จับสัญญาณ‘กลุ่มสามมิตร’ไม่ลงรอย ‘พลังประชารัฐ’ แตกหักจริงหรือกลการเมือง?
“…ที่สำคัญคือ คนของกลุ่มสามมิตรค่อนข้าง ‘บิ๊กเนม’ เป็นอดีต ส.ส.มืออาชีพ ดังนั้นหากส่งลงพื้นที่ตัวเองแล้ว ชัวร์ป๊าบว่าได้เก้าอี้แน่นอน แต่ขัดแย้งกับความคิดของ ‘ผู้ใหญ่’ ที่เห็นว่า ควรส่งผู้สมัคร ‘ภาพลักษณ์ดี’ ลงพื้นที่ เพื่อยกระดับพรรคพลังประชารัฐมากกว่า ทำให้การจัดตัวผู้สมัครเป็นไปด้วยความยากลำบาก…”
การเปิดตัวพรรคพลังประชารัฐ เมื่อวันที่ 29 ก.ย. 2561 ที่ผ่านมา นอกเหนือจากการชู 4 รัฐมนตรีที่ยังทำงานในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่กำลังสร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักแล้ว
ประเด็นสำคัญที่หลายคนอาจลืมไปคือ วันดังกล่าว นายสมศักดิ์ เทพสุทิน นักการเมืองชื่อดัง แกนนำหลักของ ‘กลุ่มสามมิตร’ ขั้วการเมืองที่ถูก ‘จัดตั้ง’ ขึ้นมาเพื่อการเลือกตั้งครั้งหน้าโดยเฉพาะ ว่ากันว่าเตรียมชู ‘บิ๊กตู่’ นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีอีกสมัย ที่มีเสียงซุบซิบกันว่า เตรียมแต่งตัวมานั่งเป็น ‘แกนหลัก’ ในพรรคพลังประชารัฐ กลับไม่โผล่มา
แม้ว่าวันดังกล่าวแกนนำหลักกลุ่มสามมิตรอย่าง นายอนุชา นาคาศัย อดีต ส.ส.ชัยนาท และนายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานฝ่ายบริหารสนามกอล์ฟไพน์เฮิร์ส หลายชายนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ จะเดินทางมาเปิดตัวกับพรรคพลังประชารัฐก็ตาม
แต่ก็ไม่วาย เกิดเสียงลือกันเซ็งแซ่ว่า หรือกลุ่มสามมิตรจะ ‘แตกหัก’ กับพรรคพลังประชารัฐเสียแล้ว ?
โดยเฉพาะช่วงหลังเกิดกระแสข่าวว่า ‘ผู้ใหญ่’ ในรัฐบาลไม่ให้แกนนำกลุ่มสามมิตรใช้ ‘พลังดูด’ ทาบทามผู้สมัครลง ส.ส. แล้ว แต่ ‘ผู้ใหญ่’ จะติดต่อเองโดยตรง จนอาจทำให้เกิดปัญหาพื้นที่ทับซ้อนกันได้
คำถามนี้ถูกโยนไปยังกลุ่มสามมิตร โดยนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกกลุ่มสามมิตร ให้สัมภาษณ์ยืนยันผ่านสื่อทุกสำนักว่า กลุ่มสามมิตรยังไม่ได้ตัดสินใจเข้าสังกัดพรรคการเมืองใด แต่กลับถูกกล่าวหาว่ามีปัญหากับพรรคพลังประชารัฐเสียแล้ว เชื่อว่าเป็นการปล่อยข่าวเท่านั้น เพราะที่ผ่านมากลุ่มสามมิตรเข้าไปช่วยเหลือชาวบ้าน แต่ถูกกล่าวหาว่าเคลื่อนไหวทางการเมืองทำให้รัฐบาลอึดอัด กลุ่มสามมิตรจึงหยุดลงพื้นที่แค่นั้น
ต่อมานักข่าวเอาไมค์จ่อปากถาม นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ ในฐานะว่าที่เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐว่า กลุ่มสามมิตรจะเข้ามาร่วมกับพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ โดยนายสนธิรัตน์ ตอบว่า ยังไม่รู้เลย ต่อมานักข่าวถามอีกว่า ยืนยันหรือไม่ นายสนธิรัตน์ ย้อนถามอย่างมีนัยสำคัญว่า “เขาจะตั้งพรรคเองหรือเปล่า”
ล่าสุดมีการปล่อยข่าวออกมาอีกระลอกว่า สาเหตุหลักที่ทำให้นายสมศักดิ์ เทพสุทิน 1 ใน 3 ‘สามมิตร’ ไม่เดินทางไปงานเปิดตัวพรรคพลังประชารัฐ เนื่องจากมี ‘ผู้ใหญ่’ ในรัฐบาล จัดสรรผู้สมัครลงเลือกตั้ง ส.ส. ‘ทับซ้อน’ กับกลุ่มสามมิตร ที่ให้คำมั่นสัญญากับบรรดาอดีต ส.ส.หลายพื้นที่ที่ใช้ ‘พลังดูด’ ไปแล้ว ?
โดยผู้สมัครของกลุ่มสามมิตรที่ตกเป็นข่าวหน้าสื่อในปัจจุบัน ถูกแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มที่นายสมศักดิ์ และนายสุริยะ ดีลมา ส่วนใหญ่เป็นอดีต ส.ส.ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางตอนบน 2.กลุ่ม ‘ผู้ใหญ่’ สรรหามา และ 3.กลุ่มคนสนิทกับกลุ่มสามมิตรที่เสนอรายชื่อเข้ามา ส่งผลให้เกิดการทับซ้อนกันในการวางตัวผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง
ที่สำคัญคือ คนของกลุ่มสามมิตรค่อนข้าง ‘บิ๊กเนม’ เป็นอดีต ส.ส.มืออาชีพ ดังนั้นหากส่งลงพื้นที่ตัวเองแล้ว ชัวร์ป๊าบว่าได้เก้าอี้แน่นอน แต่ขัดแย้งกับความคิดของ ‘ผู้ใหญ่’ ที่เห็นว่า ควรส่งผู้สมัคร ‘ภาพลักษณ์ดี’ ลงพื้นที่ เพื่อยกระดับพรรคพลังประชารัฐมากกว่า ทำให้การจัดตัวผู้สมัครเป็นไปด้วยความยากลำบาก
คำถามประการสำคัญคือ กลุ่มสามมิตร-พรรคพลังประชารัฐ แตกหักกันจริงหรือเป็นแค่กลเกมการเมือง ?
ไม่มีใครทราบคำตอบที่แท้จริง แต่สามารถประเมินได้ว่า บรรดา ‘นักการเมืองลายคราม’ ทั้งหลายที่ถูก ‘พลังดูด’ เข้ากรุกลุ่มสามมิตรแล้ว ต่างกระเหี้ยนกระหือรือในการลงสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากเชื่อมั่นในชื่อชั้นตัวเองว่า ยังไงก็ได้นั่งเก้าอี้ ส.ส. อีกสมัยแน่นอน ซึ่งเป็นไปตามความตั้งใจของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน นักการเมืองรุ่นเฮฟวี่เวท ที่ต่อสายดีลได้หลายกลุ่มขั้วการเมือง
หากแผนที่นายสมศักดิ์-นายสุริยะวางไว้ ไม่ตรงตามเป้า อาจทำให้บรรดาอดีต ส.ส ที่ถูก ‘พลังดูด’ เข้ามา คลางแคลงใจ ส่งผลให้เกิดการย้ายหนีซบพรรคอื่น หรือกลับพรรคเดิม จะทำให้แผนการที่วางไว้ปิดฉากลงได้ ?
ขณะที่แนวคิดของ ‘ผู้ใหญ่’ และพรรคพลังประชารัฐ ต้องการสร้าง ‘ภาพลักษณ์’ เพื่อให้สมกับการปฏิรูปตามแนวทางของรัฐบาล ทำให้การเมืองดู ‘ขาวสะอาด’ แน่นอนว่า แนวคิดนี้เป็นแนวคิดที่ดีมาก แต่ข้อเท็จจริงในบริบทการเมืองไทย เป็นไปได้ยากมาก ยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขา
ดังนั้นสิ่งที่คาดกันว่าอาจจะเกิดขึ้นต่อไปคือ ‘การต่อรอง’ ที่นั่งทางการเมือง ระหว่างกลุ่มสามมิตรที่ ‘โชกโชน’ กับ ‘ผู้ใหญ่’ และแกนนำพรรคพลังประชารัฐ ที่เพิ่งหัดเล่นการเมือง โดยข้อต่อรองหลักของกลุ่มสามมิตรคือ การการันตีที่นั่ง ส.ส. ให้กับพรรคพลังประชารัฐอย่างน้อย 50 ที่นั่ง ตามบรรดาอดีต ส.ส. ‘เกรดเอบวก-เกรดเอ’ อย่างที่ปล่อยข่าวไปก่อนหน้านี้ ส่วนเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงใหญ่อาจให้คนของพรรคพลังประชารัฐนั่งไป
แต่ตอนนี้เป็นเพียง ‘โค้งแรก’ ในถนนสู่การเลือกตั้งเท่านั้น ดังนั้นต้องรอจับตาดูกันว่า การต่อรองดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่ หรือ ‘กลุ่มสามมิตร’ จะ ‘พลิกขั้ว-ย้ายข้าง’ ไปซบพรรคการเมืองอื่น แล้วอาจไม่ชู ‘บิ๊กตู่’ นั่งนายกรัฐมนตรีอีกสมัย ก็ไม่แน่เหมือนกัน
เพราะการเมืองไทย อะไรก็เกิดขึ้นได้ !
อ่านประกอบ :
โมเดล‘เพื่อไทย-เพื่อธรรม’วางหมากสู้ คสช. ยุทธศาสตร์‘ชินวัตร’แยกกันเดิน-ร่วมกันตี?
พรรคเพื่อธรรมมาแล้ว! ‘สมพงษ์’นั่งหัวหน้า-‘นลินี’รอง หน.
กางแผนสกัด คสช.สืบทอดอำนาจ-ความเป็นไปได้ พท.กอดคอ ปชป. ตั้ง รบ.แห่งชาติ?
เปิดสูตรฝ่ายเอา vs ไม่เอา‘บิ๊กตู่’ ตัวแปรคนนั่งเก้าอี้ หน.ปชป.-พท.มืดแปดด้าน?
กางสูตรเลือก หน.พรรค-นายกฯ‘เพื่อไทย-ประชาธิปัตย์’ เป็นไปได้ไหมร่วมมือกันตั้ง รบ.?
ทำความรู้จัก‘พรรคเพื่อธรรม’หลัง‘เจ๊แดง’รีแบรนด์ดิ้ง-เหตุผล‘ชินวัตร’มีพรรคอะไหล่?
งดไพรมารีโหวต!คสช.คลายล็อคพรรคการเมือง-ห้ามใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์หาเสียง
กกต.ประกาศแล้วจำนวน ส.ส. 77 จังหวัด - กรุงเทพฯ 30 โคราช 14 เชียงใหม่ 9 คน
ตามไปดู กม.ลูก ส.ส.-ส.ว.เลือกตั้งเมื่อไหร่ วุฒิสมาชิกสรรหายังไง-กองทัพจอง 6 ที่
มีผลแล้ว!กม.ลูก ส.ส.-ส.ว. ขีดเส้น กกต. 150 วันกำหนด ลต.-คสช. ตั้ง กก.สรรหา ส.ว.
หมายเหตุ : ภาพประกอบนายสมศักดิ์ จาก คมชัดลึก, ภาพเปิดตัวพรรคพลังประชารัฐ จาก โพสต์ทูเดย์