เหมืองทองอัคราฯ ออกโรงโต้ผลสรุปบ่อเก็บกักกากแร่ที่ 1 มีการรั่วซึม
เหมืองแร่ทองคำชาตรี ออกจม.ชี้แจงพร้อมภาพบ่อกักเก็บการแร่แห่งที่ 1 ยันมติคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและแก้ไขปัญหา ข้อขัดแย้ง ผลกระทบ ต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพฯ ที่เสียงส่วนใหญ่ ลงความเห็น บ่อเก็บกักกากแร่ที่ 1 มีการรั่วซึม ไม่มีความเหมาะสมตามหลักวิชาการ ไม่ยุติธรรม และไม่เป็นเอกฉันท์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 24 กรกฎาคม บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ชี้แจงกรณีข่าวมติผลการประชุม "คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและแก้ไขปัญหา ข้อขัดแย้ง ผลกระทบ ต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ จากการทำเหมืองแร่ทองคำของ บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ว่า คณะกรรมการมีมติเสียงส่วนใหญ่ มีความเห็นว่า บ่อเก็บกักกากแร่ที่ 1 มีการรั่วซึม” นั้นไม่มีความเหมาะสมตามหลักวิชาการ ไม่ยุติธรรม และไม่เป็นเอกฉันท์
เนื้อหาคำชี้แจงระบุว่า
จากกรณีมีรายงานถึงมติผลการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและแก้ไขปัญหา ข้อขัดแย้ง ผลกระทบ ต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ จากการทำเหมืองแร่ทองคำชาตรีของ บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ที่มีขึ้น ณ กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2561 ที่ผ่านมา คณะกรรมการมีมติเสียงส่วนใหญ่ว่าบ่อเก็บกักกากแร่ที่ 1 (TSF 1) มีการรั่วซึมนั้น บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้ดำเนินกิจการเหมืองแร่ทองคำชาตรี ขอชี้แจงรายละเอียดข้อเท็จจริงดังต่อไปนี้
- บริษัทฯ พร้อมผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการจากหลายภาคส่วน มีข้อคิดเห็นแย้งในหลายประเด็นที่ปรากฏในรายงานของคณะทำงานย่อยผู้เชี่ยวชาญการตรวจสอบข้อเท็จจริงการรั่วซึมของบ่อกักเก็บกากแร่ที่ 1 และได้ทำการชี้แจงพร้อมแสดงเหตุผลไว้อย่างละเอียดในรายงานโครงการ “การสำรวจตรวจสอบโอกาสบ่อกักเก็บกากแร่ที่ 1 (TSF 1) ของเหมืองทองคำ บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) จังหวัดพิจิตร ซึ่งดำเนินการโดยคณะผู้วิจัยประกอบด้วย ผศ.ดร.ธนพล เพ็ญรัตน์ และ ดร.สิรินาฏ เลาหะโรจนพันธ์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร และ Dr.Yuji Mitsuhata จาก the Research Institute for Geo-Resources and Environment (GREEN), the National Institute of Advanced Industrial Science and Technology (AIST) ซึ่งกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ได้เผยแพร่รายงานฉบับดังกล่าวไว้ในเว็บไซต์ของกรมฯ โดยมีข้อความระบุว่า “อย่างไรก็ตามยังมีข้อคิดเห็นของคณะทำงานย่อยผู้เชี่ยวชาญฯ บางท่านที่มีความเห็นแตกต่างจากรายงานฉบับสมบูรณ์ ซึ่งสามารถพิจารณารายละเอียดข้อคิดเห็นของผู้ที่มีความเห็นแตกต่างดังกล่าวในภาคผนวก ของรายงานฉบับสมบูรณ์ ควรพิจารณานำข้อมูลไปใช้ด้วยความระมัดระวังด้วย"
- การลงมติดังกล่าวที่เกิดขึ้นนั้น ไม่ถูกบรรจุไว้ในวาระการประชุม จึงไม่มีความเหมาะสม และไม่เป็นธรรม ทั้งยังขาดหลักวิชาการรองรับ เนื่องจากลักษณะการลงมติเป็นเพียงการถามคณะกรรมการที่มาเข้าร่วมประชุมซึ่งเป็นส่วนน้อยจากคณะกรรมการทั้งหมด 52 คน ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่ในคณะทำงานย่อย และไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ หรือมีความรู้ทางเทคนิคในเรื่องที่ถูกขอให้ลงมติ
- การลงมติดังกล่าวดำเนินการเพียงทำการถามความเห็น และให้ผู้เข้าร่วมประชุมฯ ยกมือแสดงความคิดเห็นว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับรายงานการรั่วซึมของบ่อกักเก็บกากแร่ 1 ซึ่งมีผู้ยกมือว่า ไม่เห็นด้วยว่าบ่อฯ รั่วซึม 6 คนประกอบด้วยประชาชนในพื้นที่ ผู้ใหญ่บ้าน และตัวแทนบริษัทฯ ในขณะที่มีคณะกรรมการ 7 คนอันประกอบไปด้วยหน่วยงานภาครัฐเอง ยกมือแสดงความเห็นเชื่อว่าบ่อฯ มีการรั่วซึม อย่างไรก็ตาม ยังมีคณะกรรมการส่วนใหญ่จากทั้งหมด 52 คนที่เข้าร่วมประชุมแต่ไม่ออกเสียงลงมติในครั้งนี้
- การลงมติในครั้งนี้ไม่เป็นไปตามกฎเกณฑ์ตามหลักวิชาการ กล่าวคือมีการใช้รายงานของ นายธนพล เพ็ญรัตน์ อาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ที่ใช้ค่าการต้านทานไฟฟ้าตรวจสอบ และไม่ได้สรุปว่า บ่อเก็บกากแร่รั่วหรือไม่ แต่กลับมีการนำเสนอในการประชุมฯ ดังกล่าวว่าบ่อรั่ว และผลักดันให้มีการลงมติว่าบ่อกักเก็บกากแร่รั่ว
- การใช้ธรณีฟิสิกส์ ไม่ใช่เครื่องมือที่ถูกต้อง เนื่องจากธรณีฟิสิกส์ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อตรวจสอบการรั่วไหลของสาร ประกอบกับในพื้นที่มีตัวแปรทางธรรมชาติค่อนข้างมาก เช่น ชั้นดินลูกรัง ชั้นดินเหนียว การแปรสภาพของหินในบริเวณแหล่งแร่ หรือแม้กระทั่งความชื้น เป็นต้น ซึ่งธรณีฟิสิกส์ไม่สามารถแยกแยะได้อย่างละเอียดชัดเจน จึงทำให้เกิดข้อโต้แย้งมากมายหลายสิบครั้ง จากทั้งบริษัทฯ เอง และนักวิชาการจากสถาบันต่างๆ มากมาย อาทิ กรมทรัพยากรธรณี ซึ่งได้บันทึกไว้ในบันทึกการประชุมตลอดมา ตั้งแต่เริ่มดำเนินโครงการดังกล่าว เพราะวิธีการและเทคนิคที่ใช้ไม่ถูกต้อง
- ในรายงานของคณะทำงานด้านสิ่งแวดล้อมฯ ที่เคยรายงานต่อที่ประชุมคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและแก้ไขปัญหาข้อขัดแย้ง ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ จากการทำเหมืองแร่ทองคำของ บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ก่อนหน้านี้ ระบุว่าค่าโลหะหนัก ที่เกินมาตรฐานพบว่ามีอยู่แล้วตามธรรมชาติ ดังนั้นจึงไม่สามารถสรุปได้ว่าสาเหตุการ ปนเปื้อนโลหะหนักมาจากเหมืองทองคำ
- นอกจากนี้ ยังเคยมีรายงานการตรวจสอบมาตรฐานการดำเนินกิจการเหมืองแร่ทองคำชาตรีโดยบริษัท แบร์ โดแบร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ลิมิเต็ด (Bhere Dolbear International Limited) ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นผู้คัดเลือกให้เป็นผู้ดำเนินการตรวจสอบและประเมินผลอย่างละเอียด เหมืองแร่ทองคำดังกล่าว มีการดำเนินงานที่ได้มาตรฐานสากลในทุกๆ ด้าน มีการนำเทคโลโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในทุกขั้นตอนทำให้เกิดความปลอดภัยต่อชีวิตและสิ่งแวดล้อม เทียบเท่าเหมืองแร่ชั้นนำทั่วโลก นอกจากนี้ ยังไม่พบการรั่วไหลของโลหะหนักจากบ่อกักเก็บกากแร่สู่ชุมชนแต่อย่างใด
- แม้บริษัทฯ จะตระหนักดีว่า ปัจจุบัน บริษัท คิงส์เกท คอนโซลิเดเต็ด จำกัด และรัฐบาลไทย กำลังเข้าสู่การอนุญาโตตุลาการ ภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างไทย-ออสเตรเลีย แต่บริษัทฯ ยังคงเชื่อมั่นว่ากระบวนการหาข้อเท็จจริง ของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและแก้ไขปัญหา ข้อขัดแย้ง ผลกระทบ ต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ จากการทำเหมืองแร่ทองคำของ บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ที่ตั้งขึ้นโดยภาครัฐนั้น จะดำเนินการด้วยความยุติธรรม และโปร่งใสเพื่อเป็นบรรทัดฐาน และสร้างความเชื่อมั่นให้กับการค้าการลงทุนระหว่างประเทศต่อไป
บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ขอยืนยันอีกครั้งว่าได้ปฏิบัติตามกฎหมายการทำเหมืองแร่อย่างเคร่งครัด ภายใต้การกำกับดูแลของกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) และการประกอบการมิได้ก่อให้เกิดมลภาวะทั้งต่อสิ่งแวดล้อม และสุขภาพของประชาชนในชุมชนโดยรอบ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ก.อุตฯ แจงประเด็นล็อบบี้คิงส์เกต ยุติฟ้อง ไม่เป็นความจริง
ชัด!คณะกก.ตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ มีมติบ่อกักเก็บกากแร่ที่ 1 เหมืองทองอัคราฯ รั่วซึม
กพร.แพร่งานวิจัยบ่อเก็กกากแร่ที่ 1 เหมืองทองอัครารั่ว กระทบแหล่งน้ำใต้ดินโดยรอบ
ปลัดก.อุตฯ ยันพบข้อบ่งชี้การรั่วไหลน้ำจากบ่อเก็บกากแร่ที่ 1 เหมืองทองอัคราฯ
ที่ประชุมกพร.ยังไม่เปิดผลสอบบ่อเก็บแร่เหมืองทองรั่ว ขอเวลา 10 วัน-อัครา เล็งออกหนังสือแจง
เหมืองทองอัครฯ แจงสื่อเห็นแย้งในผลตรวจสอบการรั่วซึมบ่อกักเก็บกากแร่ที่ 1