- Home
- Isranews
- ข่าว
- ‘นิชนันท์’แจงคดีทรัพย์สินถูกศาลฎีกาฯปรับ 4,000 บ.รอลงอาญา 2 ปี-ปัดถูกตัดสิทธิ์การเมือง
‘นิชนันท์’แจงคดีทรัพย์สินถูกศาลฎีกาฯปรับ 4,000 บ.รอลงอาญา 2 ปี-ปัดถูกตัดสิทธิ์การเมือง
‘นิชนันท์’ อดีต ผช.เลขาฯ รมต.คลัง ยันถูกศาลฎีกาฯพิพากษาปรับ 4,000 บาท รอลงอาญา 2 ปี คดีบัญชีทรัพย์สิน เผยไม่เคยถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ระบุแค่เอกสารทางกฎหมายไม่สอดคล้องกัน กรณีทำธุรกิจอสังหาฯบ้านจัดสรร ซื้อต่อจากน้องสาว ให้น้องชายเข้าร่วมหัดทำ ลั่นเพราะความ ‘ซื่อสัตย์-อ่อนหัดทางการเมือง’ ทำให้โดน ป.ป.ช. ชี้มูล
จากกรณีสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติเมื่อวันที่ 16 ต.ค. 2561 ชี้มูล น.ส.นิชนันท์ วังคะฮาต ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (เลขาฯ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง) จงใจยื่นบัญชีแสดงทรัพย์สินและหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จ กรณีเข้ารับตำแหน่ง และกรณีพ้นจากตำแหน่ง ให้เสนอเรื่องให้ศาลฎีกาแผนกคดี อาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทาง การเมืองวินิจฉัย ให้เพิกถอนสิทธิ สมัครรับเลือกตั้ง และขอให้ลงโทษ ทางอาญา ตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 114 วรรคสอง (1), มาตรา 81, มาตรา 167 ประกอบมาตรา 188 เสนอคำร้องให้ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่ง ทางการเมืองวินิจฉัยแล้ว คดีหมายเลขดำที่ อม.285/2561นั้น (อ่านประกอบ : ป.ป.ช.ส่งศาลฎีกาฯ เลขาฯ รมช.คลังยุค‘เบญจา’ ยื่นบัญชีฯเท็จ)
เมื่อวันที่ 9 ก.ย. 2562 น.ส.นิชนันท์ วังคะฮาต ชี้แจงข้อมูลกรณีนี้ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเฟจ ‘นิชนันท์ วังคะฮาต น้ำ Nam Nitchanan Wangkahat’ ระบุว่า ตนไม่ได้ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง แค่ลงอาญา 2 ปีนับจากวันที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินเมื่อปี 2556 แต่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาเมื่อเดือน ต.ค. 2561 นับจากวันที่สิ้นสุดการรับตำแหน่ง และตนเป็นอดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคไทยรักษาชาติ ก่อนที่พรรคจะถูกยุบ ผ่านกระบวนการตรวจสอบคุณสมบัติรับรองจาก กกต. เรียบร้อย เป็นผู้สมัคร ส.ส. อย่างถูกต้องครบถ้วน ไม่ใช่โดนตัดสิทธิ์ทางการเมือง
ส่วนกรณีการถูก ป.ป.ช. ชี้มูลคดีบัญชีทรัพย์สินนั้น น.ส.นิชนันท์ ระบุว่า ไม่ได้จงใจปกปิดข้อมูลอะไร เป็นการเข้าใจผิดคลาดเคลื่อนในแง่กฎหมาย ตนเป็นนักการเมืองครั้งแรกและสมัยแรกที่มีการยื่นบัญชีทรัพย์สิน ส่วนตัวเป็นนักธุรกิจประกอบธุรกิจหลายอย่าง มีหลายบริษัท หนึ่งในนั้นคือธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทำโครงการบ้านจัดสรร มีทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ โดยแปลงทรัพย์สินที่ยื่นบัญชี ตนซื้อต่อมาจากน้องสาวแท้ ๆ เดิมน้องสาวจะหัดทำบ้านจัดสรรโครงการแรก แต่พอจะลงมือทำ ต้องใช้เงินลงทุนค่อนข้างสูง และต้องมีประสบการณ์ในการทำ ตัวเขาอยู่ กทม. ไม่สะดวกย้ายบ้านมาอยู่ต่างจังหวัด เลยตัดสินใจไม่ทำและขายต่อให้ ตนจึงจ่ายเงินซื้อที่ดินโอนเข้าบัญชีน้องสาว มีหลักฐานถูกต้องครบถ้วนหมด แต่ไม่ได้โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินจากชื่อน้องสาวมาเป็นของตน และอยากให้น้องชายหัดเริ่มเรียนรู้งานธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เลยเอาชื่อน้องชายเข้าร่วม แล้วให้เขาไปยื่นจัดสรรขนาดจิ๋ว ในนามชื่อส่วนบุคคลของทั้งคู่ เพื่อให้เขาหัดทำและเรียนรู้งาน แต่ดินฉันเป็นคนลงทุนบริหารจัดการภาพรวมทั้งหมดจนขายบ้านได้เงินก็เข้าผ่านบัญชีตน ส่วนน้องชายได้เป็นเงินเดือน และแบ่งปันผลกำไรตอนจบโครงการ บ้านหลายหลังไม่ได้สร้างหรือขายได้ในระยะเวลาสั้นต้องใช้เวลาหลายปี
“ตอนยื่นบัญชีทรัพย์สินปรึกษานักการเมืองหลาย ๆ คนว่า ทรัพย์สินเป็นของเราแต่เป็นชื่อน้องเรา ต้องยื่นแนบเอกสารไปหรือไม่ หลายคนบอกว่า ไม่ต้องยื่นเพราะทางกฎหมายทรัพย์สินไม่ใช่ชื่อของเรา แต่ตัวดิฉันรู้สึกไม่สบายใจเพราะมันคือทรัพย์สินเราจริง ๆ เลยนำมายื่น แต่เอกสารทางกฎหมายไม่สอดคล้องกัน เลยทำบัญชีให้น้องกู้ยืมเงินแนบตามจำนวนที่ลงทุนไปตามจำนวนเงินที่คาดว่าจะไดรับในอนาคต เพื่อแสดงเจตนาบริสุทธิ์ใจว่า มีที่มาที่ไปของเงินในอนาคตจริง ๆ เพราะบ้านไม่ได้ขายเป็นเงินสด ลูกค้ากู้ธนาคารทุกหลัง เงินก็เข้าผ่านบัญชีธนาคารอยู่แล้ว ทาง ป.ป.ช. เห็นเอกสารก็เรียไปพูดคุยสอบสวน ดิฉันก็เล่าความจริงทั้งหมดให้ฟัง ไม่เคยปกปิดหรือโกหกอะไร ป.ป.ช. เลย และนำเอกสารหลักฐานโฉนดที่ดินไปให้ทั้งหมด ป.ป.ช. ตรวจเช็คหลักฐานที่มาเองด้วยก็ถูกต้องครบถ้วน” น.ส.นิชนันท์ กล่าว
น.ส.นิชนันท์ ระบุอีกว่า แต่ ป.ป.ช. ชี้ว่า ตนมีสัญญาเงินกู้ไม่ถูกต้อง เพราะไม่ได้กู้ยืมกันจริง ตนอธิบายว่าถ้าในอนาคตขายบ้านได้มีเงินโอนเข้าบัญชีมีคนมาถามว่าเงินที่เข้าบัญชีมาจากไหน เป็นใคร แล้วจะตอบอย่างไร เพราะไม่ได้แจ้งยื่นบัญชีทรัพย์สินแต่แรก ถ้ารู้ว่าอะไรไม่ใช่ทรัพย์สินในนามตัวเองไม่ต้องนำมายื่น ตนจะไม่ยื่นเลยแต่แรก เพราะความซื่อ อ่อนหัดทางการเมือง และกังวลมากเกินไปจนทำให้ยื่นเกินทรัพย์สินทางกฎหมายที่มีอยู่จริง คนอื่นโดนเพราะยื่นขาด หรือชี้แจงที่มาไม่ได้ แต่ตนโดนเพราะยื่นเกิน ที่ยื่นเกินเพราะซื่อสัตย์และหวังดีเกินไป และคิดมากต่อไปต้องรับเงินขายบ้านเข้าบัญชีด้วยเอกสาร ไม่สอดคล้องกัน เกิดมีการตรวจสอบในอนาคตจะชี้แจงอย่างไรถ้าไม่ได้แจ้งยื่นไว้
“ประเด็นนี้อยู่ตรงนี้ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตัดสินเรื่องเงินเอกสารกู้เงินไม่ถูกต้อง จ่ายค่าปรับ 4,000 บาท และรอลงอาญา 2 ปี นับจากวันสิ้นสุดการรับตำแหน่งปี 2556 ดิฉันรับตำแหน่งเลขาฯ รมช.คลัง แค่ 2 เดือนแล้วลาออกเอง ตั้งแต่มี พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับสุดซอยเหมาเข่ง ดิฉันไม่เห็นด้วย แสดงสปิริตให้เห็นว่า ไม่เห็นด้วยที่พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลขณะนั้นกลับลำในการยื่นนิรโทษกรรมเหมาเข่ง และลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยพร้อมกันตั้งแต่วันนั้น เพื่ออยากสร้างบรรทัดฐานที่ดี ที่นักการเมืองควรมีสปิริต และรู้สึกผิดหวังกับการเมืองจนรัฐบาลยิ่งลักษณ์ลาออกและประกาศยุบสภา ดินฉันพอใจว่า รัฐบาลรับผิดชอบในสิ่งที่ได้ตัดสินผิดพลาดไปแล้ว แต่ม็อบ กปปส. ลากยาวมาจนมีการยึดอำนาจ เลยทำให้ดิฉันกลับมาเล่นการเมืองอีก เพราะมีจุดยืนต่อต้านการยึดอำนาจ” น.ส.นิชนันท์ กล่าว
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/