'กิตติพันธ์' โวยไม่เป็นธรรมโดนชี้โทษร้ายแรง! หลังกรุงไทย ชงผลสอบปล่อยกู้เอิร์ธฯ1.2หมื่นล.ให้ธปท.
กรุงไทย ชงผลสอบวินัยคดีปล่อยกู้เอิร์ธฯ 1.2 หมื่นล. ให้ธปท. หลังชื่อพนง.เก่านั่งบริหารแบงก์อื่น เผยถูกชี้มูลความผิดเพียบนับ 10 ราย ระดับบิ๊กโดนโทษร้ายแรงด้วย 3-4 ราย จ่อยื่นป.ป.ช. ฟันทุจริตต่อ ด้าน 'กิตติพันธ์ อนุตรโสตถิ' แถลงเปิดใจเพิ่งได้รับทราบข้อกล่าว ยันทำงานโปร่งใสตามระเบียบ ตั้งข้อสังเกตกระบวนการสอบสวนส่อไม่ให้ความเป็นธรรม เรียกร้องตั้งคกก.จากหน่วยงานกลางแทน
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 9 ม.ค.2562 ที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล นายกิตติพันธ์ อนุตรโสตถิ อดีตรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจขนาดใหญ่ ธนาคารกรุงไทย ปัจจุบันเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย ได้เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ระบุว่า เพิ่งได้รับแจ้งผลการสอบสวนจากธนาคารกรุงไทย ว่าตนเป็นหนึ่งในอดีตผู้บริหารธนาคารกรุงไทย ที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาว่ากระทำความผิดร้ายแรง เกี่ยวกับการปล่อยสินเชื่อให้บริษัทเอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ทฯ ในการให้ข้อมูลที่ไม่ตรงตามข้อเท็จจริงในการเสนอปล่อยสินเชื่อ ทำให้ธนาคารได้รับความเสียหาย ซึ่งยืนยันว่า การทำงานของตนที่ผ่านมาเป็นไปตามระเบียบขั้นตอนการปล่อยสินเชื่อของธนาคารทุกประการ ขณะที่การปล่อยสินเชื่อของธนาคารฯ ก็ต้องผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการบริหารซึ่งมีจำนวนหลายสิบรายด้วย ไม่ใช่ตนทำได้เพียงลำพัง
"ความเกี่ยวข้องของผมในการปล่อยสินเชื่อก็มีแค่ 2 ก้อน วงเงินประมาณ 4.5 พันล้านบาท ขณะที่ปัญหาการปล่อยสินเชื่อของบริษัทเอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ทฯ ก็เกิดขึ้นหลังจากที่ผมออกมาจากธนาคารกรุงไทยหลายเดือนแล้ว และผมก็ไม่มีสัมพันธ์ส่วนตัวอะไรกับ บริษัทเอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ทฯ ด้วย" นายกิตติพันธ์ระบุ
นายกิตติพันธ์ ยังกล่าวต่อว่า เกี่ยวกับปัญหาการปล่อยสินเชื่อให้บริษัทเอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ทฯ ตนเห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่ และสนับสนุนให้มีการตรวจสอบเพื่อทำความจริงให้ปรากฎ แต่ในกระบวนการสอบสวนทางธนาคารกรุงไทย สำหรับตนนั้น มีข้อสังเกตว่าที่ผ่านมาอาจจะมีลักษณะไม่เป็นธรรม โดยเฉพาะการไม่ได้รับทราบข้อกล่าวหาที่ชัดเจนเพื่อให้มีโอกาสชี้แจงต่อสู้ข้อเท็จจริงอย่างเต็มที่ การทำงานมีลักษณะเหมือนต้องการที่จะแสวงหาตัวคนรับผิดมากกว่า
นายกิตติพันธ์ ยังยืนยันว่า ที่ผ่านมาได้มีโอกาสเข้าไปชี้แจงกับทาง ธปท. มาแล้วจำนวน 3 ครั้ง ก็หวังว่า ธปท. จะให้เป็นธรรม และเข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้เองด้วย และถ้าเป็นไปได้เกี่ยวกับเรื่องนี้ ส่วนตัวคิดว่าควรจะมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบจากหน่วยงานกลางมาทำหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงมากกว่าที่จะให้คณะกรรมการบริหารธนาคารกรุงไทย ที่มีความเกี่ยวข้องเรื่องการปล่อยสินเชื่อเป็นผู้ดำเนินการ
"การแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบโดยคณะกรรมการบริหารนั้น ผมมีความเห็นว่าไม่ถูกต้อง เพราะคณะกรรมการบริหารฯ ถือว่าเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพราะมีส่วนในการอนุมัติสินเชื่อด้วย ผมจึงไม่เห็นด้วยว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้องตามหลักธรรมาภิบาลที่ดี ผมซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ถูกกล่าวหา ถูกเรียกตัวไปให้ข้อมูลเบื้องต้น ต่อมาถูกกล่าวหา โดยข้อกล่าวหาที่คลุมเครือมาก ไม่ชัดแจ้งเลย เพราะข้อกล่าวหาไม่ได้บอกว่าผมทำอะไรผิด เมื่อไหร่ อย่างไร มีหลักฐานอะไรเพื่อที่ผมจะได้ชี้แจง และแก้ข้อกล่าวหาได้ถูกต้องและครบถ้วน"
"ส่วนขั้นตอนจากนี้จะดำเนินการอย่างไรต่อ คงจะต้องมีการไปปรึกษาหารือกับทีมงานก่อน ขณะที่ในการอุทธรณ์ผลการตรวจสอบดังกล่าว ก็ยังมีระยะเวลาอีก 60 วันนับจากนี้" นายกิตติพันธ์ระบุ
อนึ่งก่อนหน้านี้ ในช่วงเช้าวันที่ 9 ม.ค.2562 สำนักข่าวอิศรา ได้รับการเปิดเผยจากแหล่งข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ได้รับรายงานจากธนาคารกรุงไทย เกี่ยวกับกรณีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยพนักงานธนาคารกรุงไทยที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับปัญหาการปล่อยสินเชื่อให้กับ บริษัทเอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ท จำกัด (มหาชน) จนทำให้เกิดเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ วงเงิน 1.2 หมื่นล้านบาท และธนาคารกรุงไทย ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในข้อหาฉ้อโกง และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) มีการกล่าวโทษกรรมการและอดีตกรรมการบริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธฯ ไปแล้วจำนวนกว่า 11 ราย ว่า ขณะที่ธนาคารกรุงไทย ได้สรุปผลการสอบสวนทางวินัยพนักงานธนาคารกรุงไทยเสร็จเรียบร้อยแล้ว พบว่า มีพนักงานที่ทำความผิดทางวินัยกว่า 10 ราย มีโทษผิดวินัยตั้งแต่เล็กน้อยไปจนถึงร้ายแรง โดยในส่วนพนักงานที่ทำความผิดวินัยร้ายแรงนั้น เป็นพนักงานระดับสูง จำนวน 3-4 ราย บางรายได้ลาออกจากธนาคารกรุงไทยไปแล้ว
แหล่งข่าวกล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้ สำหรับพนักงานที่ถูกกล่าวโทษทางวินัย บางรายที่ยังเป็นพนักงานธนาคารกรุงไทยอยู่ ได้ถูกสั่งดำเนินการลงโทษทางวินัยไปแล้ว แต่พนักงานที่ออกไปแล้วไม่สามารถดำเนินการลงโทษได้ ซึ่งการแจ้งผลสอบสวนทางวินัยดังกล่าว ให้ธปท.ได้รับทราบ ก็เพื่อที่ ธปท.อาจจะนำไปใช้ประกอบการตรวจสอบคุณสมบัติของอดีตพนักงานธนาคารกรุงไทยบางรายที่ออกไปแล้ว และได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงของสถาบันการเงินแห่งอื่นด้วยก็ได้
"นอกจากการแจ้งข้อมูลถึงธปท.แล้ว ธนาคารกรุงไทยยังจะมีการส่งรายงานผลการสอบสวนทางวินัยให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นำไปใช้ไต่สวนข้อเท็จจริงเพิ่มเติม ว่าการดำเนินการปล่อยกู้เงินดังกล่าว มีการทุจริตจนทำให้เกิดความเสียหายต่อธนาคารด้วยหรือไม่ ถ้าหากพบว่ามีความผิดชัดเจน ทางธนาคารกรุงไทยก็จะทำการฟ้องร้องดำเนินคดีตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป" แหล่งข่าวระบุ
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/
อ่านประกอบ:
กรุงไทย ยันไม่เคยหารือเอิร์ธฯออกมติเชิญเป็นกก.ย้ำสถานะผู้เสียหายฟ้องแพ่ง-อาญา
ก.ล.ต. กล่าวโทษ ก.ก. EARTH 11 ราย ยินยอมให้ลงข้อความเท็จหนี้เพิ่ม2.6หมื่นล้าน
ตั้ง บ.อีวายฯ ทำแผน! ศาลสั่งฟื้นฟูกิจการ‘เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ’-หลังปมหนี้ 2.6 หมื่นล.
ถ้าผิดจริงคุก240ปี! กรุงไทยเตรียมแจ้งดีเอสไอเพิ่ม-พบปลอมใบขนถ่านหิน80ฉบับเกือบหมื่นล.
ใช้1.5หมื่นล.แลกเหมืองถ่านหิน! เปิดรายงานตรวจสอบบ.เอิร์ธฯ สัญญาซื้อ3หมื่นล.ล่องหน
แนะกสิกรไทย-กรุงศรี-ธสน.ตรวจสอบใบขนถ่านหิน 'เอิร์ธ' หวั่นเจอเหมือนกรุงไทย!
ฉ้อโกงกรุงไทยหลายพันล.ปลอมใบขนถ่านหิน บ.เอิร์ธกู้เงิน-แจ้งดีเอสไอลุยสอบ