เจตนาซุกซ่อน! ศาลฎีกาฯฟันนายก อบต. ใน จ.สมุทรสาคร ไม่แสดงเงินฝาก 3 บัญชี
อ้างหลงลืม ฟังไม่ขึ้น! ศาลฎีกาฯฟันนายก อบต. บางกระเจ้า จ.สมุทรสาคร ไม่แจ้งเงินฝากแบงก์ของตนเอง-เมีย 3 บัญชี ชี้มีเจตนาซุก สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่ 11 ต.ค.60 เว้นวรรค 5 ปี ปรับ 4,000 บาท จำคุก 1 เดือน รอลงโทษ 1 ปี
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 17 ม.ค.2561 ที่ผ่านมา ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาว่า นายสุรศักดิ์ เตชะนิธิสวัสดิ์ จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริง ที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีเข้ารับตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) บางกระเจ้า อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร
ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า นายสุรศักดิ์ (ผู้คัดค้าน) ได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายก อบต.บางกระเจ้า เมื่อวันที่ 13 พ.ย.2554 โดยแถลงนโยบายต่อสภาองค์การบริหารส่วนตำบลบางกระเจ้า เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.2554 และดำรงตำแหน่งอยู่จนถึงปัจจุบันตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 1/2557 ลงวันที่ 25 ธ.ค.2557 นายสุรศักดิ์ ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) กรณีเข้ารับตำแหน่ง โดยไม่แสดงรายการบัญชีเงินฝากธนาคารของตน และคู่สมรส ผู้ร้องมีหนังสือแจ้งให้ผู้คัดค้านชี้แจงข้อเท็จจริงและเหตุผลของการไม่ดำเนินการให้ถูกต้องครบถ้วนแล้ว ผู้ คัดค้านชี้แจงต่อผู้ร้องว่าหลงลืมและมีเงินฝากในธนาคารหลายบัญชี ไม่มีเจตนาปกปิด หรือซ่อนเร้นไม่ชี้แจงให้ผู้ร้องทราบ ศาลมีคำสั่งให้ผู้คัดค้านหยุดปฏิบัติหน้าที่เมื่อวันที่ 11 ต.ค.2560
ผู้คัดค้านยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบต่อผู้ร้องกรณีเข้ารับตำแหน่ง โดยระบุรายการบัญชีเงินฝากในธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เพียง 2 บัญชี แต่ไม่แสดงรายการบัญชีเงินฝากในธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ของผู้ร้องและคู่สมรสอีก 3 บัญชี ผู้ร้องแจ้งให้ผู้คัดค้านชี้แจงข้อเท็จจริงและเหตุผลของการไม่แสดงบัญชีเงินฝากธนาคารดังกล่าวในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สินให้ถูกต้องครบถ้วนแล้ว ผู้คัดค้านชี้แจงว่าหลงลืม ทั้งที่ตามรายการเดินบัญชีเงินฝาก ของผู้คัดค้านและคู่สมรสปรากฏรายการฝากและถอนเงินในบัญชีก่อนและหลังจากผู้คัดค้านยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง บ่งชี้ให้เชื่อได้ว่า ผู้คัดค้านทราบว่ามีบัญชี เงินฝากดังกล่าวอยู่ในเวลาที่ผู้คัดค้านมีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้อง พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าผู้คัดค้านไม่ใส่ใจต่อการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องให้ถูกต้องครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าผู้คัดค้านมีเจตนา ไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น ซึ่งการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินเป็นหน้าที่สำคัญของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ต้องปฏิบัติ อันเป็นมาตรการในการตรวจสอบทรัพย์สิน และหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อให้เกิดการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ
จึงฟังได้ว่า ผู้คัดค้านจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความ อันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีเข้ารับตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางกระเจ้า ผู้คัดค้านจึงต้องพ้นจากตำแหน่งนายก อบต.บางกระเจ้าที่ดำรงอยู่ในปัจจุบัน และมีผลห้ามมิให้ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปี นับแต่วันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัย ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 วรรคหนึ่ง นอกจากนี้ การกระทำของผู้คัดค้านยังเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 ด้วย
พิพากษาว่า นายสุรศักดิ์ จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริง ที่ควรแจ้งให้ทราบกรณีเข้ารับตำแหน่ง นายก อบต.บางกระเจ้า ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 32 และมาตรา 33 ให้ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่งนายก อบต.บางกระเจ้าที่ดำรงอยู่ในวันที่ 17 ม.ค.2561 ซึ่งเป็นวันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัย และห้ามมิให้ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 17 ม.ค.2561 ซึ่งเป็นวันที่ศาลฎีกาฯ วินิจฉัย ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 วรรคหนึ่ง ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560มาตรา 17 วรรคสอง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 จำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ผู้คัดค้านให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 เดือน และปรับ 4,000 บาท ไม่ปรากฏว่า ผู้คัดค้านเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1ปี (คดีหมายเลขแดงที่ อม. 7/2561-17 ม.ค.2561)
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2561/A/018/32.PDF
อ่านประกอบ :
ไม่สิ้นซาก!ศาลฎีกาฯฟัน 9 นักการเมืองท้องถิ่น 7 จังหวัด ซุกบัญชีฯ- รอคิวกว่า 100 คน