- Home
- Isranews
- เปิดจม.ลับเสี่ยเชประท้วงทอท.ล็อกสเปคซื้อเครื่องตรวจระเบิด2.8พันล.?ไฉนสำคัญกว่าคดีหวย30ล.
เปิดจม.ลับเสี่ยเชประท้วงทอท.ล็อกสเปคซื้อเครื่องตรวจระเบิด2.8พันล.?ไฉนสำคัญกว่าคดีหวย30ล.
"...การกระทำอย่างนี้ ในวงการเรียกว่า "เอาของเล็ก มาล็อคสเป็คของใหญ่" และในความเป็นจริง ขอให้ท่านลองคิดดูสิว่า ผู้ที่จะมาทำงาน โมดิฟายระบบสายพาน และมอเตอร์ต่างๆ เป็นคนละคน เป็นคนละบริษัท ที่ได้สัญญาซ่อมบำรุงทำงานอยู่ทุกวัน เขาจะได้รับความร่วมมือกันอย่างไร มันไม่มีทางเข้ากันได้เลย และปัญหาก็จะตกอยู่ แก่สนามบินสุวรรณภูมิ ที่ได้รับนามพระราชทาน และเป็นสนามบินแห่งชาติของคนไทย ทุกคน..."
"ผมขอท้าให้ผู้บริหารทอท. มาถกเถียงข้อมูลกับผมได้ทุกเรื่อง ทุกที่ทุกเวลาเหมือนเดิม โดยเฉพาะเรื่องของศักยภาพเครื่อง CTX ซึ่งปัจจุบันใช้งานอยู่ในสุวรรณภูมิตลอด ไม่เคยมีปัญหาอะไรเลย แถมยังเป็นเครื่องที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมจะต้องทำกันแบบนี้ ทำไมต้องพยายามไปอ้างเงื่อนไขเรื่องความเร็ว 0.5 ด้วย ทั้งที่ มันยังทำไม่ได้ และยังไม่ได้การยอมรับในสังคมโลกเลย และผมอยากท้าสื่อมวลชน ให้มาตรวจสอบการทำงานของเครื่องCTX ได้เลย ว่าที่ผ่านมาเป็นอย่างไร ขณะที่เครื่องตรวจยี่ห้ออื่น ที่ทอท. เคยซื้อมาใช้เหมือนกัน กลับพบว่า มีปัญหาอยู่ตลอด ซึ่งเรื่องนี้อย่าเชื่อผม ขอให้มาตรวจสอบข้อมูลเอง แล้วจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ตอนนี้ข่าวหวย 30 ล้าน เสือดำ จบไปแล้ว ก็หวังว่าเรื่องการจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิดซึ่งเป็นเรื่องสำคัญของประเทศอย่างมาก สื่อน่าจะหันมาสนใจกันด้วย"
คือคำยืนยันล่าสุดจาก นายวรพจน์ ยศะทัตต์ หรือเสี่ยเช ตัวแทนขายเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดยี่ห้อ CTX ในประเทศไทย ที่ให้สัมภาษณ์ยืนยันสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ต่อกรณีร่างเงื่อนไขการประกวดราคา (ทีโออาร์) โครงการประมูลจัดซื้อจัดจ้างเปลี่ยนเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดที่สนามบินสุวรรณภูมิ จำนวน 26 เครื่อง และจ้างปรับปรุงระบบลำเลียงกระเป๋าสัมภาระของอาคารผู้โดยสาร รวมวงเงิน 2,880,500,000 บาท ที่อยู่ระหว่างการเปิดรับฟังคำวิจารณ์ตั้งแต่วันที่ 27 ก.พ.2561 -14 มี.ค.2561 นี้
ซึ่งกำลังถูกจับตามองว่า มีความพยายามในการเปิดช่องให้มีการล็อกสเปคกำหนดตัวเอกชนผู้ได้รับงานล่วงหน้าไว้ เนื่องจากในร่างทีโออาร์ที่ประกาศออกมาใหม่ กำหนดคุณสมบัติผู้เสนอราคาไว้ในข้อ18 ว่า จะต้องได้รับการแต่งตั้งจากบริษัทผู้ผลิตในต่างประเทศ หรือ เจ้าของผลิตภัณฑ์ในต่างประเทศ หรือ ผู้จำหน่ายที่ได้รับการแต่งตั้งจากผู้จำหน่ายภายในประเทศ ว่าเป็นผู้จำหน่ายเครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิด (EDS machine) รุ่นที่มีความเร็วสายพานไม่น้อยกว่า 0.5 เมตรต่อวินาที ซึ่งได้รับการรับรองจาก TSA (หน่วยงานรักษาความปลอดภัยด้านการขนส่งของประเทศสหรัฐอเมริกา Transportation Security Administration: TSA) และ การอนุมัติจาก ECAC Standard-3 หรือสูงกว่า (ECAC standard-3 approved or higher) (กรมการบินพลเรือนของประเทศในกลุ่มยุโรป The European Civil Aviation Conference: ECAC) และโดยต้องแสดงสำเนาเอกสารหนังสือแต่งตั้งเป็นตัวแทนฯ ฉบับล่าสุดและเป็นปัจจุบน ซึ่งออกโดยผู้ผลิต หรือเจ้าของผลิตภัณฑ์ หรือตัวแทนจำหน่ายภายในประเทศ ภายในระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา (นับย้อนหลังจากวันที่ยื่นซองประกวดราคา) พร้อมสำเนาหนังสือรับรองของ TSA และสำเนาหนังสืออนุมัติของ ECAC หรือสูงกว่า (ECAC standard-3 approved or higher)
ขณะที่ ปัจจุบันมีเอกชนไม่กี่รายที่สามารถเข้าร่วมประกวดภายใต้คุณสมบัตินี้ได้ และเครื่องตรวจวัตถุระเบิด ที่สามารถผ่านเงื่อนไขดังกล่าว ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างขั้นตอนการทดลองในห้องปฏิบัติการเท่านั้น (อ่านประกอบ : 'เสี่ยเช'โวยทีโออาร์ใหม่ล็อกสเปคชัด! ตัดขาดCTXเปิดช่องรวมหัวขายพ่วงสายพานฯ2.8พันล.)
ล่าสุดสำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบพบว่า ก่อนหน้าที่ ทอท.จะประกาศร่างทีโออาร์ฉบับใหม่ออกมาดังกล่าว เสี่ยเช ได้เคยทำหนังสือประท้วงไปถึงผู้บริหารทอท. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ด้วย
ปรากฎข้อมูลสำคัญหลายประการ ดังต่อไปนี้
เรื่อง ขอประท้วง ร่างเงื่อนไขการประกวดราคาการจัดซื้อ (TOR) ในงานจัดซื้อจัดหาจัดจ้าง หรือเปลี่ยนเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด (Explosive Detection System, EDS จำนวน 26 เครื่อง ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
กระผมชื่อ นายวรพจน์ ยศะทัตต์ เป็นที่รู้จักทั่วไป โดยเฉพาะ ทางสื่อสารมวลชน เรียกผมว่า เช หรือเสี่ยเช กระผมอายุ 56 ปี จบการศึกษา ด้านวิศวกรรมเครื่องกล ทำงานเกี่ยวกับเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด ตั้งแต่ปี 1999 คือปีแรก ที่เครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด เริ่มออกจำหน่ายในประเทศสหรัฐอเมริกา หรือประมาณ 19 ปีครับ
ผมเป็น ผู้ดำเนินการติดตั้งเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด CTX9000 ซึ่งภายหลัง Upgrade เรียกกันว่า CTX9400 จำนวน 26 เครื่อง กับระบบสายพานลำเลียง ประมาณ 22 กิโลเมตร ให้แก่สนามบินสุวรรณภูมิ ใช้งานมากว่า 11 ปี โดยไม่ก่อให้เกิดปัญหา แม้กระทั่งสักวันเดียว ชั่วโมงเดียว ที่จะทำให้สนามบิน ต้องได้รับความเสียหาย ระบบไม่เคยล่ม แม้กระทั่งครั้งเดียวครับ
กระผมขอ ประท้วง การเขียนTOR หรือร่างเงื่อนไขการประกวดราคาการจัดซื้อ เพื่อทำการจัดซื้อจัดหาจัดจ้าง หรือเปลี่ยนเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด ดังนี้
กระผมประท้วง ตรงประเด็นคือ กีดกัน มิให้เครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด CTX รุ่นใหม่ 9800 ได้เสนอ เข้าร่วมแข่งขัน เสนอ ความสำเร็จที่ได้ปรับเปลี่ยนมาแล้วใช้งานแล้ว หรือที่เรียกว่า Project Success เครื่อง CTX มียอดขายมากที่สุด กว่า 2,200 เครื่อง โดยยี่ห้อเดียว มี Market Share หรือส่วนแบ่งตลาด ประมาณ 80% ได้รับความไว้วางใจจากสนามบิน ทุกสนามบิน 100% ในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะสนามบินขนาดใหญ่ ต่างๆเช่น ชิคาโก แอตแลนต้า ซานฟรานซิสโก ลอสแอลเจลิส เท็กซัส วอชิงตัน และอีกหลายสนามบิน เรียกได้ว่า ในระบบ Automated In-Line ทั่วทั้งอเมริกา ซึ่งเป็นระบบเดียวกับสุวรรณภูมิ ใช้ CTX ทั้งหมดขณะนี้ (ก่อนหน้านี้ เคยทดลองใช้ ยี่ห้ออื่น แต่เกิดปัญหามากมาย จึงยกทิ้ง และเปลี่ยนมาใช้เครื่องCTX ทั้งหมดทุกสนามบิน เช่นสนามบินบอสตัน)
ประเทศ อังกฤษ ซึ่งเป็น ผู้นำทางด้านความปลอดภัย ต่อต้านการก่อการร้าย อันดับ 1 ในยุโรป ก็เปลี่ยนระบบทั้งหมด ที่เคยใช้ CTX9400 มาใช้ระบบเครื่อง CTX9800 ครั้งเดียว 65 เครื่อง ในสนามบินฮีทโธรว์ และสนามบินแกตวิค และอีกหลายประเทศที่เป็นประเทศชั้นนำในยุโรป ก็กำลังเปลี่ยนมาใช้ CTX9800
ในเอเชีย ประเทศญี่ปุ่น กำลังเป็นเจ้าภาพโอลิมปิก ในปี 2020 ก็ใช้เครื่องรุ่นเดิมเหมือนกับเราคือ CTX9400 ตัดสินใจเปลี่ยนแล้ว เป็นเครื่องรุ่นใหม่ CTX9800 จำนวน 30 กว่าเครื่อง มีเอกสารแนบ นอกจากประเทศสิงคโปร์ ประเทศเกือบทุกประเทศ ในเอเชีย ใช้เครื่องCTX ทั้งหมด รวมทั้งประเทศจีน เลือกใช้เครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดที่ทำในอเมริกา คือCTX เพียงยี่ห้อเดียว
มีการให้ข้อมูลที่ไม่เป็นความจริงทั้งหมด แก่ผู้ตัดสินใจ และกรรมการของบริษัท ท่าอากาศยานไทย หรือ ทอท. และหลายอย่างเป็นเรื่องเท็จ
1. กล่าวว่า เครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด ที่เปิดใช้ความเร็วสูงสุด 0.5 เมตรต่อวินาที จะเป็นผลดีมากกว่า ต่อสุวรรณภูมิ การเปิดความเร็วสูงสุด จริงๆแล้วเรียกว่าการ "สแกนอย่างหยาบ" คือ ภายใน 1 ชั่วโมง อาจจะสแกนกระเป๋าได้ 1400 กระเป๋า หรือมากกว่าต่อชั่วโมง แต่จะได้ความปลอดภัยที่ต่ำกว่า จะมีระเบิด หรือเชื้อเพลิง หรือสารเคมี หรือยาเสพติด หลุดรอด ขึ้นไปที่เครื่องบินได้ ซึ่งสนามบินทุกสนามบินในโลก ยึดถือความปลอดภัยของผู้โดยสาร และลูกค้าก็คือสายการบิน และเครื่องบินของเขา เป็นลำดับความสำคัญสูงสุด และเป็นความมั่นใจของผู้โดยสาร
2. การสแกนอย่างหยาบ ด้วยความเร็ว 0.5 เมตรต่อวินาที สามารถลดเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดลง ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุง โดยรวม ซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะต้องมีการลงทุนที่สูงกว่า โดยการเพิ่มระบบสายพานไขว้ เพื่อป้องกันเครื่องเสียพร้อมกันจำนวนมาก เพราะถ้าลดจำนวนเครื่องลง ถ้าเครื่องเสียพร้อมกันหลายๆเครื่อง จะต้องมีสายพานมาช่วยหมุนวนกระเป๋า และปรับเปลี่ยนมอเตอร์ขับสายพาน เพื่อให้สายพานทั้งระบบเร็วขึ้น ซึ่งเป็นการลงทุนหลายร้อยล้านบาท และก็จะมี ค่าซ่อมบำรุงต่อปี เพิ่มขึ้นจำนวนมาก สูงกว่า การคงไว้ จำนวนเครื่องเท่าเดิม และการมีจำนวนเครื่องเท่าเดิมคือ 26 เครื่อง นับว่ามีการสำรองภายในตัว หรือภาษาอังกฤษ เรียกว่า Higher Redundancy
3. การใช้มาตรฐานการรับรองหรือ Certify ขั้นต่ำสุด คือแค่ผ่านห้องแลป มาเป็นข้อกำหนด ซึ่งไม่เป็นการถูกต้อง การรับรอง ว่าเครื่องยี่ห้อใดรุ่นใด มีประสิทธิภาพใช้ได้ดี ภาพคมชัด ฮาร์ดแวร์ทนทาน ซอฟแวร์ไม่มีปัญหา ต้องผ่านขั้นตอนการทดสอบ อย่างน้อย 5 ขั้นตอน
3.1 ผ่านการทดสอบ จากห้องแล็บ ตรวจสอบว่าสามารถคัดกรอง หรือค้นหาวัตถุระเบิดได้
3.2 นำไปติดตั้ง กับระบบสายพานจริง ในศูนย์ทดสอบที่วอชิงตัน ที่หน่วยงานรักษาความปลอดภัยด้านการขนส่งของ สหรัฐอเมริกา (Transportation Security Administration – TSA) ส่วนงาน TSA System Integration Facility -TSIF หรือ TSA-TSIF ที่ตั้งอยู่สนามบิน Ronald Reagan Washington National Airport
3.3 นำไปทดสอบใช้งานจริง จนเป็นที่พอใจ ในสนามบินต่างๆ ทั่วสหรัฐอเมริกา ในสภาพอุณหภูมิความชื้นต่างๆกัน ตั้งแต่ ติดลบ 40 องศา หนาวจัด จนถึงอุณหภูมิสูง 50 องศา ร้อนจัด มีความชื้นสูง หลังจากเป็นที่พอใจ
3.4 นำผลทั้งหมดที่ เครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งฮาร์ดแวร์ซอฟต์แวร์ และทนทาน เข้าคณะกรรมการ แล้วจึงประกาศรับรอง โดย Certified ให้เป็นความสำเร็จสูงสุด คือ Qualified และ TSA ซึ่งเป็นองค์กรอยู่ภายใต้ กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ (Department of Homeland Security) เป็นผู้จัดซื้อจัดหา ยี่ห้อและรุ่นดังกล่าว ให้แก่สนามบินต่างๆได้ มีเอกสารแนบ ยืนยันครับ
3.5 มีเพียงเครื่อง CTX Series 9000 เท่านั้น ที่ผ่านขั้นตอนทดสอบ จนได้ การรับรองในขั้น Qualified
4. หากมีการนำเสนอราคา ในการเปรียบเทียบ แล้วเห็นว่าเครื่องCTX 26 เครื่อง มีราคาแพงกว่า เครื่องยี่ห้ออื่นใด ที่ความเร็ว 0.5 เมตรต่อวินาที 16 เครื่อง เป็นความเท็จ มีนัยยะแอบแฝง ให้กรรมการ หรือบอร์ด ของทอท. หลงเชื่อ และตัดสินใจผิดผิด ขอยืนยันว่า ในปี 2560 ที่ผ่านมาทั้งปี กระผมซึ่งเป็นผู้แทนไม่ได้รับการร้องขอ ทั้งไม่เป็นทางการ และเป็นทางการ และกระผมไม่เคยให้ราคา เพื่อให้ทอท. หรือเจ้าหน้าที่ออกสเปค ไปทำการเปรียบเทียบ หรือร่วมตั้งงบประมาณใดๆเลย และในความเห็นส่วนตัวของกระผม ตามข่าวที่ได้ทราบงบประมาณ จากสื่อมวลชน งบประมาณที่ตั้งไว้ มีมูลค่าสูงเกิน
คณะกรรมการ หรือบอร์ด ได้ข้อมูลซึ่งเป็นความเท็จ จะก่อให้เกิด การตัดสินใจที่เบี่ยงเบนการตัดสินใจที่ผิด ก็จะเกิด ความเสียหาย ต่อระบบสายพานลำเลียง ซึ่งเป็นหัวใจหลัก ของสนามบิน และเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด ก็เป็นหัวใจหลัก ของระบบสายพานลำเลียง
5. หากมีการนำเสนอว่า เครื่อง CTX 26 เครื่อง ถ้าได้รับการปรับเปลี่ยนเป็นรุ่นใหม่แล้ว จะไม่สามารถรองรับผู้โดยสารได้ จนถึงปี 2578 ซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะในความเป็นจริงแล้วหากปรับเปลี่ยนเป็นเครื่องCTX รุ่นใหม่ จะสามารถรองรับผู้โดยสาร ได้จนถึงปี 2588 หรือมากกว่านั้นด้วยซ้ำ โดยการขยายความสามารถในการรองรับกระเป๋า ทางด้านตะวันออก และตะวันตก ที่อาจจะมีการขยายพื้นที่ให้บริการผู้โดยสารเพิ่ม เพิ่มช่อง Check-In ปรับเปลี่ยนCTXรุ่นใหม่ทั้ง 26 เครื่อง ที่เครื่องใช้ความเร็ว 0.3 เมตรต่อวินาที สามารถรองรับผู้โดยสาร ได้เกินกว่าความสามารถของ อาคารผู้โดยสารหลัก Main Terminal Building- MTB จะรับผู้โดยสารได้ด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะขยายไปเพียงใด โดยไม่ต้องทำ ระบบสายพานเพิ่มเติม ไม่ต้องทำ ระบบสายพานกลุ่มใหม่ หรือวง BHS/HBS ใหม่เพิ่มเติม ขอเรียนให้ท่านทราบว่า เครื่อง CTX9800 ก็สามารถปรับความเร็วได้ถึง 0.5 เมตรต่อวินาที และก็ทำได้ดีกว่ายี่ห้ออื่น แต่จากประสบการณ์ และยึดถือวิชาชีพ ทางวิศวกร ของเราทั้งหมด ไม่แนะนำ ให้ ทอท. เลือกใช้วิธีเสียเงินปรับเปลี่ยนระบบสายพาน และลดจำนวนเครื่อง และขอยืนยันว่า ไม่มีประเทศไหนสนามบินไหนคิดจะทำแบบนี้ โดยพื้นฐานการออกแบบที่เรามีอยู่แล้ว คือระบบสายพานรวม ของระบบออกแบบไว้ดีแล้วที่ 0.3 เมตรต่อวินาที เป็นการสแกนแบบละเอียด มีความปลอดภัยสูงสุด
6. หน่วยงานราชการ และวิสาหกิจ โดยเฉพาะรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ จะต้องตั้งข้อกำหนด ความสำเร็จอ้างอิง หรือ Reference และให้คะแนนสูง เนื่องจากความเป็นสากลนิยม และการยอมรับในระดับนานาประเทศ ในการกำหนดคุณลักษณะ หรือสเปค ในครั้งนี้ กระผมคาดว่า จะไม่ได้กำหนดเลย ว่าเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดที่จะเสนอ จะต้องมีใช้ในสนามบินชั้นนำ อย่างต่ำกี่สนามบิน เช่น 20 30 หรือ 40 หรือ 50 สนามบิน และก็คงไม่ได้กำหนด ว่าจะต้องมีจำนวนเครื่อง ในรุ่นดังกล่าวที่จะเสนอ มีจำนวนไม่น้อยกว่า 300 400 หรือ 500 เครื่อง ในสนามบินต่างๆทั่วโลก ซึ่งแน่นอนว่า หากได้เครื่อง ที่ผ่านการรับรอง หรือCertify ขั้นต่ำ และขายให้แก่สนามบินทั่วไปได้น้อย หรือสนามบินในอเมริกาไม่ซื้อใช้เลย สนามบินต่างๆไม่ได้ให้ความไว้วางใจ หรือไม่เลือกซื้อ สนามบินสุวรรณภูมิเรา ก็จะได้เครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด ที่ไม่มีคุณภาพ ไม่มีความคงทน จะสร้างภาระ และความเสียหายให้กับสนามบินสุวรรณภูมิ อย่างไม่มีทางจะแก้ไขให้ดีเช่นเดิมได้
7.คุณลักษณะเฉพาะ หรือสเปคที่จะออกมา ไม่ได้คำนึงถึงความเสี่ยง หรือความเสียหายที่จะเกิดขึ้น โดยหลักการทั่วไป ของการปรับปรุงระบบสายพาน และระบบเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด หรือการอัพเกรด จะต้องคำนึงถึง Operation หรือการทำงานปกติทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง 365 วัน ให้มีผลกระทบน้อยที่สุด ซึ่งโซลูชั่นในการเปลี่ยน เครื่อง CTX9400 เป็น 9800 ได้พิสูจน์ให้เห็นความสำเร็จแล้ว ในสนามบิน หลายสิบแห่ง ทั่วประเทศสหรัฐอเมริกา และเจ้าหน้าที่ระดับสูง ของการท่าอากาศยาน และเจ้าหน้าที่ระบบสายพาน ก็ได้เข้าเยี่ยมชมแล้ว 2 สนามบินคือสนามบินที่กรุงวอชิงตัน และ ซานฟรานซิสโก มีภาพประกอบ
8. ร่างเงื่อนไขการประกวดราคาการจัดซื้อ (TOR) ที่จะออกมา จะกำหนดให้ ผู้จำหน่ายเครื่อง ต้องมี หรือต้องไปหา ผู้มีประสบการณ์ในการติดตั้ง ระบบสายพาน และจะต้องปรับปรุง ฮาร์ดแวร์ และ ซอฟต์แวร์ของระบบสายพานด้วย ซึ่งเป็นการล็อกสเปก เพราะผู้ขายเครื่องยี่ห้อใด ที่จับคู่ กับผู้ที่ได้สัญญาซ่อมบำรุงระบบสายพาน และทำงานอยู่ ก็จะได้เปรียบได้คะแนนสูงกว่า ได้ราคาต่ำกว่า หรืออาจเลวร้ายถึงขั้น จับคู่ให้ราคา แก่ผู้ขายเครื่องเจ้าเดียว ซึ่งไม่มีที่ไหนในโลกเขาทำกันครับ ทอท. ควรแบ่งแยกงานการซ่อมบำรุงเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด กับงานซ่อมบำรุงระบบสายพานออก แยกเป็น 2 สัญญา
การกระทำอย่างนี้ ในวงการเรียกว่า "เอาของเล็ก มาล็อคสเป็คของใหญ่" และในความเป็นจริง ขอให้ท่านลองคิดดูสิว่า ผู้ที่จะมาทำงาน โมดิฟายระบบสายพาน และมอเตอร์ต่างๆ เป็นคนละคน เป็นคนละบริษัท ที่ได้สัญญาซ่อมบำรุงทำงานอยู่ทุกวัน เขาจะได้รับความร่วมมือกันอย่างไร มันไม่มีทางเข้ากันได้เลย และปัญหาก็จะตกอยู่ แก่สนามบินสุวรรณภูมิ ที่ได้รับนามพระราชทาน และเป็นสนามบินแห่งชาติของคนไทย ทุกคน
9. ในประเทศผู้นำ ทางด้านการบินความปลอดภัย หรือประเทศมหาอำนาจ จะไม่พิจารณา สิ่งที่มีความสำคัญ หรือเป็นหัวใจของระบบ หรือหัวใจของสนามบิน ด้วยการพิจารณาจาก เอกสาร คำพูดคำบอกเล่า ของที่ปรึกษาอย่างเดียว จะต้อง ไปที่สนามบินที่ติดตั้งแล้ว ให้เห็นกับตา จะต้องหา ข้อมูลแห่งความสำเร็จหรือ Reference อย่างน้อย 20 หรือ 30 สนามบิน มาเป็นพื้นฐานในการตัดสินใจ หรืออาจจะต้องให้ผู้ที่จะขายเครื่อง นำเครื่องที่จะขาย มาทดลอง ติดตั้งให้ให้แก่สนามบินสุวรรณภูมิ ได้ดู-ได้เห็น-ได้วิเคราะห์ โดยไม่คิดมูลค่า ซึ่งกระผมยินดีที่จะทำทุกอย่าง และขอท้าให้ทุกยี่ห้อ ที่อยากจะขายทำเหมือนกัน
10. คุณนิตินัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน อย่างชัดเจนชัดแจ้ง เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2560 มีใจความว่า ระบบที่จะปรับเปลี่ยนเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดนี้ ระบบตรวจจับวัตถุระเบิดสำหรับกระเป๋าสัมภาระของสุวรรณภูมิ จะต้องมีมาตรฐานเท่าเทียมกับประเทศสหรัฐอเมริกา เข้าอเมริกาได้ กระผมขอเรียนแก่ท่านว่า ที่ในอเมริกา ใช้ระบบ CTX ที่เปิดความเร็วในตัวเครื่อง แบบตรวจละเอียด ด้วยความเร็วไม่เกิน 0.3 เมตรต่อวินาที ระบบตรวจกระเป๋าที่ความเร็ว 0.5 เมตรต่อวินาที เข้าอเมริกาไม่ได้ เทียบเท่ากับมาตรฐานของอเมริกาไม่ได้เลย
----------------
ทั้งหมดนี่ คือ ความเห็นของ นายวรพจน์ ยศะทัตต์ หรือเสี่ยเช ตัวแทนขายเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดยี่ห้อ CTX ในประเทศไทย ที่ยื่นเรื่องให้ผู้บริหาร ทอท. กระทรวงคมนาคม และนายกรัฐมนตรี พิจารณาเป็นทางการไปแล้ว
คำถามที่น่าสนใจ คือ ข้อมูลเหล่านี้ ไม่มีน้ำหนักเพียงพอหรืออย่างไร ถึงทำให้ร่างทีโออาร์ฉบับใหม่ ที่ถูกประกาศออกมาจึงเป็นเหมือนเดิม โดยไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
หากพิจารณาในมุมจุดยืนของ นายวรพจน์ ในฐานะเป็นเอกชน เมื่อธุรกิจกำลังเสียประโยชน์ การออกมาเดินหน้าชน เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม ไม่ใช่เรื่องแปลกพอเข้าใจได้ แต่ประเด็นสำคัญที่ต้องพิจารณา คือ ข้อมูลเหตุผลของนายวรพจน์มีน้ำหนักฟังขึ้นหรือไม่
แต่ในมุมจุดยืน ของผู้บริหารทอท. กระทรวงคมนาคม ร่วมไปถึงนายกรัฐมนตรี ในฐานะเป็นผู้บริหารองค์กรหน่วยงานรัฐ มีหน้าที่ต้องดูแลรักษาผลประโยชน์ของราชการประเทศชาติสูงสุด ควบคุมใช้จ่ายจ่ายเงินภาษีประชาชนไม่ให้เกิดการรั่วไหล ประเด็นสำคัญที่ต้องพิจารณา คือ ข้อมูลเหตุผลของนายวรพจน์ที่ร้องเรียนเข้ามามีน้ำหนักฟังขึ้นหรือไม่ ได้เข้าไปตรวจสอบติดตามผลจนได้ข้อสรุปที่ชัดเจนแล้วหรือยัง
ถ้ายัง ไม่ได้ตรวจสอบอะไรเลย แล้วยังเดินหน้าดันทุรังดิ้นรนทำงานต่อไปแบบเดิม
อะไรคือความเชื่อ ที่เป็นแรงผลักดันสำคัญที่ส่งผลทำให้ ทอท. ยังคงยืนยันเดินหน้าที่จะเปิดประมูลภายในเงื่อนไข คุณสมบัติเอกชนผู้เสนอราคาแบบเดิมต่อไป
แบบที่เห็นและเป็นอยู่ในปัจจุบันนี้!