ขุดกรุ คดีทุจริต พนง.ไปรษณีย์ ป.ป.ช.เชือดเรียบศาลฟันไม่เลี้ยง ยักยอก2หมื่นคุก10ปี
"....ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่พนักงานการเงิน/บัญชี ธุรการ และลงลายมือชื่อแทนหัวหน้าที่ทำการในการรับชำระค่าบริการโทรศัพท์ระหว่างประเทศ ได้รับชำระค่าบริการโทรศัพท์ระหว่างประเทศจากผู้ใช้บริการแล้วไม่นำเงินส่งเข้าบัญชีตามระเบียบ จำนวน 20 รายการ เป็นเงิน 20,105.95 บาท เมื่อมีการทักท้วงจึงได้นำเงินมาชดใช้คืนภายหลัง โดยเจตนานำเงินไปใช้ประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่น ทำให้บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัดได้รับความเสียหาย..."
พนักงานไปรษณีย์ นับเป็นอีกสายอาชีพหนึ่ง ที่มักปรากฎอยู่ในฐานข้อมูลการตรวจสอบคดีทุจริตของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่ามีการไต่สวนคดีชี้มูลความผิด ถูกไล่ออกจากตำแหน่งหน้าที่การเงิน ส่วนผลการส่งเรื่องฟ้องร้องดำเนินคดีตามกฎหมาย ผู้ถูกกล่าวหาทุกรายล้วนแล้วแต่ถูกศาลตัดสินว่ามีผิดรับโทษจำคุกยาวนานหลายปี บางรายก็อยู่ระหว่างการหลบหนีคดี
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org สืบค้นข้อมูลผลการพิจารณาคดีการทุจริตของพนักงานไปรษณีย์ ที่มีการบันทึกไว้เป็นทางการ มานำเสนอ เพื่อเป็นอุทาหรณ์ สำหรับผู้ที่คิดจะกระทำผิดทุจริตต่อการปฏิบัติหน้าที่ของตนเอง
@ นายสุรวุฒิ เขียวปัด ลูกจ้างรายวัน ประจำแผนกปฏิบัติการไปรษณีย์ สำนักงานที่ทำการนำจ่ายรังสิต 1 จังหวัดปทุมธานี
พฤติการณ์กระทำความผิด : เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือของผู้อื่นโดยทุจริต และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เปิดซองจดหมายลงทะเบียนโดยมีเจตนานำสิ่งของที่บรรจุอยู่ภายในไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว กล่าวคือ ผู้ถูกกล่าวหา ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่นำจ่ายไปรษณีย์ภัณฑ์ และพัสดุไปรษณีย์ ได้เปิดซองจดหมายลงทะเบียนแล้วลักเอาสิ่งของที่บรรจุอยู่ภายในไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว
เบื้องต้น สำนักงานอัยการจังหวัดธัญบุรี มีหนังสือที่ อส0042(ธัญบุรี)/3442 ลงวันที่ 23 เม.ย. 56 แจ้งป.ป.ช.ว่า ศาลจังหวัดธัญบุรีมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 11 ต.ค. 55 ว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติไปรษณีย์ พ.ศ. 2477 มาตรา 71 พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 11 หลายกรรมต่างกัน ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ความผิดฐานซ่อนเร้น กักถุงไปรษณีย์กับความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ บทหนักสุด ตามมาตรา 90 จำคุก กระทงละ 1 ปี จำนวน 6 กระทง รวม 6 ปี รับสารภาพลดกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 3 ปี เมื่อวันที่ 10 ม.ค.56 จำเลยได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นขอลงโทษสถานเบา ขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 1
@ นายสนั่น โยธาภักดี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายไปรษณีย์ 6 ที่ทำการไปรษณีย์โพนพิสัย สำนักงานการสื่อสารไปรษณีย์เขต 4 จังหวัดหนองคาย
พฤติการณ์กระทำความผิด : เป็นพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต กล่าวคือ ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ประจำแผนกรับฝากหน้าเคาเตอร์และรับชำระเงินค่าบริการโทรคมนาคม และค่าโทรทัพท์ระหว่างประเทศ ได้รับชำระเงินค่าบริการโทรศัพท์ระหว่างประเทศจากผู้ใช้บริการ 3 ราย จำนวน 6 ครั้ง เป็นเงิน 11,777.27 บาท แล้วไม่นำเงินลงรับเข้าบัญชีตามระเบียบของการสื่อสารแห่งประเทศไทย
เบื้องต้น สำนักงานอัยการจังหวัดหนองคาย มีหนังสือ ที่ อส 0042(นค)/2075 ลงวันที่ 21 มีนาคม 2556 แจ้ง ป.ป.ช.ว่า พนักงานสอบสวนสรุปสำนวนการสอบสวนมีความเห็นควรสั่งฟ้องนายสนั่น โยธาภักดี ผู้ต้องหา และได้ส่งสำนวนไปยังพนักงานอัยการจังหวัดหนองคาย ต่อมาสำนักงานอัยการจังหวัดหนองคาย แจ้งว่าได้พิจารณาสั่งฟ้องนายสนั่น โยธาภักดี ผู้ต้องหา แต่ผู้ต้องหาหลบหนีไม่ได้ตัวมาดำเนินการ
@ นายจตุพร หาญคำภา เมื่อครั้งปฏิบัติหน้าที่พนักงานไปรษณีย์ 2 ที่ทำการไปรษณีย์ไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี
พฤติการณ์กระทำความผิด : ยักยอกเงินธนาณัติออนไลน์ โดยปลอมลายมือชื่อผู้รับเงิน และลงเลขที่บัตรประชาชนของผู้รับเงินเป็นเท็จและยักยอกเงินค่าเช่าซื้อรถยนต์ที่รับจากลูกค้าเข้าระบบ CA POS ไปโดยทุจริต
เบื้องต้น สถานีตำรวจภูธรไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีความเห็นสั่งฟ้องและออกหมายจับนายจตุพร หรือพีรวัฒน์ หาญคำภา หรือกิมานนท์ ส่งสำนวนไปยังพนักงานอัยการจังหวัดไชยาแล้ว
@ นายอดุลย์ หรูนหีม เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งพนักงานไปรษณีย์ 4 ปฏิบัติงานประจำที่ทำการไปรษณีย์พุนพินบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด
พฤติการณ์กระทำความผิด : เป็นพนักงานยักยอกทรัพย์จำนวน 31,077.11 บาท
เบื้องต้น สถานีตำรวจภูธรพุนพิน มีความเห็นสั่งฟ้อง ข้อหาเป็นพนักงานมีหน้าที่ ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษทรัพย์ใด เบียบบังทรัพย์นั้นเป็นของตนเองหรือผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดนทุจริตยอมให้ผู้อื่่นเอาทรัพย์นั้นไปเสีย เป็นพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เสนออัยการจังหวัดสุราษฎร์ธานี และได้ขออนุมัติศาลจังหวัดสุราษร์ธานีออกหมายจับ แต่ยังจับตัวไม่ได้
@ นายชัยวัฒน์ อิ่มศิลป์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งบุรุษไปรษณีย์ 4 ประจำที่ทำการไปรษณีย์สำโรงใต้ สำนักงานการสื่อสารไปรษณีย์นครหลวงใต้
พฤติการณ์กระทำความผิด : ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่พนักงานการเงิน/บัญชี ธุรการ และลงลายมือชื่อแทนหัวหน้าที่ทำการในการรับชำระค่าบริการโทรศัพท์ระหว่างประเทศ ได้รับชำระค่าบริการโทรศัพท์ระหว่างประเทศจากผู้ใช้บริการแล้วไม่นำเงินส่งเข้าบัญชีตามระเบียบ จำนวน 20 รายการ เป็นเงิน 20,105.95 บาท เมื่อมีการทักท้วงจึงได้นำเงินมาชดใช้คืนภายหลัง โดยเจตนานำเงินไปใช้ประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่น ทำให้บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัดได้รับความเสียหาย
เบื้องต้น สำนักงานอัยการจังหวัดสมุทรปราการฟ้องคดีนายชัยวัฒน์ อิ่มศิลป์ เป็นจำเลยต่อศาลจังหวัดสมุทรปราการ คดีอาญาหมายเลขดำที่ 1115/2553 คดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2927/2553 พิพากษาว่าจำเลยมีความผิด ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ฐานเอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่นในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ลงโทษจำคุก 1 ปี รวม 20 กระทง เป็นจำคุก 20 ปี ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก 10 ปี จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน คดีถึงที่สุด
@ นายทีรเดช หรือเคน สุวรรณปราการ ลูกจ้างรายวัน บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ประจำที่ทำการไปรษณีย์ระโนด สำนักงานไปรษณีย์เขต 9 จ.สงขลา
พฤติการณ์กระทำความผิด : ไม่นำจ่ายไปรษณีย์ภัณฑ์ที่อยู่ในความรับผิดชอบนำจ่ายของตนให้แก่ผู้รับตามจ่าหน้า โดยไม่มีเหตุอันสมควร
เบื้องต้น สถานีตำรวจภูธรระโนด แจ้งว่า ศาลจังหวัดสงขลามีคำพิพากษา ตามคดีดำที่ 1550/2553 (คดีแดงที่ 1802/2553) ว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติไปรษณีย์ฯ มาตรา 70 พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 11 กรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 1 ปี ปรับ 6,000 บาท รับสารภาพ ลดโทษลงกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 6 เดือน ปรับ 3,000 บาท โทษจำคุกรอลงอาญา 2 ปี หากไม่ชำระให้ดำเนินการประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 มาตรา 30
@ นายไพโรจน์ เตโช เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งพนักงานไปรษณีย์ 7 ที่ทำการไปรษณีย์ศรีจันทร์ อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น สำนักงานไปรษณีย์เขต 4 บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด
พฤติการณ์กระทำความผิด : เป็นพนักงานยักยอกทรัพย์โดยทุจริต มีหน้าที่รับฝากไปรษณียภัณฑ์ รับบริการรับส่งสิ่งของทางไปรษณีย์ และเป็นตัวแทนรับชำระเงินทางไปรษณีย์เก็บรักษาเงินที่รับชำระ และนำเข้ารักษาภายในตู้นิรภัยประจำที่ทำการภายในวันเดียวกัน ในระหว่างเดือนมิถุนายน ถึงเดือนสิงหาคม 2550 ผู้ถูกกล่าวหารับชำระเงินจากผู้ใช้บริการ จำนวน 25,363 บาท แต่ยกเลิกรายการรับชำระเงินดังกล่าวในวันเดืยวกัน โดยผู้ใช้บริการไม่ได้ขอยกเลิก และนำเงินจำนวนดังกล่าวไปเพื่อประโยชน์ของตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ ในวันถัดมาจึงนำเงินเข้าระบบ CA POST จนครบ และยังมีเงินสดคงเหลือของที่ทำการไปรษณีย์ที่อยู่ในความรับผิดชอบดูแลขาดหายไป จำนวน 10,800 บาท ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาได้นำเงินมาชดใช้จนครบแล้ว การกระทำดังกล่าวของผู้ถูกกล่าวหาทำให้บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ได้รับความเสียหาย บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด มีคำสั่งลงวันที่ 28 ธันวาคม 2550 ลงโทษไล่ผู้ถูกกล่าวหาออกจากงาน
เบื้องต้น สถานีตำรวจภูธรเมืองขอนแก่น มีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาต่อพนักงานอัยการจังหวัดขอนแก่นเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2551
@ นายกตัญญู มินบุรี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งลูกจ้างรายวัน ทำหน้าที่รับฝากเคาน์เตอร์ที่ทำการไปรษณีย์คลองบางนา
พฤติการณ์กระทำความผิด : เป็นเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต นำไปรษณีย์ธนาณัติมาจ่ายเงินให้ตนเอง ระหว่างวันที่ 2 ตุลาคม 2546 ถึงวันที่ 2 ธันวาคม 2546 รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 218,700 บาท
เบื้องต้น สถานีตำรวจนครบาลบางนา แจ้งผลดำเนินการว่าศาลจังหวัดพระโขนง สั่งจับนายกตัญญู มินบุรี อายุความ 15 ปี ลงวันที่ 26 กันยายน 2554
@ นายเฉลิมชัย ลอองบัว เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งพนักงานปฏิบัติการ 6 รักษาการหัวหน้าห้องปฏิบัติการไปรษณีย์ ที่ทำการไปรษณีย์คลองด่าน
พฤติการณ์กระทำความผิด : เป็นพนักงานมีหน้าที่ ทำ จัดการ รักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนเองหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริตหรือโดยยินยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย กล่าวคือ ผู้ถูกกล่าวหาอาศัยโอกาสในตำแหน่งหน้าที่กระทำการทุจริตเปิดซองจดหมายลงทะเบียนหมายเลข 3222 ที่ฝากส่งมาจากต้นทางไปรษณีย์กลาง แล้วนำบัตรเครดิตธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ ของนายอุทธิศักดิ์ โภคามาตย์ ที่บรรจุในซองจดหมายดังกล่าว ไปซื้อสร้อยคอทองคำ ที่ห้างบิ๊กซีสาขาสมุทรปราการ แล้วเอาไปขายนำเงินไปชำระหนี้นอกระบบเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองโดยทุจริต ต่อมาผู้ถูกกล่าวหาได้นำเงินชดใช้ให้แก่ธนาคารฯ จำนวน 22,500 บาท แล้วเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2546 บริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด มีคำสั่งลงโทษไล่ออกจากงานตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2546 เป็นต้นไปแล้ว
เบื้องต้น สถานีตำรวจภูธรคลองด่านแจ้งว่าศาลจังหวัดสมุทรปราการมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2551 เป็นคดีหมายเลขดำที่ 4711/2551 คดีหมายเลขแดงที่ อ.5867/2551ว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147,163 พระราชบัญญัติไปรษณีย์ พ.ศ.2477 มาตรา 58 เป็นการกระทำความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 อันเป็นบทหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 5 ปี จำเลยให้การสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 ปี 6 เดือน
น่าสังเกตว่า พฤติการณ์กระทำความผิด ล้วนแล้วแต่เป็นการอาศัยโอกาสในตำแหน่งหน้าที่ ในการยักยอกให้ได้มาซึ่งทรัพย์ที่เป็นของลูกค้าแทบทั้งสิ้น ขณะที่บทลงโทษก็รุนแรง ไล่ออก จำคุก บางรายอยู่ระหว่างหลบหนี หมดอนาคตไปโดยปริยาย
อ่านประกอบ :
เปิด3กรณีศึกษาคดีทุจริตป.ป.ช.-วิบากกรรมผอ.สำนักงานพุทธมณฑล ตั้งร้านค้า-วินมอไซต์เถื่อน
ปลอมใบเสร็จคนไข้ยักยอกเงิน37ครั้ง! กรณีศึกษาคดีทุจริต พนง.รพ.เทศบาลเชียงใหม่-คุก50ปี
เก็บเงินเกินราคา40บ.-เวียนฉีกตั๋วเก่าขาย! บทเรียนคดีทุจริตพกส.ขสมก.-หนีหมายจับอายุความ20ปี