ฉบับเต็มคดี‘ธาริต’ซุกทรัพย์สิน! รับโอนหุ้น บ.ในฮ่องกง-เงินฝากโผล่ บช.หลานเมีย
เปิดคำพิพากษาฉบับเต็ม!คดี‘ธาริต’อดีตบิ๊กดีเอสไอ จงใจยื่นบัญชีฯเท็จ ป.ป.ช. ซุกหุ้น บ.อสังหาฯ เงินฝาก 6 บัญชี บ้าน ที่ดิน อ.ปากช่อง 15 ล. ใช้บัญชีหลานชายรับโอนเงินค่าเช่า ราชกิจจาฯเผยแพร่ 28 มี.ค.2561
วันที่ 19 ม.ค. 2561 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาให้นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และอดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) มีความผิดคดีจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ห้าม เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นเวลาห้าปี จำคุก 3 เดือน ปรับ 5,000 บาท ให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด 2 ปี
ล่าสุด วันที่ 28 มี.ค.2561 ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่คำพิพากษาของศาลฏีกาฯฉบับเต็ม สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org เรียบเรียงมาเสนอ
@ คำร้อง ป.ป.ช. ซุกเงินฝาก หุ้น บ้าน
ผู้ร้องยื่นคำร้องและแก้ไขคำร้องว่า ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 19 ต.ค.2552 อยู่ในตำแหน่งครบสามปีเมื่อวันที่ 18 ต.ค.2555 และพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 27 มิ.ย.2557 ต่อมาผู้คัดค้านได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 3 เม.ย.2560 ผู้คัดค้านมีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของตน คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ พร้อมเอกสารประกอบต่อผู้ร้องภายในเวลาสามสิบวันนับแต่เข้ารับตำแหน่ง ทุกสามปีที่อยู่ในตำแหน่ง พ้นจากตำแหน่ง และพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี โดยทรัพย์สินและหนี้สินที่ต้องแสดงรายการให้รวมถึงทรัพย์สินและหนี้สินในต่างประเทศและที่มอบหมายให้อยู่ในความครอบครองหรือดูแลของ บุคคลอื่นไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมด้วย ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 39 วรรคหนึ่ง (15) และวรรคสาม ประกอบมาตรา 32 และมาตรา 33
ผู้คัดค้านยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินกรณีเข้ารับตำแหน่งอธิบดี กรมสอบสวนคดีพิเศษและกรณีทุกสามปีที่อยู่ในตำแหน่งดังกล่าวต่อผู้ร้องแล้ว ผู้ร้องตรวจสอบแล้วพบว่า ในการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินกรณีทุกสามปีที่อยู่ในตำแหน่ง ผู้คัดค้านไม่แสดงรายการทรัพย์สินที่เป็นเงินฝากธนาคาร 4 บัญชี เงินลงทุนในหุ้นบริษัท 2 แห่ง สิ่งปลูกสร้างบนที่ดิน 2 แปลง ของตนเองและนางวรรษมล เพ็งดิษฐ์ คู่สมรสของผู้คัดค้าน และเงินฝากธนาคารอีก 2 บัญชี ที่ผู้คัดค้านและคู่สมรสทราบอยู่แล้วว่ามอบหมายให้อยู่ในความครอบครองดูแลของนายปิยฤกษ์ อรรถกานต์รัตน์ หลานของนางวรรษมล แต่ผู้คัดค้านกลับปกปิด ไม่แสดงรายการทรัพย์สินดังกล่าวข้างต้น
ผู้ร้องแจ้งให้ผู้คัดค้านชี้แจงเหตุผลแต่ผู้คัดค้านเพิกเฉย จึงมีเหตุอันควรเชื่อว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น ผู้ร้องพิจารณาแล้วมีมติเมื่อวันที่ 13 มิ.ย.2560 ว่าผู้คัดค้าน จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินพร้อมเอกสารประกอบกรณีทุกสามปีที่อยู่ในตำแหน่ง ต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัยว่า ผู้คัดค้านจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน พร้อมเอกสารประกอบกรณีทุกสามปีที่อยู่ในตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษต่อผู้ร้องด้วยข้อความ อันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ ห้ามมิให้ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ของรัฐ เป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 41 กับให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119
ผู้คัดค้านให้การรับสารภาพ
@ คำวินิจฉัยของศาลฎีกาฯ ชำแหละพฤติกรรม
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองสอบผู้ร้องและผู้คัดค้านแล้ว เห็นว่า คดีวินิจฉัยได้โดยไม่จำเป็นต้องเรียกพยานมาไต่สวนต่อไป
พิเคราะห์คำร้อง เอกสารประกอบคำร้อง และคำให้การของผู้คัดค้านแล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ผู้คัดค้านได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษซึ่งเป็นส่วนราชการระดับกรม ในสังกัดกระทรวงยุติธรรม โดยเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 19 ต.ค.2552 ดำรงตำแหน่งครบสามปีเมื่อวันที่ 18 ต.ค. 2555 และพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 27 มิ.ย.2557 ต่อมาผู้คัดค้านได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 3 เม.ย.2560 ผู้คัดค้านยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินกรณีเข้ารับตำแหน่งอธิบดี กรมสอบสวนคดีพิเศษและกรณีทุกสามปีที่อยู่ในตำแหน่งดังกล่าวต่อผู้ร้องแล้ว
@ เงินฝาก เมีย-หลานเมีย 6 บัญชี
ผู้ร้องตรวจสอบพบว่า ผู้คัดค้านไม่แสดงเงินฝาก เงินลงทุน สิ่งปลูกสร้างบนที่ดินของผู้คัดค้านและนางวรรษมล เพ็งดิษฐ์ คู่สมรสของผู้คัดค้าน ในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินกรณีทุกสามปีที่อยู่ในตำแหน่งที่ยื่น ต่อผู้ร้อง อันได้แก่ เงินฝากธนาคารของผู้คัดค้าน 4 บัญชี คือ
(1) บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาอาคารซอฟต์แวร์ปาร์ค เลขที่ 568-0-11470-4 เปิดบัญชีเมื่อวันที่ 18 ส.ค.2552 มีเงินฝาก ณ วันที่ 17 ต.ค. 2555 อันเป็นเงินฝากที่ต้องแสดง ณ วันที่ 18 ตุลาคม 2555 จำนวน 206,598.16 บาท ปิดบัญชีเมื่อวันที่ 4 ก.ย.2557
(2) บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขาสุขุมวิท 33 (บางกะปิ) เลขที่ 003-2-69660-0 เปิดบัญชีวันที่ 11 ส.ค.2541 มีเงินฝาก ณ วันที่ 30 มิ.ย.2555 อันเป็นเงินฝากที่ต้องแสดง ณ วันที่ 18 ต.ค.2555 จำนวน 14,873.77 บาท และมีเงินฝากถึงวันที่ 20 ธ.ค.2557 จำนวน 15,119.82 บาท
(3) บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) สาขาบางซื่อ เลขที่ 491-2-17806-6 เปิดบัญชีวันที่ 14 มิ.ย.2549 มีเงินฝาก ณ วันที่ 25 มิ.ย. 2555 อันเป็นเงินฝากที่ต้องแสดง ณ วันที่ 18 ต.ค.2555 จำนวน 1,308.01 บาท และมีการเคลื่อนไหวทางบัญชีถึงวันที่ 25 มิ.ย.2557 เป็นเงิน 1,326.37 บาท
(4) บัญชีเงินฝากประจำ 12 เดือน ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) สาขาชิดลม (เดิมสาขาต้นสน) เลขที่ 001-1-26520-3 เปิดบัญชีวันที่ 25 พ.ย. 2554 มีเงินฝาก ณ วันที่ 9 ก.ค.2555 อันเป็นเงินฝากที่ต้องแสดง ณ วันที่ 18 ต.ค.2555 จำนวน 4,900,000 บาท ถึงวันที่ 5 มิ.ย.2557 ไม่มีเงินคงเหลือในบัญชี
และเงินฝากธนาคารซึ่งมีชื่อนายปิยฤกษ์ อรรถกานต์รัตน์ หลานของนางวรรษมลเป็นเจ้าของบัญชีเงินฝาก ได้แก่
(1 ) บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) สาขาศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติแจ้งวัฒนะ (อาคาร B) เลขที่ 150-6-00623-3 เปิดบัญชีเมื่อวันที่ 26 ก.ย.2555 มีเงินในบัญชี ณ วันที่ 9 ต.ค.2555 อันเป็นเงินฝากที่ต้องแสดง ณ วันที่ 18 ต.ค.2555 จำนวน 35,479.45 บาท และมีการเคลื่อนไหวทางบัญชี ถึงวันที่ 9 ส.ค.2558 เป็นเงิน 18,854.07 บาท
(2) บัญชีเงินฝากประจำธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) สาขาศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติแจ้งวัฒนะ (อาคาร A) เลขที่ 204-1-00173-6 เปิดบัญชีเมื่อวันที่ 2 ส.ค.2554 มีเงินฝากในบัญชี ณ วันที่ 26 ก.ย.2555 อันเป็นเงินฝากที่ต้องแสดง ณ วันที่ 18 ต.ค.2555 จำนวน 3,180,000 บาท ถึงวันที่ 3 ธ.ค.2557 ไม่มีเงินคงเหลือในบัญชี
@ หุ้น 2 บริษัท - 1 ตัวโอนจาก บ.ในฮ่องกง
นอกจากนี้ยังมีเงินลงทุนของนางวรรษมลในหุ้นบริษัท 2 แห่ง ได้แก่
(1 ) หุ้นในบริษัทแกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) จำนวน 6,000,000 หุ้น มูลค่า 6,000,000 บาท โดยเมื่อวันที่ 27 ม.ค.2555 นางวรรษมล รับโอนหุ้นดังกล่าวมาจากบริษัท Citynet Asia Limited ซึ่งผู้โอนมีที่อยู่ที่เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน
(2) หุ้นในบริษัท ธนวรรษ แอสโซซิเอท จำกัด ของนางวรรษมล จำนวน 1 หุ้น มูลค่า 1,000 บาท ซึ่งบริษัทธนวรรษ แอสโซซิเอท จำกัด มีสำนักงานแห่งใหญ่ตามที่จดทะเบียนตั้งอยู่เลขที่ 115/115 หมู่ที่ 6 ถนนนาวงประชาพัฒนา แ ขวงสีกัน เขตดอนเมือง ก รุงเทพมหานคร อันเป็นสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์รวมของผู้คัดค้านและนางวรรษมล ที่แสดงในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ทั้งเป็นที่อยู่ที่ปรากฏตามทะเบียนราษฎรของผู้คัดค้านและนางวรรษมล นอกจากนี้นางวรรษมล เป็นผู้มีอำนาจลงลายมือชื่อร่วมกับนางสาวธนัญชพร น้อยหิรัญ เปิดบัญชีเงินฝากธนาคารและเบิกถอนเงิน ของบริษัทธนวรรษ แอสโซซิเอท จำกัด ได้
@บ้านและที่ดิน อ.ปากช่อง 15 ล้าน
และผู้คัดค้านไม่ได้แสดงรายการสิ่งปลูกสร้างขนาดประมาณ 900 ตารางเมตร บนที่ดินโฉนดเลขที่ 9326 และโฉนดเลขที่ 9917 ต.หนองน้ำแดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เนื้อที่รวม 2 ไร่ 50 ตารางวา ซึ่งมีชื่อนางวรรษมลเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ โดยสำนักงานที่ดินจังหวัดนครราชสีมา สาขาปากช่อง ประเมินราคาที่ดินทั้งสองแปลงขณะจดทะเบียน ซื้อขายเมื่อวันที่ 1 ก.พ.2555 มูลค่า 2,730,875 บาท สำหรับสิ่งปลูกสร้างได้ขออนุญาต ปลูกสร้างเมื่อวันที่ 2 พ.ค.2555 และขอเลขรหัสประจำบ้านเมื่อวันที่ 21 พ.ย.2555 ได้เลขที่บ้าน 444 หมู่ที่ 11 ต.หนองน้ำ แดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา องค์การบริหารส่วนตำบลหนองน้ำแดง ประเมินมูลค่าตามราคามาตรฐานสิ่งปลูกสร้างเมื่อวันที่ 11 ก.พ.2558 เป็นเงิน 12,295,735.59 บาท
ผู้ร้องแจ้งให้ผู้คัดค้านชี้แจงเหตุผล ที่ไม่แสดงทรัพย์สินดังกล่าวในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินแล้ว แต่ผู้คัดค้านเพิกเฉย
@ยื่นบัญชีฯ หลักการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยมีว่า ผู้คัดค้านจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินด้วยข้อความ อันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบต่อผู้ร้องกรณีทุกสามปีที่อยู่ในตำแหน่งอธิบดี กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือไม่
เห็นว่า พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 4 มาตรา 39 วรรคหนึ่ง (15 ) และวรรคสาม ประกอบมาตรา 32 และมาตรา 33 บัญญัติให้ หัวหน้าส่วนราชการระดับกรมสำหรับข้าราชการพลเรือนเป็นผู้ดำรงตำแหน่ง ระดับสูงและเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ผู้คัดค้านซึ่งดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงเป็นผู้ดำรงตำแหน่ง ระดับสูงและเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสาร ประกอบของตน คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะต่อผู้ร้องภายในสามสิบวันนับแต่วันเข้ารับตำแหน่งทุกสามปีที่อยู่ในตำแหน่ง พ้นจากตำแหน่ง และพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี บทบัญญัติดังกล่าวมีหลักการสำคัญเพื่อสร้างระบบการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินให้มีประสิทธิภาพ อันเป็นการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐของผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูงซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐตลอดระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่งอยู่ ดังนั้นผู้คัดค้านซึ่งดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษจึงมีหน้าที่ต้องแสดง ความโปร่งใสด้วยการแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินตามที่มีอยู่จริงในวันที่มีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน โดยทรัพย์สินที่ต้องแสดงรายการให้รวมถึงทรัพย์สินที่มอบหมายให้อยู่ใน ความครอบครองหรือดูแลของบุคคลอื่นไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม เพื่อให้ผู้ร้องมีข้อมูลตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงของทรัพย์สินและหนี้สินว่า มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติหรือหนี้สินลดลงผิดปกติหรือไม่ อันเป็นการตรวจสอบเชิงป้องกันมิให้เกิดการทุจริตขึ้นในขณะดำรงตำแหน่ง จึงเป็นหน้าที่ของผู้คัดค้าน ที่จะต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย
@บ.เมียจ่ายเช็ค 4.5 ล.มัดจำซื้อที่ดิน จ.ปทุมธานี
จากการตรวจสอบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ของผู้คัดค้านที่ยื่นในกรณีทุกสามปีที่อยู่ในตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ผู้ร้องพบว่า ผู้คัดค้านไม่ได้แสดงรายการทรัพย์สิน คือ เงินฝากธนาคาร 4 บัญชี ซึ่งมีชื่อผู้คัดค้านเป็นเจ้าของบัญชี เมื่อตรวจสอบบัญชีดังกล่าวบางบัญชียังมียอดเงินคงเหลือและบางบัญชีก็มีรายการเคลื่อนไหวทางบัญชี โดยมีเงินหมุนเวียนเป็นจำนวนมาก ดังนั้นผู้คัดค้านจึงมีหน้าที่ต้องแสดงบัญชีเงินฝากทั้ง 4 บัญชี ดังกล่าวต่อผู้ร้อง ส่วนเงินลงทุนของ นางวรรษมลในหุ้นบริษัท 2 แห่ง จากการตรวจสอบของผู้ร้องพบว่านางวรรษมลเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทแกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) จำนวน 6,000,000 หุ้น มูลค่า 6,000,000 บาท เห็นได้ว่ามีมูลค่าสูง โดยนางวรรษมลรับโอนมาเมื่อวันที่ 27 ม.ค.2555 ก่อนวันที่ผู้คัดค้านมีหน้าที่ต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินกรณีทุกสามปีที่อยู่ในตำแหน่ง และนางวรรษมลยังเป็นผู้ถือหุ้นบริษัทธนวรรษ แอสโซซิเอท จำกัด แม้นางวรรษมลถือหุ้นเพียง 1 หุ้น แต่ปรากฏว่า บริษัทธนวรรษ แอสโซซิเอท จำกัด มีที่ตั้ง อันเป็นสำนักงานแห่งใหญ่ที่เดียวกับที่อยู่ตามที่ปรากฏในทะเบียนราษฎรของผู้คัดค้านและนางวรรษมล ทั้งนางวรรษมล ยังเป็นผู้มีอำนาจลงลายมือชื่อร่วมกับนางสาวธนัญชพรเปิดบัญชีเงินฝากธนาคาร และเบิกถอนเงินของบริษัทได้ นอกจากนี้บริษัทธนวรรษ แอสโซซิเอท จำกัด ได้สั่งจ่ายเช็ค 3 ฉบับ เป็นเงินรวม 4,500,000 บาท เพื่อชำระมัดจำค่าซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ 28532 ตำบลหลักหก อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี ซึ่งต่อมามีการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นชื่อของ นางวรรษมล อันแสดงให้เห็นถึงการมีอำนาจจัดการในบริษัทดังกล่าว
@ใช้บัญชีหลานชายรับโอนเงินค่าเช่าที่ดิน
สำหรับที่ดินโฉนดเลขที่ 9326 และ 9917 ตำบลหนองน้ำแดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งมีชื่อนางวรรษมล เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์นั้น เมื่อปรากฏว่ามีการขออนุญาตปลูกสร้างวันที่ 2 พ.ค.2555 และขอเลขรหัสประจำบ้านวันที่ 21 พ.ย.2555 ได้เลขที่บ้าน 444 หมู่ที่ 11 ตำบลหนองน้ำแดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา อันแสดงให้เห็นว่า ในวันที่ 18 ต.ค.2555 บ้านหลัง ดังกล่าวเป็นสิ่งปลูกสร้างที่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ดังนั้นที่ดินทั้งสองแปลงดังกล่าว จึงมีโรงเรือน และสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งหากเป็นกรณีไม่มีสำเนาทะเบียนบ้านผู้คัดค้านก็ต้องแนบภาพถ่ายสีพร้อมระบุว่า ปลูกสร้างบนที่ดินแปลงใดและของบุคคลใดตามคำอธิบายรายการที่ 6 ท้ายบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สิน
ส่วนเงินฝากธนาคาร 2 บัญชี ซึ่งมีชื่อนายปิยฤกษ์หลานของนางวรรษมลเป็นเจ้าของบัญชีนั้น จากการตรวจสอบพบว่านายปิยฤกษ์เป็นนักศึกษาไม่ปรากฏว่ามีรายได้ใด กลับมีเงินหมุนเวียนในบัญชี เป็นจำนวนมากและนางวรรษมลเคยให้ผู้เช่าที่ดินของตนเองโอนเงินค่าเช่าที่ดินเข้าบัญชีของนายปิยฤกษ์ จึงเชื่อว่าบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) สาขาศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติแจ้งวัฒนะ (อาคาร B) เลขที่ 150-6-00623-3 และบัญชีเงินฝากประจำ ธนาคารธนชาต จำ กัด (มหาชน) สาขาศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติแจ้งวัฒนะ (อาคาร A) เลขที่ 204-1-00173-6 เป็นทรัพย์สินที่ผู้คัดค้านและนางวรรษมลมอบหมายให้อยู่ในความครอบครองหรือดูแลของนายปิยฤกษ์ ทรัพย์สินดังที่วินิจฉัยมาข้างต้นจึงเป็นทรัพย์สินของผู้คัดค้านและนางวรรษมลที่มีอยู่จริง โดยผู้คัดค้าน และนางวรรษมลถือครองในวันที่ 18 ต.ค.2555 อันเป็นวันที่มีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการ ทรัพย์สินและหนี้สิน
@ จงใจซุก-หนีการตรวจพบ
การที่ผู้คัดค้านไม่แสดงรายการทรัพย์สินดังกล่าวในการยื่นบัญชีแสดงรายการ ทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องกรณีทุกสามปีที่อยู่ในตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นการปกปิดไม่แสดงรายการแห่งทรัพย์สินของตนเองและนางวรรษมลเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ผู้ร้องตรวจสอบพบ จึงมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าผู้คัดค้านมีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น
องค์คณะผู้พิพากษา มีมติเป็นเอกฉันท์ว่า การกระทำดังกล่าวของผู้คัดค้านเป็นการจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สินและเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบต่อผู้ร้อง กรณีทุกสามปีที่อยู่ในตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เมื่อผู้คัดค้านเป็นผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูง และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจึงถูกห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 3 เม.ย.2560 ซึ่งเป็นวันที่พ้นจากตำ แหน่งที่ปรึกษาประจำ สำนักนายกรัฐมนตรี ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 41 วรรคหนึ่ง นอกจากนี้การกระทำของผู้คัดค้านยังเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควร แจ้งให้ทราบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 ด้วย
พิพากษาว่า นายธาริต เพ็งดิษฐ์ ผู้คัดค้าน จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินพร้อมเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. กรณีทุกสามปีที่อยู่ในตำแหน่งผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูง ห้ามมิให้ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 3 เม.ย.2560 อันเป็นวันที่ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่งที่ปรึกษา ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 41 วรรคหนึ่ง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 ให้จำคุก 6 เดือน และปรับ 10,000 บาท ผู้คัดค้านให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 3 เดือน และปรับ 5,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้คัดค้านเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน ให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 หากไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30. ( คดีหมายเลขแดงที่ อม. 10/2561 -19 ม.ค.2561)
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2561/A/020/14.PDF
อ่านประกอบ:
อ้างไม่รู้ หลงลืม!ศาลฟันรองนายก อบต.จ.พิจิตรซุกเงิน 15 บัญชี หุ้น 2 บ. ที่ดิน 7แปลง
นักการเมืองท้องถิ่น 8 คนใน 6 จังหวัด ถูกศาลฎีกาฯฟันจงใจไม่ยื่นบัญชีฯ
เจตนาซุกซ่อน! ศาลฎีกาฯฟันนายก อบต. ใน จ.สมุทรสาคร ไม่แสดงเงินฝาก 3 บัญชี