ยกกรณีการทางพิเศษฯแพ้คดี 4 พันล.! ครม.งัดแนวทางขอเจรจาคู่พิพาทก่อนโดนฟ้องศาล
ยกตัวอย่างกรณีการทางพิเศษฯแพ้คดีทางด่วน 4 พันล้าน! ครม.บิ๊กตู่ ให้หน่วยงานรัฐที่ถูกฟ้องคดีในชั้นศาลปกครอง-ถูกอนุญาโตตุลาการวินิจฉัยชี้ขาดแล้ว ใช้แนวทางเจรจาต่อรองกับคู่พิพาท เพื่อบรรเทาความเสียหายของรัฐ ให้เกิดความเป็นธรรมแก่ราษฎร ย้ำต้องทำอย่างโปร่งใส ชอบด้วยกฎหมาย คำนึงผลประโยชน์ชาติเป็นสำคัญ
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อต้นเดือน ต.ค. 2561 คณะรัฐมนตรีมีมติแนวทางดำเนินการเกี่ยวกับข้อพิพาทของหน่วยงานของรัฐ โดยเห็นว่า เพื่อบรรเทาความสูญเสียและความเสียหายที่จะเกิดขึ้นแก่รัฐ และเพื่อเป็นการรักษาผลประโยชน์สูงสุดของทางราชการ กรณีหน่วยงานของรัฐมีข้อพิพาทตามสัญญาอนุญาโตตุลาการ หรือถูกฟ้องคดีต่อศาลปกครอง เป็นคดีเดียวหรือหลายคดี ในประเด็นเดียวกันหรือเกี่ยวเนื่องกัน เช่น กรณีคดีที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงคมนาคม (การทางพิเศษแห่งประเทศไทย) แล้วมีคำวินิจฉัยชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ ซึ่งนำไปสู่การฟ้องคดีในศาลปกครองสูงสุด โดยผลของคำวินิจฉัยชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการนั้น ให้หน่วยงานของรัฐต้องชดใช้ค่าเสียหายหรืออื่นใด
คณะรัฐมนตรีจึงมีมติ ให้หน่วยงานของรัฐนั้น อาจดำเนินการเจรจาต่อรองกับคู่พิพาทเพื่อบรรเทาความเสียหายของรัฐ และให้เกิดความเป็นธรรมแก่ราษฎรได้ ทั้งนี้ให้ดำเนินการอย่างโปร่งใสชอบด้วยกฎหมาย และคำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ (ดูเอกสารประกอบ)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 21 ก.ย. 2561 ศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษายืนตามศาลปกครองกลาง ในคดีที่บริษัท ทางด่วนกรุงเทพเหนือ จำกัด ผู้ร้อง ขอให้ศาลบังคับตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ สถาบันอนุญาโตตุลาการ สำนักงานศาลยุติธรรม ที่ชี้ขาดให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทยชำระเงินค่าชดเชยรายได้ และคดีที่การทางพิเศษแห่งประเทศไทยร้องขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ โดยให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทยชำระเงินประมาณ 1.8 พันล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย รวมเป็นเงินกว่า 4 พันล้านบาท ตามคำสั่งชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ (อ่านประกอบ : ศาล ปค.สูงสุดพิพากษายืนให้การทางพิเศษฯชดเชยเอกชน 1.8 พันล.ปมสร้างทางด่วนแข่ง)