'ปิยบุตร'เทียบคดี'ธนาธร-ดอน'วัดบรรทัดฐาน กกต.-ศาล รธน. ยันมีหลายพรรคปล่อยกู้เหมือนกัน
'ปิยบุตร' แถลงยกคดีหุ้นเกิน 5% 'ดอน ปรมัตถ์วินัย' กกต. ใช้เวลาไต่สวน 417 วัน เทียบปม 'ธนาธร' ถือครองหุ้นสื่อใช้เวลาแค่ 53 วัน ชงศาล รธน. แม้จะรับคำร้องแต่ไม่สั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ ขอให้ใช้บรรทัดฐานเดียวกัน ยันปมปล่อยกู้พรรคอนาคตใหม่ 110 ล้าน มีหลายพรรคก็ทำแบบเดียวกัน
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2562 นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ แถลงข่าวชี้แจงกรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ถูกคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ กรณีถือหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ประกอบกิจการสื่อ โดยในวันที่ 23 พ.ค. 2562 ศาลรัฐธรรมนูญนัดพิจารณาว่าจะรับคำร้องของ กกต. หรือไม่ รวมถึงชี้แจงกรณีนายธนาธร ปล่อยกู้เงินพรรคอนาคตใหม่จำนวน 110 ล้านบาท
นายปิยบุตร ระบุว่า ในกรณีของหุ้นวี-ลัคมีเดีย นั้น มีเรื่องที่ต้องพิจารณาโดยเปรียบเทียบกัน กล่าวคือในกรณีของนายธนาธรมีการยื่นเรื่องต่อ กกต.ในวันที่ 25 มีนาคม จากนั้นจึงมีการรับคำร้องในวันที่ 4 เมษายน ตามมาด้วยการส่งหนังสือให้นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดาของนายธนาธรมาชี้แจงต่อ กกต.ในวันที่ 22 เมษายน เวลา 10.00 น. แต่หนังสือมาถึงบ้านในเวลา 13.00 น. ทำให้เป็นไปไม่ได้ที่นางสมพรจะไปชี้แจง และในวันรุ่งขึ้น 23 เมษายน กกต.มีมติให้แจ้งข้อกล่าวหาต่อนายธนาธรทันที หลังจากนั้นได้ให้นายธนาธรเข้าชี้แจงกับอนุกรรมการไต่สวนในวันที่ 30 เมษายน ก่อนที่จะมีการส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 16 พฤษภาคม รวมเวลาทั้งสิ้น 53 วัน
“เมื่อเทียบเคียงกับกรณีที่มีข้อเท็จจริงใกล้เคียงกัน คือกรณีของนายดอน ปรมัตถ์วินัย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งมีข้อกล่าวหาว่าภรรยาอาจถือหุ้นสื่ออยู่ มีการยื่นเรื่องต่อ กกต.ในวันที่ 1 พฤษภาคม 2560 โดย กกต.มีมติยื่นคำร้องในวันที่ 25 พฤษภาคม 2561 ทำการยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 21 มิถุนายน 2561 ศาลรับคำร้องในวันที่ 22 มิถุนายน 2561 รวมใช้เวลาทั้งสิ้น 417 วัน ซึ่งความแตกต่างระหว่างทั้งสองคดี ที่น่าสังเกตว่าอาจเข้าข่ายเป็นการใช้ดุลยพินิจของ กกต.อย่างไม่เป็นธรรม นอกจากนี้ กกต.ยังไม่เคยเปิดโอกาสให้นายธนาธรเข้าชี้แจงเลยแม้แต่ครั้งเดียว เว้นแต่ในวันที่ 30 เมษายนที่มีการเชิญไปชี้แจง ซึ่งเมื่อไปถึง ก็พบว่าในสำนวนแจ้งข้อกล่าวหามีเพียงข้อความ 6 บรรทัด ที่อ้างอิงถึงเอกสาร บอจ.5 แล้วฟันธงลงไปทันทีว่านายธนาธรผิด โดยไม่มีการนำข้อมูลของผู้ถูกร้องมาพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยเอกสารคำให้การที่นายธนาธรส่งไปหลายลัง ก็มีการใช้เวลาพิจารณาเพียง 16 วันเท่านั้น” นายปิยบุตร ระบุ
นายปิยบุตร ระบุอีกว่า การตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อไม่สามารถทำได้ตามกฎหมาย ที่ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าให้ทำได้จนถึง 1 วันก่อนการเลือกตั้งเท่านั้น แต่เมื่อ กกต.ตัดสินใจจะทำทั้งๆที่ตัวเองไม่มีอำนาจ จึงเกิดเป็นเรื่องเป็นราวเช่นนี้ขึ้นมา ส่วนขั้นตอนในการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญนั้น ตามกฎหมายกระบวนพิจารณาความของศาลรัฐธรรมณูญแล้ว จะต้องมีการตั้งองค์คณะชุดเล็กขึ้นมาเพื่อพิจารณาว่าจะรับคำร้องหรือไม่ หากมีมติไม่รับคำร้อง ก็ต้องส่งให้คณะใหญ่เป็นผู้พิจารณา แต่หากมีมติรับคำร้อง ก็ต้องให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจง ซึ่งตามกำหนดเวลาสามารถทำได้จนถึงวันที่ 8 มิถุนายน ส่วนกรณีกระแสข่าวที่ว่าศาลรัฐธรรมนูญอาจมีคำสั่งให้นายธนาธรหยุดการปฏิบัติหน้าที่ได้นั้น เมื่อเอากรณีของนายดอนมาเทียบกัน ศาลได้ให้เวลานายดอนชี้แจงถึงหนึ่งเดือนก่อนที่จะพิจารณา และผลการพิจารณาก็ออกมาว่านายดอนไม่ต้องยุติปฏิบัติหน้าที่เนื่องจากไม่มีเหตุว่าจะเกิดความเสียหายต่อส่วนรวมหรือการบริหารราชการแผ่นดิน เป็นบรรทัดฐานว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่สามารถสั่งให้นายธนาธรหยุดปฏิบัติหน้าที่ในทันทีที่มีการรับคำร้องได้ แต่ต้องให้เวลาในการชี้แจงก่อน นอกจากนี้นายธนาธรแม้ว่าจะเป็น ส.ส.แล้ว แต่ยังไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจากยังไม่ได้ทำการปฏิญาณตนตามที่กำหนดในกฎหมาย การสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่จึงเป็นเรื่องที่ไม่สามารถทำได้
“ถ้าใช้หลักการมาตรฐานเดียวกัน เท่าเทียมกัน ไม่มีทางที่ศาลรัฐธรรมนูญจะสั่งให้นายธนาธรยุติการปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราวได้ และพรรคอนาคตใหม่ก็มีความมั่นใจว่าหากศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องขึ้นมา นายธนาธรก็จะไม่ถูกสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ และพร้อมที่จะสู้ในกระบวนการศาลรัฐธรรมนูญต่อไป และหากบ้านนี้เมืองนี้จะมีปาฏิหารย์ทางกฎหมายสั่งให้นายธนาธรหยุดการปฏิบัติหน้าที่ขึ้นจริง เราขอยืนยันว่านายธนาธรยังคงเป็นแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีที่มีคุณสมบัติครบถ้วน และเราขอสงวนสิทธิที่จะทำให้ปาฏิหารย์ทางกฎหมายถูกใช้ไปในมาตรฐานเดียวกัน ด้วยการยื่นให้มีการตรวจสอบ ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐทุกคนที่มีกรณีแบบเดียวกัน” นายปิยบุตร กล่าว
นายปิยบุตร ระบุด้วยว่า ส่วนกรณีพรรคอนาคตใหม่กู้เงินของนายธนาธรนั้น ต้องย้อนกลับไปในวันที่ตั้งพรรคขึ้นมา พรรคไม่สามารถรับบริจาคได้เนื่องจากยังติดคำสั่ง คสช. รวมทั้งช่องทางทางกฎหมายที่เปิดโอกาสให้กรรมการบริหารพรรคบริจาคได้คนละ 10 ล้านบาท ทางกรรมการบริหารพรรคแต่ละคนก็ไม่ได้มีฐานะขนาดนั้น จะให้นายธนาธรนำเงินมาให้คณะกรรมการบริหารพรรคบริจาคก็เป็นการไม่โปร่งใส จึงต้องกู้เงิน ขอยืนยันว่าในทางสากลนั้น การกู้เงินของพรรคการเมืองเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้น หลายพรรคการเมืองทั่วโลกเป็นหนี้ธนาคาร บางพรรคก็เป็นหนี้รายย่อย อีกทั้งกฎหมายในประเทศไทยก็ไม่มีระบุว่าการกู้ยืมเงินเป็นความผิดตามกฎหมาย ซึ่งตามหลักการทางกฎหมายแล้ว อะไรที่กฎหมายไม่ได้ห้าม และหลักการทางบัญชี เงินกู้มีสถานะเป็นหนี้สิน ไม่ใช่รายได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนั้น นายปิยบุตรได้เปิดข้อมูลงบการเงินที่ลงนามรับรองโดยประธาน กกต ที่เก็บเอาไว้ในห้องสมุด กกต.เอง พบว่ามีพรรคภูมิใจไทย, พรรคชาติไทยพัฒนา, พรรคชาติพัฒนา, พรรคประชาธิปไตยใหม่, และพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีประวัติการกู้เงินในบัญชีการเงิน หลายกรณีก็ไม่ได้ระบุว่ากู้เงินจากใคร
“พรรคการเมืองที่พยายามจะทำให้ทุกอย่างโปร่งใส มีที่มาว่าเอาเงินมาจากไหนในการใช้จ่ายของพรรคถูกไล่บี้ไล่ตรวจสอบจะเป็นจะตาย แต่พรรคการเมืองอื่นๆกลับไม่เคยถูกตรวจสอบเลยว่าเอาเงินมาจากไหน ตกลงประเทศนี้อยากให้ทุกอย่างไม่โปร่งใส สนับสนุนจะให้ใช้เงินจากช่องทางลับ มีกระเป๋าเงินซุกเอาไว้ที่นั่นที่นี่อย่างนั้นหรือ ถ้านายธนาธรอยากครอบงำพรรค นายธนาธรจะทำสัญญาเงินกู้ให้ถูกไล่บี้ตรวจสอบทำไม สู้เอาเงินมาให้กรรมการบริหารคนละ 10 ล้านแล้วบริจาคเข้าพรรคเลยไม่ง่ายกว่าหรือ แต่นี่เราต้องการสร้างมาตรฐานการเมืองใหม่ ให้ทุกอย่างโปร่งใส นายธนาธรจึงทำสัญญาขึ้นมา มีกำหนดชัดเจนที่จะให้ใช้เงินภายใน 3 ปี” นายปิยบุตร กล่าว
อ่านประกอบ :
ปธ.กกต.ยันปมปล่อยกู้ อนค.110 ล.ตาม กม.ไม่ระบุไว้ ต้องศึกษาให้ชัด-ปัดเร่งรัดคดี
กาง กม.พรรคการเมือง ชำแหละปม ‘ธนาธร’ปล่อยกู้อนาคตใหม่ได้ไหม-ใช้คืนอย่างไร?
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/