เปิดตัว (คนหน้าเดิม) "ทีมปัตตานี-สะบ้าย้อย" ปล้นปิคอัพทำคาร์บอมบ์
ผ่านมา 3 วัน เจ้าหน้าที่ได้ฉายภาพกลุ่มที่ก่อเหตุปล้นรถกระบะ 7 คัน เพื่อนำไปทำคาร์บอมบ์สร้างสถานการณ์รุนแรงในพื้นที่ชายแดนใต้ โดยยืนยันว่ารู้ตัวผู้ก่อเหตุทั้งหมดแล้ว เป็นการผสานความร่วมมือกันระหว่าง "ทีมปัตตานี" กับ "ทีมสะบ้าย้อย" ใช้กำลังคนประมาณ 15 คน
ผู้ที่แถลงความคืบหน้าของคดีทั้งหมดคือ พล.ต.จตุพร กลัมพสุต ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี ขณะที่ "ทีมข่าวอิศรา" ได้สืบเสาะข้อมูลเพิ่มเติม และอธิบายใหม่ให้เข้าใจง่ายๆ ดังนี้
กลุ่มผู้ต้องหาที่ก่อเหตุปล้นรถปิคอัพ และนำไปบรรทุกระเบิดเพื่อทำคาร์บอมบ์ เมื่อวันที่ 16 ส.ค.นั้น มาจากการสนธิกำลังกันระหว่างผู้ก่อเหตุรุนแรง 2 กลุ่ม คือ "ทีมปัตตานี" กับ "ทีมสะบ้าย้อย"
"ทีมปัตตานี" จะแยกย่อยเป็นกลุ่มของ นายซอบือรี เจะหะ กับ นายมาหามะ สะอิ เคลื่อนไหวอยู่ใน อ.มายอ จ.ปัตตานี กลุ่มนี้พาพวกไปปล้นรถมาสด้า สีเทา จากสองสามีภรรยาที่ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี แล้วส่งรถต่อให้กลุ่มของ นายมะนาเซ ไซดี ที่เคลื่อนไหวอยู่ใน อ.เมืองปัตตานี นำไปเป็นพาหนะในการปล้นรถอีก 6 คันที่ วังโต้ คาร์เซ็นเตอร์ อ.นาทวี จ.สงขลา
กำลังคนที่ใช้ในการปล้นรถ ใช้กำลังของ "ทีมสะบ้าย้อย" นำโดย นายรอซือดี บือแน ซึ่งทีมสะบ้าย้อยมีความเชื่อมโยงเกี่ยวพันกับ นายมะนาเซ ไซดี
เมื่อปล้นรถได้แล้ว ก็ขับรถไปรับระเบิดจาก นายบูคอรี หลำโส๊ะ ซึ่งเคลื่อนไหวอยู่บริเวณรอยต่อ จ.สงขลา กับปัตตานี แถวๆ อ.เทพา (สงขลา) กับ อ.หนองจิก (ปัตตานี) และเป็นมือประกอบระเบิด เมื่อรับระเบิดแล้วก็กระจายกันไปก่อเหตุ
พล.ต.จตุพร บอกระหว่างแถลงข่าวเมื่อวันศุกร์ที่ 18 ส.ค.ว่า ฝ่ายความมั่นคงทราบความเคลื่อนไหวของคนร้ายกลุ่มนี้ประมาณ 1-2 วันก่อนเกิดเหตุ จึงซ้อนแผนและจัดกำลังลงพื้นที่เสี่ยงเพื่อเฝ้าระวัง โดยประสานกับกองกำลังภาคประชาชน ทำให้สามารถจำกัดพื้นที่เคลื่อนไหวและปฏิบัติการของคนร้ายกลุ่มนี้ได้ จนต้องจอดรถทิ้งเกือบทั้งหมด ส่วนรถที่นำไปทำคาร์บอมบ์ก็ไม่สามารถเข้าไปก่อเหตุในเขตเมืองได้
จากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า ผู้ต้องสงสัยก่อเหตุปล้นรถไปทำคาร์บอมบ์ที่เจ้าหน้าที่เอ่ยชื่อมาเกือบทั้งหมดนั้น ล้วนเป็นผู้ต้องหาคดีความมั่นคงคนสำคัญ แต่ละคนเคยถูกออกหมายจับในคดีใหญ่ๆ มาก่อนทั้งสิ้น
เช่น นายบูคอรี หลำโส๊ะ กับ มะนาเซ ไซดี ถูกออกหมายจับในคดีคาร์บอมบ์บิ๊กซี ปัตตานี เมื่อวันที่ 9 พ.ค.60 ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนั้นก็ใช้วิธีปล้นรถปิคอัพ ฆ่าเจ้าของรถ นำรถไปบรรทุกระเบิด และขับไปก่อเหตุที่บิ๊กซี ปัตตานี ภายในวันเดียวกัน
นายซอบือรี เจะหะ ถูกออกหมายจับเกือบทุกคดีใหญ่ๆ ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ อ.ยะรัง กับ อ.มายอ เช่น คดียิงทหารเสียชีวิต 3 นาย กลางตลาดนัดใน อ.มายอ เมื่อต้นเดือน มี.ค.60 คดียิงครูสุณิสา บุญเย็น ครูกศน. เสียชีวิตเมื่อเดือน ต.ค.59
ส่วน นายมาหามะ สะอิ เกี่ยวข้องกับคดียิงครูสุณิสา และยังถูกออกหมายจับในคดียิงสาวท้อง 8 เดือนที่ตลาดปาลัส อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี เมื่อเดือน พ.ย.ปีที่แล้วด้วย
เป็นที่น่าสังเกตว่า บุคคลเหล่านี้เคยก่อคดีใหญ่ๆ หลายคดี และเจ้าหน้าที่ก็รู้ข้อมูลเป็นอย่างดี มีประกาศจับขนาดใหญ่ตามถนน ด่านตรวจ และสี่แยกแทบทุกแห่งในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ยังกลับก่อเหตุอุกฉกรรจ์ได้อีกเป็นระยะ
ข้อสงสัยที่ผู้ต้องหาคดีสำคัญยังคงหลบหนีลอยนวลอยู่ในพื้นที่ชายแดนใต้ได้นั้น พล.ต.จตุพร อธิบายว่า เป็นเพราะคนเหล่านี้ซ่อนตัวอยู่ตามบ้านแนวร่วม และย้ายที่พักไปเรื่อยๆ ขณะที่บางส่วนก็หลบหนีอยู่ตามเกาะแก่งริมทะเล และบนเรือประมง เพราะ จ.ปัตตานีและสงขลาบางอำเภอเป็นพื้นที่ติดทะเล
จากประวัติของผู้ต้องหาคดีความมั่นคงหลายคนที่ถูกระบุว่าร่วมอยู่ในทีมปล้นรถกระบะ 7 คันเพื่อทำคาร์บอมบ์นั้น สอดคล้องกับข้อมูลที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ระบุตั้งแต่ 1 วันหลังเกิดเหตุว่า คนร้ายเป็นกลุ่มเดิมๆ และบอกในเวลาต่อมาว่าขณะนี้รู้ตัวผู้กระทำผิดทั้งหมดแล้ว โดยจับกุมได้แล้ว 1 คน อยู่ระหว่างออกหมายจับอีก 4 คน คาดว่าผู้ก่อเหตุเป็นกลุ่มบีอาร์เอ็นจำนวนหนึ่งที่ไม่ได้ร่วมโต๊ะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้
ขณะที่ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเคยคลี่คลายคดีลอบวางระเบิด 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบน เหตุเกิดช่วงวันที่ 11-13 ส.ค.ปีที่แล้ว และมีการออกหมายจับผู้ต้องหาได้ 11 คน ซึ่งก็มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มเคลื่อนไหวในปัตตานีนั้น วิเคราะห์เหตุการณ์ปล้นปิคอัพ 7 คันทำคาร์บอมบ์ว่า กลุ่มคนร้ายน่าจะมีวัตถุประสงค์พิเศษ ไม่ใช่การสร้างสถานการณ์ปกติ และเป็นครั้งแรกที่กระทำอุกอาจ ปล้นเต็นท์รถในช่วงกลางวัน ขณะนี้อยู่ระหว่างการหาข้อมูลว่าคนร้ายต้องการทำระเบิดรถยนต์โจมตีเป้าหมายใด
"คนร้ายเป็นกลุ่มเดิมที่เคยเคลื่อนไหวในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีหน้าใหม่เพียง 1 คน คือคนที่เสียชีวิตในรถกระบะที่ยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่" รองผบ.ตร.ระบุ
ด้านความเคลื่อนไหวของหน่วยกำลังในพื้นที่ ตำรวจปัตตานีได้เข้าปิดล้อมตรวจค้นบ้านเช่า 2 แห่งที่มีความเชื่อมโยงกับเด็กหนุ่มวัย 26 ปีที่เสียชีวิตคารถกระบะคันหนึ่งที่ถูกปล้นไปจาก อ.นาทวี หลังมีการยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่บริเวณใกล้ด่านเกาะหม้อแกง รอยต่อ อ.เทพา กับ อ.หนองจิก
บ้านเช่าทั้งสองหลังอยู่ใน ต.รูสะมิแล อ.เมืองปัตตานี ปรากฏว่า 1 ใน 2 หลัง เจ้าหน้าที่พบเอกสารและทรัพย์สินของเด็กหนุ่มรายนี้จำนวน 15 รายการ เช่น บัตรประจำตัวนักเรียน สมุดคู่มือจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ หนังสือสอนศาสนา ฯลฯ จึงยึดไว้เป็นของกลาง และนำไปตรวจสอบ
------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 กราฟฟิกแสดงขั้นตอนการก่อเหตุและบุคคลที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์ปล้นรถปิคอัพ 7 คันทำคาร์บอมบ์
2 ป้ายประกาศจับขนาดใหญ่ตามสี่แยกและด่านตรวจต่างๆ บุคคลตามภาพล้วนเป็นผู้ต้องหาคดีความมั่นคงที่ก่อเหตุซ้ำๆ ตามข้อมูลของเจ้าหน้าที่
ขอบคุณ : กราฟฟิกจากรายการล่าความจริง เนชั่นทีวี 22
อ่านประกอบ :
นาทีต่อนาที...ปล้นปิคอัพ 6 คันทำคาร์บอมบ์ ยิงปะทะคนร้ายดับ 1
พนักงานเต็นท์รถสิ้นใจ จนท.รู้ตัวผู้ต้องสงสัยถูกวิสามัญฯ
แฉแผนปล้นปิคอัพ 6 คันปูพรมทำคาร์บอมบ์!
คาร์บอมบ์อีกลูกที่มายอ พบปิคอัพถูกปล้นครบ 6 คัน ล่ามาสด้า!