ระเบิดป่วน 7 จังหวัดใต้โยง "ทีมปัตตานี"
ผ่านมาแล้ว 4 วัน สำหรับเหตุระเบิดเขย่าภาคใต้ 7 จังหวัด พยานหลักฐานต่างๆ เริ่มชัดเจนขึ้น ตำรวจเริ่มทยอยออกหมายจับผู้ต้องหา ขณะที่ในทางการสืบสวน ทั้งตำรวจ ทหาร หิ้วตัวผู้ต้องสงสัยไปสอบปากคำหลายสิบราย
แต่หลักฐานที่ชัดเจนที่สุด เห็นจะหนีไม่พ้นหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะส่วนประกอบของระเบิดที่คนร้ายใช้ก่อเหตุเกือบ 20 จุด
ผลการตรวจพิสูจน์ออกมาค่อนข้างชัดเจนแล้ว โดยระเบิดแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ ระเบิดสังหาร มีลักษณะเป็นไปป์บอมบ์ จุดระเบิดด้วยโทรศัพท์มือถือ
กับอีกชนิดหนึ่ง คือ ระเบิดเพลิง ห่อหุ้มด้วยกรอบเพาเวอร์แบงก์เหมือนกันทุกจุด
ความเชื่อมโยงของระเบิดทั้งหมด คือ แผงวงจรเหมือนกันทั้งระเบิดเพลิงและระเบิดสังหาร น่าจะมาจากคนต่อวงจรคนเดียวกันหรือกลุ่มเดียวกัน ขณะที่ตัวจุดระเบิด เป็นโทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซุง รุ่นฮีโร่ ที่ไม่มีขายในประเทศไทย แม้แต่ที่หาดใหญ่ ต้องสั่งซื้อจากมาเลเซียเท่านั้น
มือถือถูกนำมาใช้ในการตั้งเวลาระเบิด หรือไทม์เมอร์ ไม่มีการโทรเข้าไปจุดระเบิด เพราะซิมโทรศัพท์เป็นซิมมาเลย์ทั้งหมด
ข้อมูลล่าสุดที่ฝ่ายสืบสวนสรุปตรงกันคือ ระเบิดล็อตนี้มาจากคนกลุ่มเดียวกัน เชื่อมโยงกันหมด โดยทีมหนึ่งทำหน้าที่จัดหาโทรศัพท์, ทีมหนึ่งทำหน้าที่ต่อวงจร ส่วนอีกทีมหนึ่งตัวภาชนะระเบิดและจัดหาดินระเบิด โดยเป็นระเบิดขนาดเล็ก พกพาและพรางสายตาเจ้าหน้าที่ได้สะดวก
รูปแบบระเบิดแบบนี้ โดยเฉพาะระเบิดเพลิง แม้การใช้แอลกอฮอล์ก้อนจะไม่ค่อยเคยพบที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่รูปแบบการประกอบคล้ายคลึงกันอย่างมาก ทำให้ฝ่ายสืบสวนของตำรวจฟันธงว่าเป็น “ทีมปัตตานี” โดยเป็นกลุ่มต่อระเบิดที่มีฐานปฏิบัติการอยู่ใน อ.หนองจิก
ขณะที่ทีมที่นำระเบิดไปวาง บางส่วนมีการพบความเชื่อมโยงกับบุคคลที่มีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดนราธิวาส คาดว่าทีมขนส่งระเบิดและนำระเบิดไปวาง น่าจะเป็น “ทีมนราธิวาส”
โจทย์ที่ต้องตีให้แตกในขณะนี้ คือ “ทีมระเบิด” ทำงานให้ใคร เป็นกลุ่มบีอาร์เอ็นขยายพื้นที่ปฏิบัติการออกนอกสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ตามที่มีบางฝ่ายชูประเด็น หรือเป็นการรับจ้างจากกลุ่มการเมืองกันแน่
ข้อมูลล่าสุดเจ้าหน้าที่พบความเคลื่อนไหวเข้า-ออกตามบ้าน “คนการเมือง” ที่ชายแดนใต้ค่อนข้างคึกคัก ทั้งช่วงก่อนและหลังลงประชามติ โดยบางส่วนเป็นวัยรุ่นต่างอำเภอ แต่เป็นคนในพื้นที่ชายแดนใต้
ปัญหาคือกระบวนการทำงานลักษณะนี้มีการ “คัตเอาท์-ตัดตอน” จนทำให้ยากที่จะสาวถึงตัวคนบงการ งานนี้จึงถือเป็นงานพิสูจน์ฝีมือฝ่ายความมั่นคงอย่างแท้จริง
และหากกระชากหน้ากากคนบงการได้สำเร็จ เผลอๆ อาจได้รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วไฟใต้คุโชนเพราะเหตุใดกันแน่