คำชี้แจง ป.ป.ช. : กรณียืมทรัพย์สิน ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน หรือไม่
"...คณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นองค์กรบังคับใช้กฎหมายการพิจาณาวินิจฉัยเรื่องใด ต้องพิจารณาจากข้อเท็จจริงพยานหลักฐาน และหลักกฎหมายที่ปรากฏในเรื่องนั้น ไม่อาจพิจารณาวินิจฉัยตามความรู้สึกหรือกระแสสังคมในทางใดทางหนึ่งได้..."
หมายเหตุ สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org : เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.2562 ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์ คำให้สัมภาษณ์ของ นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษก สำนักงาน ป.ป.ช. ชี้แจงกรณียืมทรัพย์สิน ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช.หรือไม่
-----------------------------
ตามที่ปรากฏข่าวทางสื่อมวลชนว่าในงานสัมมนาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ณ หอประชุมใหญ่ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2562ได้มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สอบถามวิทยากรผู้แทนของสำนักงาน ป.ป.ช. ว่าการยืมของ หรือ ยืมนาฬิกาเพื่อนจะต้องแจ้งทรัพย์สินต่อคณะกรรมการป.ป.ช.หรือไม่ ซึ่งต่อมามีความเข้าใจคลาดเคลื่อนในสื่อมวลชนและสาธารณชนว่าการยืมทรัพย์สินของบุคคลอื่นไม่ต้องนำมาแจ้งในบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินที่ยื่นต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. นั้น
สำนักงาน ป.ปช.ขอเรียนชี้แจงว่า การกำหนดให้เจ้าพนักงานของรัฐมีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความโปร่งใสให้ระบบการเมืองและระบบราชการ เป็นการป้องกันการทุจริต และเป็นมาตรการเสริมในด้านการปราบปรามการทุจริต เพื่อตรวจสอบว่าระหว่างที่เจ้าพนักงานของรัฐดำรงตำแหน่งได้ใช้อำนาจหน้าที่แสวงหาประโยชน์จนร่ำรวยผิดปกติหรือไม่ โดยกฎหมายกำหนดให้ผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของตนเอง คู่สมรสและบุตรที่ยังไม่บรลุนิติภาวะ รวมถึงทรัพย์สินของบุคคลดังกล่าวที่มอบหมายให้อยู่ในความครอบครองหรือดูแลของบุคคลอื่นไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.
โดยบทบัญญัติของกฎหมายมีความมุ่งหมายให้แสดงทรัพย์สินที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบุคคลดังกล่าว
นอกจากนั้นการยื่นบัญชีต้องยื่นตามแบบที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.กำหนดซึ่งรายการทรัพย์สินและหนี้สินตามแบบที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.กำหนด ประกอบไปด้วยรายการทรัพย์สินจำนวน 9 รายการได้แก่ 1.เงินสด 2.เงินฝาก 3. เงินลงทุน 4. เงินให้กู้ยืม 5.ที่ดิน 6.โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง7.ยานพาหนะ 8.สิทธิและสัมปทาน 9.ทรัพย์สินอื่น
และหนี้สินจำนวน 4 รายการ ได้แก่ 1. เงินเบิกเกินบัญชี 2.เงินกู้จากธนาคารและสถาบันการเงินอื่น 3. หนี้สินที่มีหลักฐานเป็นหนังสือ 4 หนี้สินอื่น
สำหรับประเด็นสอบถามเกี่ยวกับทรัพย์สินที่ยืมบุคคลอื่นมาจะต้องนำมาแสดงในบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินหรือไม่
มีกฎหมายที่เกี่ยวข้องที่ต้องนำมาประกอบการพิจารณา คือ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 640 "กำหนดว่ายืมใช้คงรูปคือสัญญาที่บุคคลหนึ่งเรียกว่าผู้ให้ยืมให้บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่าผู้ยืม ใช้สอยทรัพย์สินสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้เปล่าและผู้ยืมตกลงว่าจะคืนทรัพย์สินนั้นมื่อได้ใช้สอยเสร็จแล้ว"
และมาตรา 640 กำหนดว่า "ยืมใช้สิ้นเปลือง คือสัญญาซึ่งผู้ให้ยืมโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินชนิดใช้ไปสิ้นไปนั้นเป็นปริมาณมีกำหนดให้ไปแก่ผู้ยืม และผู้ยืมตกลงว่าจะคืนทรัพย์สินเป็นประเภทชนิดและปริมาณเช่นเดียวกันให้แทนทรัพย์สินซึ่งให้ยืมนั้น"
ดังนั้น กรณียืมใช้คงรูปกรรมสิทธิ์ยังเป็นของผู้ให้ยืมเพียงแต่ผู้ยืมยังคงมีหน้าที่จะต้องคืนทรัพย์สินแก่เจ้าของตามข้อตกลงที่ให้ยืมหนี้ตามสัญญายืมใช้คงรูปจึงไม่ได้กำหนดไว้ในแบบบัญชีทรัพย์สิและหนี้สินที่ต้องแสดงต่อคณะกรรมการ ปป.ช.
ส่วนกรณียืมใช้สิ้นเปลืองโดยฉพาะการยืมเงิน กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ยืมมาได้โอนมาเป็นของผู้ยืม และผู้ยืมมีหนี้ต้องคืนเงินจำนวนดังกล่าวคณะกรรมการป.ป.ช จึงกำหนดรายการหนี้สินดังกล่าวไว้ในแบบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินที่ต้องนำมาแสดงตามที่ปรากฏอยู่ในรายการหนี้สิน 4 รายการข้างต้น
ทั้งนี้ หากมีประเด็นการยืมทรัพย์สินระหว่างกันและมีการกล่าวหาร้องเรียนต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. หรือกรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นการยืมทรัพย์สินกันจริงหรือไม่ หรือเป็นการกล่าวอ้างของผู้ยื่นบัญชี คณะกรรมการป.ป.ช. ต้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงเป็นรายกรณีไป ดังเช่น กรณีมีเหตุอันควรสงสัยเกี่ยวกับรถยนต์ยี่ห้อโฟล์กสวากันท์ที่พบอยู่ในบ้านพักอาศัยของนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม โดยมีการกล่าวอ้างว่าบุคคลอื่นให้ยืมใช้ทรัพย์สิน
ซึ่งคณะกรรมการป.ป.ช. ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานรับฟังได้ว่าเป็นทรัพย์สินของนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ที่ต้องนำมาแสดงต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. หรือกรณีที่ปรากฏข่าวทางสื่อมวลชนเกี่ยวกับนาฬิกา ที่พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ สวมใส่ ในสถานที่ต่างๆ จำนวนหลายเรือน ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้รวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานรับฟังได้ว่า พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้ยืมเพื่อนมาใส่ในช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้วคืนกลับไปจึงไม่เป็นทรัพย์สินของพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ต้องนำมาแสดงต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.แต่อย่างใด
คณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นองค์กรบังคับใช้กฎหมายการพิจาณาวินิจฉัยเรื่องใด ต้องพิจารณาจากข้อเท็จจริงพยานหลักฐาน และหลักกฎหมายที่ปรากฏในเรื่องนั้น ไม่อาจพิจารณาวินิจฉัยตามความรู้สึกหรือกระแสสังคมในทางใดทางหนึ่งได้
นอกจากนั้น ในกรณีที่เป็นเรื่องไต่สวนที่คณะกรรมการป.ป.ช.มีมติว่า ข้อกล่าวหาไม่มีมูลก็ต้องเปิดเผยเหตุผลของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ให้ประชาชนทราบเป็นการทั่วไป ตามมาตรา 58 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561ด้วย และหากปรากฏพยานหลักฐานใหม่อันเป็นสาระสำคัญแก่คดีซึ่งอาจทำให้ผลของคำวินิจฉัยของคณะกรมการ ป.ป.ช. เปลี่ยนแปลงไป คณะกรรมการป.ป.ช. ก็สามารถรับหรือยกเรื่องขึ้นมาพิจาณาใหม่ได้ตามมาตร 50 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญดังกล่าว เพื่อให้การปราบปรามการทุจริตมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล สุจริต และเที่ยงธรรม
จึงแถลงมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/
อ่านประกอบ :
ชอตต่อชอต! เทียบคดีนาฬิกาหรู 'บิ๊กป้อม' - รถโฟล์คตู้ ‘สุพจน์’