ตามคาด! แดนไทย-เคพีไอฯ กลุ่ม 'เอนก จงเสถียร' คว้างานเครื่องตรวจวัตถุระเบิด2.9 พันล.
"...เมื่อวันที่ 28 พ.ค. 2562 ทอท. ได้เผยแพร่ผลการประกวดราคาโครงการประมูลจัดซื้อจัดจ้างเปลี่ยนเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดที่สนามบินสุวรรณภูมิ จำนวน 26 เครื่อง และจ้างปรับปรุงระบบลำเลียงกระเป๋าสัมภาระของอาคารผู้โดยสาร เป็นทางการ และ บอร์ด ทอท. ได้ประชุมลงมติเห็นชอบผลการประมูลเป็นทางการแล้ว เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.2562 ที่ผ่านมา..."
หากใครยังจำได้!
ในช่วงต้นปี 2561 ที่ผ่านมา สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org เคยนำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับโครงการประมูลจัดซื้อจัดจ้างเปลี่ยนเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดที่สนามบินสุวรรณภูมิ จำนวน 26 เครื่อง และจ้างปรับปรุงระบบลำเลียงกระเป๋าสัมภาระของอาคารผู้โดยสาร รวมวงเงิน 2.8 พันล้านบาท ของ บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. มานำเสนอให้สาธารณชนได้รับทราบอย่างต่อเนื่อง
โดยเรื่องราวนี้ เกิดเป็นประเด็นขึ้นมา เมื่อ นายวรพจน์ ยศะทัตต์ หรือเสี่ยเช กรรมการผู้จัดการบริษัท ไทยโทรนิค จำกัด ตัวแทนจำหน่ายเครื่อง CTX ในประเทศไทย ออกมาประท้วงร่างเงื่อนไขการประกวดราคา (ทีโออาร์) โครงการประมูลจัดซื้อจัดจ้างเปลี่ยนเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดและจ้างปรับปรุงระบบลำเลียงกระเป๋าสัมภาระของอาคารผู้โดยสาร ดังกล่าว ที่อยู่ระหว่างการเปิดรับฟังคำวิจารณ์ตั้งแต่วันที่ 27 ก.พ. 2561 -14 มี.ค. 2561 นี้ ว่า มีลักษณะการกีดกันไม่ให้เครื่อง CTX เข้าร่วม การจัดทำร่างทีโออาร์มีลักษณะการล็อกสเปค ในลักษณะการนำงานเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดไปผูกรวมกับระบบสายพาน
"การนำสายพานระดับความเร็วมาผูกติดกับงานจัดซื้อเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด ซึ่งเป็นที่รับทราบกันดีในกลุ่มผู้ประกอบการว่า ใครเป็นบริษัทเจ้าใหญ่ในไทยที่เข้าไปรับงานสายพานลำเลียงกระเป๋าในทอท.จำนวนมาก ได้งานไปหลายพันล้านบาท บริษัทที่ทำระบบสายพานลำเลี่ยงได้มีกี่เจ้ากัน และก็เป็นที่รับรู้กันทั่วไปว่า ตัวแทนจำหน่ายเครื่องตรวจวัตถุระเบิดอีกค่าย ที่ไม่ใช่ CTX ก็เป็นพรรคพวกเดียวกันหมด ถามว่า ถ้าคนอื่นที่ไม่ใช่พรรคพวกหรืออยู่ในกลุ่มเขาไปขอใบอนุญาตเป็นตัวแทน เขาจะให้ เขาจะช่วยเหลือกลุ่มไหนกันก่อน ซึ่งการที่มากำหนดคุณสมบัติงานแบบผูกตัดไม่แยกกัน แบบนี้ มันถูกต้องแล้วหรือ และการที่นำงานสองส่วนมาผูกร่วมกัน ก็ยิ่งทำให้ต้องใช้งบประมาณที่มาจากเงินภาษีประชาชนมากขึ้นกว่าเดิมไปอีก ประชาชนคนไทย มีแต่เสียหาย" นายวรพจน์ระบุ
นายวรพจน์ ยังระบุว่า การกำหนดเงื่อนไขให้เครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด อยู่ที่ระดับความเร็วสายพาน 0.5 เมตร/วินาที ซึ่งผู้จำหน่ายต้องได้รับการรับรองจาก TSA (หน่วยงานรักษาความปลอดภัยด้านการขนส่งของประเทศสหรัฐอเมริกา Transportation Security Administration: TSA) และ การอนุมัติจาก ECAC Standard-3 หรือสูงกว่า (ECAC standard-3 approved or higher) (กรมการบินพลเรือนของประเทศในกลุ่มยุโรป The European Civil Aviation Conference: ECAC) ดังกล่าว ถือเป็นการกีดกันทำให้เครื่อง CTX ไม่สามารถเข้าร่วมประมูลได้
ด้าน นายนิตินัย ศิริสมรรถการ ผู้อำนวยการใหญ่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) ออกชี้แจงตอบโต้ว่า เมื่อพิจารณาจากความต้องการของ ทสภ. ซึ่งมีอัตราการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วแล้ว ที่ปรึกษาฯ จึงสรุปได้ว่าเครื่อง EDS ความเร็วสูง 0.5 เมตรต่อวินาที มีความเหมาะสมกับโครงการนี้ เนื่องจากมีความสามารถได้มาตรฐานความปลอดภัยที่สอดคล้องกับความต้องการของ ทสภ. และช่วยเพิ่มระดับการให้บริการ (Level of Services) ของ ทสภ. ที่มีอัตราการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วได้ในอนาคต ทั้งนี้ สเปคการปรับปรุงใหม่ ทอท.ได้คำนึงถึงเทคโนโลยีที่จะนำมาใช้ ต้องมีความทันสมัยกว่าเดิมเป็นสำคัญ ไม่ใช่ประเด็นแค่เรื่องความเร็วเท่านั้น เนื่องจากเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงเร็ว และเทคโนโลยีใหม่ที่จะนำเข้ามาต้องรองรับได้ในระยะยาว ถึง 13-15 ปีข้างหน้า หรือ ถึงปี 2578 นอกจากนั้น ในเชิงคุณภาพสเปคของเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดระบบใหม่นี้ ต้องมีมาตรฐานระดับโลก ควรต้องได้รับการรับรองมาตรฐานจาก Transportation Security Administration (TSA) และการอนุมัติจาก ECAC Standard-3 หรือสูงกว่าของประเทศในกลุ่มยุโรป เนื่องจากทั้งประเทศสหรัฐอเมริกา และกลุ่มประเทศยุโรปต่างยอมรับสนามบินที่มีมาตรฐานในระดับเดียวกันในการบินเข้าประเทศ
และจากรายงานผลการออกแบบ (Final Report) ตรวจสอบ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2560 มีผู้ผลิตเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดรุ่นความเร็ว 0.5 เมตรต่อวินาทีที่ได้รับการรับรองจาก TSA แล้ว 2 รายคือ เครื่อง MV3D ของบริษัท L3 Communications และ เครื่อง Hi-Scan10080XCT ของบริษัท Smith Detection และอยู่ในระหว่างขออนุญาต 2 ราย คือ เครื่อง CTX9800DSi ของบริษัท Morpho Detection และเครื่อง X1000 ของบริษัท SureScan ทั้งนี้มีข้อสังเกตว่าเครื่อง CTX9800DSi ของบริษัท Morpho Detection เดิมนั้นปัจจุบันได้เป็นส่วนหนึ่งของบริษัท Smith Detection แล้วจากการเข้าซื้อกิจการ ดังนั้น ข้อกำหนดรายละเอียดของการประกวดราคานี้จึงมิได้เป็นการปิดกั้น หรือกำหนดตัวเอกชนในการจัดหาไว้แต่อย่างใด
อย่างไรก็ดี สำนักข่าวอิศรา ได้นำข้อมูลคุณสมบัติของผู้ผลิตเครื่องตรวจวัตถุระเบิดทั้ง 4 ราย ตามที่นายนิตินัย ชี้แจงมาตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมพบว่า หากรูปการเป็นไปในปัจจุบัน ท้ายที่สุดแล้วจะเหลือแค่เพียง เครื่อง MV3D ของบริษัท L3 Communications ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่สามารถเข้าร่วมการประกวดราคาได้
เนื่องจาก เครื่อง CTX9800DSi ของบริษัท Morpho Detection เดิมนั้น ปัจจุบันได้เป็นส่วนหนึ่งของบริษัท Smith Detection แล้วจากการเข้าซื้อกิจการ และคงไม่เข้าร่วมการประมูล เพราะสู้ไม่ได้ ส่วนเครื่อง X1000 ของ บริษัท SureScan ยังอยู่ระหว่างการขออนุญาต ดังนั้น เครื่องยี่ห้อ MV3D ของ บริษัท L3 Communications จึงน่าจะเป็นยี่ห้อที่มีความพร้อมมากที่สุด
ขณะที่ บริษัท เคพีไอ 1389 อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ทำธุรกิจ เป็นตัวแทนขายเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด ยี่ห้อ L3
ส่วนงานสายพานลำเลี่ยงนั้น จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า ในปี 2555 ทอท. เคยจัดซื้อเครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิดพร้อมระบบสายพานลำเลี่ยงไปแล้ว จำนวน 4 เครื่อง เพื่อนำมาใช้งาน Transfer Bag (ผู้โดยสารเปลี่ยนเครื่อง) รวมวงเงิน 1,872 ล้านบาท
โดยเมื่อวันที่ 3 ก.พ. 2555 คณะกรรมการ ทอท. ได้อนุมัติให้ว่าจ้างนิติบุคคลร่วมการงาน ประกอบด้วย บริษัท แดนไทย อีควิปเม้นท์ จำกัด บริษัท เคพีไอ 1389 อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด บริษัท ไทยบริการอุตสาหกรรมและวิศวกรรม จำกัด (มหาชน) และบริษัทเรืองณรงค์ จำกัด ซึ่งมีการแบ่งหน้าที่รับผิดชอบงานออกเป็นส่วนๆ ชัดเจน
บริษัท แดนไทย อีควิปเม้นท์ จำกัด รับผิดชอบงานในส่วนของสายพานลำเลียง
ส่วน บริษัท เคพีไอ 1389 อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด รับผิดชอบงานในส่วนของเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดและระบบไฟฟ้าต่างๆ
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบสัญญาลงนามว่าจ้างระหว่าง ทอท. กับ นิติบุคคลร่วมการเงิน ประกอบด้วย บริษัท แดนไทย อีควิปเม้นท์ จำกัด บริษัท เคพีไอ 1389 อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด บริษัท ไทยบริการอุตสาหกรรมและวิศวกรรม จำกัด (มหาชน) และบริษัทเรืองณรงค์ จำกัด พบว่า บริษัท แดนไทย อีควิปเม้นท์ จำกัด และ บริษัท เคพีไอ 1389 อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ปรากฏชื่อตัวแทนลงนามในสัญญากับ ทอท. เป็นบุคคลเดียวกัน คือ นายฐิติพงษ์ บุตรอ่ำ ชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงของบริษัทเอกชนทั้ง 2 แห่ง
ดังนั้น จึงได้คาดการณ์ว่า เมื่อบริษัทแดนไทยฯ ทำธุรกิจสายพานลำเลียง และ บริษัท เคพีไอ 1389 อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ทำธุรกิจ เป็นตัวแทนขายเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด ยี่ห้อ L3
บริษัททั้ง 2 แห่งนี้ จึงมีศักยภาพและความพร้อมมากที่สุด ที่จะเข้าร่วมการประกวดโครงการประมูลจัดซื้อจัดจ้างเปลี่ยนเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดที่สนามบินสุวรรณภูมิ จำนวน 26 เครื่อง และจ้างปรับปรุงระบบลำเลียงกระเป๋าสัมภาระของอาคารผู้โดยสาร รวมวงเงินกว่า 2.8 พันล. ของ ทอท.ดังกล่าว
จากนั้นเรื่องราวก็เงียบหายไป
จนกระทั่งล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบพบว่า เมื่อวันที่ 28 พ.ค. 2562 ทอท. ได้เผยแพร่ผลการประกวดราคาโครงการประมูลจัดซื้อจัดจ้างเปลี่ยนเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดที่สนามบินสุวรรณภูมิ จำนวน 26 เครื่อง และจ้างปรับปรุงระบบลำเลียงกระเป๋าสัมภาระของอาคารผู้โดยสาร เป็นทางการ และ บอร์ด ทอท. ได้ประชุมลงมติเห็นชอบผลการประมูลเป็นทางการแล้ว เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.2562 ที่ผ่านมา
โดยผลปรากฏว่า บริษัท เคพีไอ 1389 อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และ บริษัทแดนไทยฯ ในฐานกลุ่มนิติบุคคลร่วมทำงาน เป็นผู้ได้รับการคัดเลือก โดยได้คะแนนรวมของข้อเสนอสูงสุด ราคาอยู่ที่ 2,990,650,000 บาท
ข้อมูลเป็นไปตามที่สำนักข่าวอิศรา คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับ บริษัท เคพีไอ 1389 อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2546 ทุน 10 ล้านบาท ตั้งอยู่เลขที่ 3075/1-2 ถนนสุขุมวิท แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร แจ้งประกอบธุรกิจบริการบรรจุหีบห่อทุกชนิด ขายส่งและขายปลีกสินค้าบรรจุภัณฑ์ทุกชนิด และบริการจัดงานแสดงสินค้า
ปรากฏชื่อ นายเอนก จงเสถียร เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ และถือหุ้นใหญ่ (ณ 31 ธันวาคม 2561)
นำส่งข้อมูลงบการเงิน ณ 31 ธันวาคม 2560 แจ้งว่ามีรายได้จากการขายหรือการให้บริการ 176,152,432.42 บาท รวมรายจ่าย 120,446,121.90 บาท กำไรสุทธิ 1,230,010.18 บาท
ส่วน บริษัท แดน-ไทย อีควิปเม้นท์ จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 3 มกราคม 2533 ทุน 30 ล้านบาท ตั้งอยู่เลขที่ 732 ซอยพระราม 2 ซอย 75 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร แจ้งประกอบธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์ระบบสายพานลำเลียงสัมภาระ
ปรากฏชื่อ นายเดชา จันทร์เกษมสัตย์ นายศาศวัต เด่นแดนโดม นายฐิติพงษ์ บุตรอ่ำ และนายศรุต เด่นแดนโดม เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ นาย ศาศวัต เด่นแดนโดม ถือหุ้นใหญ่สุด (ณ 12 มีนาคม 2562)
นำส่งข้อมูลงบการเงิน ณ 31 ธันวาคม 2560 แจ้งว่ามีรายได้รวม 600,470,178.02 บาท รวมรายจ่าย 526,103,921.56 บาท กำไรสุทธิ 60,239,315.31 บาท
ทั้งนี้ บริษัท แดนไทย อีควิปเม้นท์ จำกัด นับตั้งแต่ปี 2545 จนถึงปัจจุบัน ปรากฏชื่อเป็นคู่สัญญาได้รับงานว่าจ้าง ทอท. จำนวนกว่า 95 สัญญา รวมวงเงินทั้งสิ้นกว่า 4,452 ล้านบาท งานสำคัญส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับสายพานลำเลียงกระเป๋าในสนามบินต่างๆ เมื่อนับรวมงานจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิดและสายพานลำเลียง ที่จัดซื้อในช่วงปี 2555 อีก 1,872,500,000 บาท มูลค่างานที่ได้รับไปจะอยู่ที่ตัวเลขสูงถึง 6.3 พันล้านบาท
ขณะที่ บริษัท เคพีไอ 1389 อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ยังมีความเชื่อมโยงเป็นบริษัทกลุ่มเดียวกับ บริษัท เอ็ม.ไอ.ที. โซลูชั่น จำกัด ได้ผูกขาดงานเช่าเครื่องบอดี้สแกน ของ ทอท. นับตั้งแต่ปี 2556 จนถึงปัจจุบัน จำนวน 6 สัญญา รวมวงเงินว่าจ้างทั้งสิ้น 1,347,172,800 บาท
เมื่อนับรวมกับงานโครงการประมูลจัดซื้อจัดจ้างเปลี่ยนเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดที่สนามบินสุวรรณภูมิ จำนวน 26 เครื่อง และจ้างปรับปรุงระบบลำเลียงกระเป๋าสัมภาระของอาคารผู้โดยสาร วงเงิน 2,990,650,000 บาท ที่ได้รับไปล่าสุด
เท่ากับว่า เม็ดเงินที่บริษัทกลุ่มนี้ ได้รับไปจากทอท. ในช่วงที่ผ่านมาจะมีวงเงินสูงกว่า 10,661 ล้านบาทเลยทีเดียว
ส่วนผลการดำเนินงานโครงการแต่ละส่วนเป็นอย่างไรนั้น คงต้องติดตามตรวจสอบกันต่อไป เพื่อให้การใช้จ่ายเงินงบประมาณรายได้ ของ ทอท. เกิดความคุ้มค่ามากที่สุด
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/
อ่านประกอบ :
เปิดสัมพันธ์ลึกหมื่นล.'แดนไทย-เคพีไอ-เอ็ม.ไอ.ที.'ขาใหญ่ทอท.ตัวจริง?-ก่อนกรณีเสี่ยเชVSนิตินัย
ถึงคิว!เปิดข้อมูลทอท.ซื้อเครื่องตรวจระเบิดL3-โลกกลมกลุ่มเดียวบ.ผูกเช่าบอดี้สแกน1.3 พันล.
เอ็กซ์คลูซีฟ:คำต่อคำ'เสี่ยเช'จับพิรุธ'ทอท.'ซื้อเครื่องตรวจระเบิด2.8พันล.โปร่งใสจริงหรือ?
ไขข้อมูล 'นิตินัยVS.เสี่ยเช' ใครจริง-ลวง?ข้อกล่าวหาล็อกสเปคซื้อเครื่องตรวจระเบิด2.8พันล.
'เสี่ยเช'โวยทีโออาร์ใหม่ล็อกสเปคชัด! ตัดขาดCTXเปิดช่องรวมหัวขายพ่วงสายพานฯ2.8พันล.
เปิดจม.ลับเสี่ยเชประท้วงทอท.ล็อกสเปคซื้อเครื่องตรวจระเบิด2.8พันล.?ไฉนสำคัญกว่าคดีหวย30ล.
แกะสัมพันธ์ เอ็มแรป&เอ็ม.ไอ.ที. ผู้ให้เช่าบอดี้สแกน1.3พันล.ไฉนอยู่ตึกเดียวกัน?
ซุกตัวอาคารเก็บสินค้าเอ็มแรป? แกะรอยที่อยู่ใหม่บ.ผูกเช่าบอดี้สแกนทอท.1.3พันล.
ควักจ่าย6.4แสน/ตัว/เดือน! รู้หรือไม่?ทอท.ผูกเช่าเครื่องบอดี้สแกนบ.เจ้าเดียวนาน5ปี1.3พันล.
ชัดๆข้อมูล3สัญญาเช่าบอดี้สแกนทอท.ปี59 ยุคบิ๊กตู่1.08พันล.-ควักจ่าย6.4แสน/ตัว/เดือน
ปมใหม่บอดี้สแกน หน่วยงานสหรัฐ โค้ทราคาขายแค่5.6ล./เครื่อง ไฉนทอท.ควักเช่าตัวละ38ล.?
ตัวละ5.6ล.ขายเฉพาะสหรัฐ!ทอท.แจงผูกเช่าบอดี้สแกน1.3พันล.-ยันควักจ่าย35ล.ราคามาตรฐาน
เปิดตัวบ.ผูกเช่าบอดี้สแกนทอท.5ปี1.3พันล.! ที่แท้เจ้าเดิมถูกสอบงานวิมานพญาแถน30ล.