คาร์บอมบ์ = ประหารชีวิต ทำไม"ทีมปัตตานี"ยังแผลงฤทธิ์ไม่หยุด
ข่าวใหญ่ส่งท้ายสัปดาห์ที่ 3 ของเดือน ก.ย.6 ก็คือเรื่อง "คาร์บอมบ์" ซึ่งหมายถึงระเบิดที่ติดตั้งในรถยนต์ เพราะศาลจังหวัดปัตตานีมีคำพิพากษาลงโทษประหารชีวิตผู้ร่วมทำ "คาร์บอมบ์" 2 คน และทำให้เกิดระเบิดที่ห้างบิ๊กซี ปัตตานี แต่ทั้งคู่ให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวน ศาลจึงเมตตาลดโทษให้ เหลือจำคุกตลอดชีวิต
ประเทศไทยในพื้นที่อื่นๆ แทบไม่เคยเกิด "คาร์บอมบ์" แต่ที่ภาคใต้เกิดมาแล้ว 54 ครั้ง โดย 3 ครั้งหลังสุดเกิดเมื่อปีที่แล้ว คาร์บอมบ์ลูกที่ 52 เมื่อวันที่ 9 พ.ค.60 เกิดขึ้นที่ห้างบิ๊กซี ปัตตานี
แม้เหตุการณ์ในครั้งงนั้นจะไม่มีผู้เสียชีวิต แต่ก็มีผู้ได้รับบาดเจ็บมากถึง 61 ราย ส่วนมากเป็นเด็กนักเรียนและผู้หญิง เพราะ "บิ๊กซี" ก็ไม่ต่างอะไรกับตลาดติดแอร์ที่ใครๆ ก็ไปเดินกัน
จำเลย 2 คนแรกในคดีคาร์บอมบ์บิ๊กซี ปัตตานี ที่ถูกศาลพิพากษาแล้ว คือ นายสุไฮมี สมาแอ กับ นายสะมะแอ มามะ ถูกยื่นฟ้องในข้อหาก่อการร้าย อังยี่ ซ่องโจร พยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ครอบครองอาวุธปืนและวัตถุระเบิด รวมทั้งทำให้เกิดการระเบิดจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ
ย้อนกลับไปช่วงหลังเกิดเหตุเพียง 2 วัน จำเลยทั้งสองคนถูกติดตามจับกุมได้ และยอมรับสารภาพในชั้นสอบสวน มีการนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ซึ่งถือเป็นคดีแรกๆ ของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีการพาตัวไปทำแผน และนำชี้จุดเกิดเหตุแบบครบถ้วน เพราะที่ผ่านมาจำเลยมักไม่ค่อยยอมสารภาพ และการทำแผนก็เสี่ยงต่อการถูกชิงตัว หรือมีเหตุรุนแรงซ้ำซ้อน
แผนประทุษกรรมของคนร้ายกลุ่มนี้ เริ่มต้นจากการปล้นรถกระบะของพ่อค้ารับติดตั้งกันสาด ฆ่าเจ้าของรถตาย แล้วชิงรถมาติดตั้งระเบิด ก่อนนำไปจอดที่หน้าห้างบิ๊กซีปัตตานี แล้วจุดระเบิดจนเกิดระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง จากการขยายผลคดี มีการออกหมายจับผู้ต้องหาคนอื่นๆ อีก 10 คน แต่จนถึงขณะนี้ยังจับกุมไม่ได้
คาร์บอมบ์ที่หน้าบิ๊กซีปัตตานี นับเป็นคาร์บอมบ์ลูกที่ 52 ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคใต้ นับตั้งแต่มีสถานการณ์ความไม่สงบเมื่อปี 47 เป็นต้นมา หลังจากเหตุการณ์นี้แล้วยังมีคาร์บอมบ์เพิ่มอีก 2 ลูก จากเหตุการณ์ปล้นรถกระบะ 7 คันเพื่อทำคาร์บอมบ์ แต่สุดท้ายจุดระเบิดได้เพียง 2 คัน เหตุเกิดเมื่อกลางเดือน ส.ค.ปี 50 ทำให้นับจนถึงขณะนี้ มีคาร์บอมบ์เกิดขึ้นแล้วทั้งหมด 54 ลูก
หากย้อนพิจารณาคดีคาร์บอมบ์ที่หน้าห้างบิ๊กซีปัตตานี กับคดีปล้นรถกระบะ 7 คันเพื่อทำคาร์บอมบ์ จะพบว่าผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับและยังหลบหนี ส่วนหนึ่งเป็นคนกลุ่มเดียวกัน มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี และใกล้เคียง เช่น นายบูคอรี หลำโซะ และ นายรอซาลี หลำโซะ โดยผู้ก่อเหตุรุนแรงกลุ่มนี้ ฝ่ายความมั่นคงเรียกขานว่า "ทีมปัตตานี" เคยก่อเหตุคาร์บอมบ์และเหตุรุนแรงรูปแบบต่างๆ มาแล้วหลายครั้ง โดยเฉพาะใน จ.ปัตตานี และพื้นที่รอยต่อ คือ อ.เทพา จ.สงขลา
ตัวการสำคัญของคนร้ายกลุ่มนี้ เจ้าหน้าที่ยังจับกุมไม่ได้ ส่วนที่จับกุมมาบ้างแล้ว ส่วนใหญ่เป็นผู้ร่วมขบวนการ ทำหน้าที่จัดหายานพาหนะ หาที่ซ่อนระเบิด ไม่ใช่ระดับวางแผนก่อการจริงๆ ทำให้ยังมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นต่อเนื่องในพื้นที่เหล่านี้ อย่างเมื่อวันที่ 11 ก.ย.61 ที่ผ่านมา ก็มีเหตุซุ่มยิงทหารพรานเสียชีวิต 2 นาย บาดเจ็บอีก 4 นายในพื้นที่ อ.หนองจิก จนแม่ทัพภาคที่ 4 ต้องประกาศมาตรการพิเศษ ส่งกำลังนับพันนายเข้าควบคุมพื้นที่
นอกจากนั้นเหตุรุนแรง 4 เหตุการณ์ช่วงปลายเดือน ส.ค.ต่อเนื่องต้นเดือน ก.ย.61 ได้แก่ เหตุปาระเบิดถล่มบ้านชาวบ้านไทยพุทธ ที่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 19 ส.ค. เหตุโจมตีสำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สาขาโคกโพธิ์ เมื่อวันที่ 30 ส.ค. เหตุฆ่าสองตายายเจ้าของร้านเฟอร์นิเจอร์ ที่ อ.เทพา จ.สงขลา เมื่อวันที่ 2 ก.ย. และเหตุเผารถจักรยานยนต์ 5 คันที่ อ.จะนะ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 9 ก.ย. เจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นคนร้ายชุดเดียวกัน และสาเหตุที่ยังจับกุมไม่ได้ เพราะคนร้ายระดับหัวโจกบางส่วน เมื่อก่อเหตุแล้วก็ลงเรือไปกบดานอยู่กลางทะเลเพื่อรอเรื่องเงียบจึงกลับเข้าฝั่ง
นี่คือศักยภาพของคนร้ายกลุ่มที่เรียกว่า "ทีมปัตตานี" ซึ่งเจ้าหน้าที่รู้ตัวทั้งหมด และกำลังเร่งติดตามไล่ล่าเพื่อจับกุมตัวมาดำเนินคดีให้่ได้ต่อไป
----------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 เหตุระเบิดห้างบิ๊กซี ปัตตานี เมื่อ 9 พ.ค.60 (แฟ้มภาพอิศรา)
2 กราฟฟิกความเชื่อมโยงของผู้ต้องหาที่คาดว่าเกี่ยวข้องกับเหตุปล้นปิคอัพทำคาร์บอมบ์ (ขอบคุณกราฟฟิกจากรายการล่าความจริง เนชั่นทีวี 22)
อ่านประกอบ :
ขยายผลจับกลุ่มป่วนใต้ โยง 4 คดี "ปัตตานี-สงขลา"
เปิดตัว (คนหน้าเดิม) "ทีมปัตตานี-สะบ้าย้อย" ปล้นปิคอัพทำคาร์บอมบ์
ระเบิดป่วน 7 จังหวัดใต้โยง "ทีมปัตตานี"