฯ เท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบกรณีพ้นจากตำแหน่ง จำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน และปรับ 4,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก (คดีหมายเลขแดงที่ อม.136/2562 วันที่ 27 พ.ค.2562)

201019 n1

2.นางกิรณา ถาวรวิลาส รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) บางเล่า อำเภอคลองเขื่อนจังหวัดฉะเชิงเทรา จงใจยื่นบัญชีฯเท็จข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองนายก อบต.บางเล่า เมื่อวันที่ 20 ก.พ.2555 และดำรงตำแหน่งอยู่จนถึงปัจจุบันตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 1/2557 ลงวันที่ 25 ธ.ค.2557 โดยศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำสั่งให้ผู้ถูกกล่าวหาหยุดปฏิบัติหน้าที่นับแต่วันที่ 12 พ.ย.2561 ซึ่งเป็นวันที่ศาลมีคำสั่งให้รับคำร้องไว้พิจารณา ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง กรณีเข้ารับตำแหน่ง โดยไม่แสดงรายการหนี้สินของผู้ถูกกล่าวหา ได้แก่ เงินกู้จากธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 174,063.51 บาท และไม่แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของ นายทีปกร ถาวรวิลาส คู่สมรส ได้แก่ เงินฝากธนาคารออมสิน 2 บัญชี จำนวน 433,007.19 บาทเงินเบิกเกินบัญชีของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 33,257.69 บาท และรถจักรยานยนต์จำนวน 2 คัน

พิพากษาว่า นางกิรณา ถาวรวิลาส ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีฯเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบกรณีเข้ารับตำแหน่งรองนายก อบต.บางเล่า ให้ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตำแหน่งรองนายก อบต.บางเล่าที่ดำรงอยู่ตั้งแต่วันที่ 12 พ.ย.2561 ซึ่งเป็นวันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำสั่งให้ผู้ถูกกล่าวหาหยุดปฏิบัติหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 17 วรรคสอง และห้ามมิให้ผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 29 พ.ค.2562 ซึ่งเป็นวันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัย ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ.2542 มาตรา 34 วรรคหนึ่ง (คดีหมายเลขแดงที่ อม.137/2562 วันที่ 29 พ.ค.2562)

201019 n2

3.นายทนงศักดิ์ โสภาระเวช รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) หลุบเลา อำเภอภูพาน จังหวัดสกลนคร จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จ ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองนายก อบต.หลุบเลา เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.2553 และพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 24 เม.ย.2557 ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องกรณีเข้ารับตำแหน่งโดยไม่แสดงรายการทรัพย์สินได้แก่ เงินฝากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ชื่อบัญชี นางพอกพูน โสภาระเวชคู่สมรส จำนวน 156.10 บาท และที่ดิน ส.ป.ก. 4-01 เลขที่ 9497 ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องกรณีพ้นจากตำแหน่งโดยไม่แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินได้แก่ เงินฝากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ชื่อบัญชี นางพอกพูน โสภาระเวชคู่สมรส จำนวน 15.77 บาท ที่ดิน ส.ป.ก. 4-01 เลขที่ 9497 เงินกู้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร 4 บัญชี ยอดหนี้คงเหลือ 100,000 บาท 437,500 บาท 150,000 บาทและ 49,884.94 บาท และยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง กรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีโดยไม่แสดงรายการทรัพย์สิน ได้แก่ เงินฝากธนาคารกรุงศรีอยุธยาจำกัด (มหาชน) ชื่อบัญชี นางพอกพูน โสภาระเวช คู่สมรส จำนวน 31.43 บาท และที่ดิน ส.ป.ก. 4-01

พิพากษาว่า นายทนงศักดิ์ โสภาระเวช ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีฯเท็จ กรณีเข้ารับตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งรองนายก อบต.หลุบเลา ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 32 และมาตรา 33 ห้ามมิให้ผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 24 เม.ย.2557 ซึ่งเป็นวันที่ ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตำแหน่ง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีพ้นจากตำแหน่ง จำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน และปรับ 4,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี ข้อหาและคำขออื่น นอกจากนี้ให้ยก.(คดีหมายเลขแดงที่ อม.139/2562 วันที่ 29 พ.ค.2562)

201019 n3

4.นายธรรมนูญ หนูบรรจง รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ท่าหินอำเภอสวี จังหวัดชุมพร จงใจยื่นบัญชีฯเท็จ ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองนายก อบต.ท่าหิน ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 6 ก.ย.2552 และพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 6 ก.ย.2556 ต่อมาผู้ถูกกล่าวหาได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองนายก อบต. ท่าหิน ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 18 พ.ย.2556 และดำรงตำแหน่งอยู่จนถึงปัจจุบัน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำสั่งให้ผู้ถูกกล่าวหาหยุดปฏิบัติหน้าที่นับแต่วันที่ 14 ธ.ค.2561 ซึ่งเป็นวันที่ศาลมีคำสั่งให้รับคำร้องไว้พิจารณา

ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องกรณีเข้ารับตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าหิน ครั้งที่ 1 โดยไม่แสดงรายการทรัพย์สินของคู่สมรส ได้แก่ ที่ดินโฉนดเลขที่ 16205 ตำบลครน อำเภอสวี จังหวัดชุมพร และยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องกรณีพ้นจากตำแหน่งรองนายก อบต. ท่าหิน ครั้งที่ 1 โดยไม่ได้แนบสำเนาโฉนดที่ดินเลขที่ 16205 ตำบลครน อำเภอสวี จังหวัดชุมพร ของคู่สมรส ผู้ร้องมีหนังสือแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงข้อเท็จจริงและเหตุผลของการไม่แสดงรายการทรัพย์สินของคู่สมรสและไม่แนบเอกสารให้ถูกต้องครบถ้วนแล้ว ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงทำนองว่าผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินกรณีเข้ารับตำแหน่งด้วยความเร่งรีบเพื่อให้ทันตามกำหนดระยะเวลาจึงยื่นเอกสารเท่าที่มีในขณะนั้น ประกอบกับโฉนดที่ดินของคู่สมรสได้นำไปจำนองไว้กับธนาคารจึงไม่อาจนำมาแสดงได้ส่วนกรณีพ้นจากตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าหิน ครั้งที่ 1 ผู้ถูกกล่าวหาเข้าใจว่าได้ยื่นเอกสารครบถ้วนแล้ว

พิพากษาว่า นายธรรมนูญ หนูบรรจง ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบกรณีเข้ารับตำแหน่งรองนายก อบต.ท่าหิน ครั้งที่ 1 และจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดกรณีพ้นจากตำแหน่งในการดำรงตำแหน่งรองนายก อบต.ท่าหิน ครั้งที่ 1 ห้ามมิให้ผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 6 ก.ย.2556 ซึ่งเป็นวันที่ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตำแหน่งรองนายก อบต.ท่าหิน ครั้งที่ 1 ให้ผู้ถูกกล่าวหา พ้นจากตำแหน่งรองนายกอบต.ท่าหิน ครั้งที่ 2 ที่ดำรงอยู่ตั้งแต่วันที่ 14 ธ.ค.2561 ซึ่งเป็นวันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำสั่งให้ผู้ถูกกล่าวหาหยุดปฏิบัติหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 17 วรรคสอง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 จำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน และปรับ 4,000 บาท ไม่ปรากฏว่า ผู้ถูกกล่าวหาเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก. (คดีหมายเลขแดงที่ อม.36/2562วันที่ 14 มี.ค.2562)

201019 n4

5. นายประเสริฐ เติมธนะศักดิ์ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สมุทรสงคราม จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น

ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภา อบจ.สมุทรสงคราม ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 20 เม.ย.2551 โดยปฏิญาณตนเพื่อเข้ารับหน้าที่เมื่อวันที่ 26 พ.ค.2551 และพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 เม.ย.2555 ต่อมาผู้ถูกกล่าวหาได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภา อบจ.สมุทรสงคราม ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 26 ส.ค.2555 และยังดำรงตำแหน่งจนถึงปัจจุบัน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำสั่งให้ผู้ถูกกล่าวหาหยุดปฏิบัติหน้าที่ นับแต่วันที่ 14 ธ.ค.2561 ซึ่งเป็นวันที่ศาลมีคำสั่งให้รับคำร้องไว้พิจารณา ผู้ถูกกล่าวหา ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องกรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ในการดำรงตำแหน่งสมาชิก อบจ.สมุทรสงคราม ครั้งที่ 1 โดยไม่แสดงรายการทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหา ได้แก่ รถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า หมายเลขทะเบียน ฌผ 2133 กรุงเทพมหานคร สำหรับกรณีพ้นจากตำแหน่งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสงคราม ครั้งที่ 1 คดีขาดอายุความทางอาญาแล้ว

พิพากษาว่า นายประเสริฐ เติมธนะศักดิ์ ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบกรณีพ้นจากตำแหน่งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสงคราม ครั้งที่ 1 ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 32 และมาตรา 33 ห้ามมิให้ผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปี นับแต่วันที่ 20 เม.ย.2555 ซึ่งเป็นวันที่ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตำแหน่งสมาชิกสภา อบจ.สมุทรสงคราม ครั้งที่ 1 ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 วรรคสอง ให้ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตำแหน่ง สมาชิกสภา อบจ. สมุทรสงคราม ครั้งที่ 2 ที่ดำรงอยู่ในปัจจุบัน นับแต่วันที่ 14 ธ.ค.2561 ซึ่งเป็นวันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำสั่งให้ผู้ถูกกล่าวหาหยุดปฏิบัติหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญา ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 17 วรรคสอง คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก. (คดีหมายเลขแดงที่ อม.76/2562วันที่ 9 เม.ย.2562)

201019 n5

6. นางสาวรุ้งตะวัน จินดารัตน์ รองนายกเทศมนตรีตำบลเนินขาม อำเภอเนินขาม จังหวัดชัยนาท จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น

ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองนายกเทศมนตรีตำบลเนินขาม เมื่อวันที่ 1 ก.ค.2553 และพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 2 ธ.ค.2554 ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง กรณีเข้ารับตำแหน่งโดยไม่แสดงรายการทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหา ได้แก่ เงินฝากธนาคาร 4 บัญชี รถยนต์ 1 คัน ที่ดิน 1 แปลง ไม่แสดงรายการหนี้สินของผู้ถูกกล่าวหา ได้แก่ เงินกู้ธนาคาร 1 รายการ กรณีพ้นจากตำแหน่งไม่แสดงรายการทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหา ได้แก่ เงินฝากธนาคาร 4 บัญชี ที่ดิน 1 แปลง ไม่แสดงรายการหนี้สินของผู้ถูกกล่าวหา ได้แก่ เงินกู้ธนาคาร 1 ฉบับ และรายการเช่าซื้อ 1 รายการ ไม่แสดงรายการทรัพย์สินของ นายจักรพันธ์ บรรจงคชาธาร คู่สมรส ได้แก่ เงินฝากธนาคาร 4 บัญชี ไม่แสดงรายการหนี้สินของคู่สมรส ได้แก่ เงินกู้ธนาคาร 2 รายการ และกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ไม่แสดงรายการทรัพย์สิน ของผู้ถูกกล่าวหา ได้แก่ เงินฝากธนาคาร 5 บัญชี ที่ดิน 1 แปลง ไม่แสดงรายการหนี้สินของผู้ถูกกล่าวหา ได้แก่ เงินกู้ธนาคาร 1 รายการ และรายการเช่าซื้อ 1 รายการ ไม่แสดงรายการทรัพย์สินของคู่สมรส ได้แก่ เงินฝากธนาคาร 5 บัญชี และรถยนต์ 1 คัน ไม่แสดงรายการหนี้สินของคู่สมรส ได้แก่ เงินกู้ธ นาคาร 2 รายการ

พิพากษาว่า นางสาวรุ้งตะวัน จินดารัตน์ ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบกรณีเข้ารับตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งรองนายกเทศมนตรีตำบลเนินขาม ห้ามมิให้ผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 2 ธ.ค.2554 ซึ่งเป็นวันที่ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตำแหน่ง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบกรณีเข้ารับตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่ง การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป จำคุกกระทงละ 2 เดือน และปรับกระทงละ 8,000 บาท รวม 2 กระทงเป็นจำคุก 4 เดือน และปรับ 16,000 บาท ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก. (คดีหมายเลขแดงที่ อม.90/2562วันที่ 23 เม.ย.2562)

201019 n6