ป.ป.ช.ฟันนายกเทศมนตรีสุคิริน ยืมชื่อเอกชนรับงานสร้างถนน 6.8 ล.-เจ้าตัวยันบริสุทธิ์
ป.ป.ช. ฟัน ‘สมควร เกตุแก้ว’ นายกเทศมนตรีตำลสุคิริน จ.นราธิวาส ปมมีส่วนได้เสียใช้ ยืมชื่อ หจก.อื่น มาเป็นคู่สัญญากับเทศบาลเพื่อก่อสร้างถนน 6.8 ล. หลีกเลี่ยงการตรวจสอบ เจ้าตัวยันถูกกลั่นแกล้ง ทั้งที่บริสุทธิ์ ไม่เคยยืมชื่อ แต่ หจก.แห่งนั้นเช่าเครื่องจักรกับ บ.เก่าตัวเองที่ให้ลูกสะใภ้ดูแล ลั่นพร้อมสู้ในชั้นศาล
จากกรณีสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จังหวัดนราธิวาส ไต่สวนข้อเท็จจริง กรณีผู้บริหารระดับสูงในเทศบาลสุคิริน อ.สุคิริน จ.นราธิวาส จ้างเอกชนก่อสร้างถนนวงเงินกว่า 6.8 ล้านบาท โดยถูกกล่าวหาว่า ไม่ได้เข้าไปรับงานจริง และมีการแบ่งเงินให้ 10% นั้น ขณะที่ผู้บริหารระดับสูงรายนี้ได้ยื่นเรื่องต่อศาลจังหวัดนราธิวาส เพื่อขอประนีประนอมกับเอกชน อ้างว่า งานก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว โดยศาลพิพากษาให้เทศบาลสุคิรินต้องจ่ายเงินให้แก่บริษัทเอกชนแห่งนี้ (อ่านประกอบ : ป.ป.ช.สอบ‘บิ๊ก’เทศบาลสุคีรินใช้เอกชนบังหน้าคว้างานสร้างถนน 6.8 ล.ให้หัวคิว 10%)
ต่อมา นายสมควร เกตุแก้ว นายกเทศมนตรีตำบลสุคิริน ให้สัมภาษณ์ชี้แจงสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ถึงกรณีดังกล่าวว่า ไม่มีการจ่ายเงินค่าหัวคิว 10% ตามที่ถูกกล่าวหาแน่นอน และเอกชนมีตัวตนจริง การทำงานก่อสร้างเสร็จตามแปลน ตนแค่เข้าไปช่วยแก้ปัญหาจากการออกแบบที่ผิดพลาด ถนนเปิดใช้งานแล้ว แต่คณะกรรมการตรวจรับงานจ้างฯ ไม่ยอมเข้าไปตรวจรับงานนั้น (อ่านประกอบ : ปัดให้หัวคิว! นายกฯสุคิรินแจงปมสร้างถนน 6.9 ล.เสร็จแล้ว-คนละเรื่องที่ ป.ป.ช. สอบ)
ความคืบหน้ากรณีนี้ รายงานข่าวจากสำนักงาน ป.ป.ช. แจ้งสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ว่า เมื่อวันที่ 12 ก.พ. 2562 ที่ผ่านมา คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดทางวินัย และทางอาญาแก่ นายสมควร กรณีถูกกล่าวหาว่า ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่เทศบาล และเข้าเป็นคู่สัญญาหรือมีส่วนได้เสียในสัญญาโครงการจ้างเหมาก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก ชุมชนกลันตัน ซอย 4 หมู่ 4 ต.สุคิริน อ.สุคิริน จ.นราธิวาส วงเงินประมาณ 6.8 ล้านบาท ซึ่งเป็นกิจการงานของเทศบาลตำบลสุคิริน อันตนมีอำนาจกำกับดูแล ควบคุม ตรวจสอบ หรือดำเนินคดี โดยยืมชื่อ หจก.ธนาการโยธา มาเป็นคู่สัญญากับเทศบาลตำบลสุคิริน เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ
คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเป็นเอกฉันท์ว่า นายสมควร มีความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ สุขาภิบาล หรือเจ้าของทรัพย์นั้น ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่จัดการ หรือดูแลกิจการใด เข้ามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเอง หรือผู้อื่น เนื่องด้วยกิจการนั้น และฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 152 และ 157 ผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 100 และ 123/3 และ พ.ร.บ.เทศบาล พ.ศ. 2496 มาตรา 48 จตุทศ
รายงานข่าวจากสำนักงาน ป.ป.ช. แจ้งอีกว่า นายสมควร ยังถูกกล่าวหาในส่วนของกรณีบีบบังคับให้คณะกรรมการตรวจรับงานจ้างฯ ลงชื่อตรวจรับงาน และถูกกล่าวหากรณียอมความในคดีแพ่งให้เทศบาลสุคิรินชำระเงินค่าจ้างก่อสร้างถนนในงวดที่ 2 ถึง 4 ทั้งที่งานยังไม่แล้วเสร็จด้วย ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการไต่สวนข้อเท็จจริง
เมื่อวันที่ 19 ก.พ. 2562 นายสมควร เกตุแก้ว ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ถึงกรณีนี้ว่า ทราบเรื่องแล้ว ก่อนหน้านี้เคยเข้าไปชี้แจงข้อเท็จจริง พร้อมพยานหลักฐานแก่ ป.ป.ช. แล้ว แต่กรณีนี้มีการข้อหาว่าตนมีส่วนได้ส่วนเสียนั้น ทั้งที่ไม่มีหลักฐานเพียงพอ แต่ฟังจากคำบอกเล่าของคนที่ไม่ถูกกับตน เพราะว่า หจก.ธนาการโยธา ที่ทำสัญญากับเทศบาลสุคิริน มีตัวตนจริง มีธุรกิจจริง มีเครื่องมืออุปกรณ์พร้อม อย่างไรก็ดี หจก.ธนาการโยธา ได้มาเช่าเครื่องจักร และอุปกรณ์ จากบริษัทเก่าตน ที่เลิกทำไปนานแล้ว และให้ลูกสะใภ้ไปดูแลกิจการทั้งหมด ไม่ได้รับงานหลวง ใครมาว่าจ้างอะไรก็ทำหมด ใครมาเช่ารถ ใครมาจ้างบรรทุกดินทราย ทุกบริษัทที่มาจ้าง รับทำหมด แต่ ป.ป.ช. กลับบอกว่า ตนยังมีอำนาจการตัดสินใจอยู่ ซึ่งไม่เป็นความจริง ขณะที่การก่อสร้างงานในงวดต่าง ๆ ก็ดำเนินการอย่างถูกต้อง
นายสมควร กล่าวอีกว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะความไม่พอใจของนักการเมืองที่อยู่เบื้องหลัง โดยร่วมมือกับปลัดเทศบาล และช่าง มีการสร้างเงื่อนไขขึ้นมาขอย้าย โดยอ้างว่าตนข่มขู่ ซึ่งข้อเท็จจริงคือ ตนเคยพูดตลกหัวเราะเฮฮากับคนงานว่า ช่างที่ตาย ๆ กัน เพราะเที่ยวกลั่นแกล้งผู้รับจ้าง แต่โชคที่ตำบลสุคิรินไม่มีผู้มีอิทธิพล เป็นเรื่องที่คุยกันเล่นกัน แต่ช่างกลับบอกว่าตนข่มขู่ และวันที่ช่างไปแจ้งความห่างกับวันที่ตนพูดถึง 9 วัน หากคนที่รู้ว่าถูกข่มขู่จริงต้องแจ้งความโดยเร็วที่สุดแล้ว ไม่ใช่ทิ้งไว้ถึง 9 วัน
“ป.ป.ช. ตั้งข้อหาตามคำบอกเล่า อ้างว่า ผมส่งคนสนิทไปคุยกับผู้บริหาร หจก.ธนาการโยธา แล้วจ่ายให้ 10% ซึ่งไม่เป็นความจริง ในข้อกล่าวหาผม ไม่ปรากฏวันเวลาใดที่พิสูจน์ได้ว่า ผมส่งคนสนิทไปคุยกับเขาเพื่อจ่ายให้ 10% แล้วจะมาตั้งข้อหาผมได้อย่างไร มันต้องชัดเจน มีพยาน ทีนี้มันเลยกลายเป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างผม กับปลัดเทศบาล คอยเล่นผม อะไรจะเกิดผมยอมรับได้ ในเมื่อผมบริสุทธิ์ ผมไม่กลัว และพร้อมจะไปต่อสู้ในชั้นศาล ทุกอย่างมีพยานหลักฐานทั้งหมด” นายสมควร กล่าว
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/