สตง.ไล่บี้ผู้ว่าฯอุตรดิตถ์แก้ไขปัญหาตำบลละ5ล้านเหลว รุกที่ป่าสงวนเพียบ113โครงการ
สตง. ตามไล่บี้ผู้ว่าฯ อุตรดิตถ์ แก้ไขปัญหาโครงการตำบลละ 5 ล้าน หลังส่งรายงานผลสอบพบการดำเนินงานส่อเหลวหลายประเด็น ไม่บรรลุวัตถุประสงค์งบฯ สูญเปล่า เผยข้อมูลใหม่ชาวบ้านดอดทำโครงการในพื้นที่ไม่ขออนุญาตเพียบ ราชพัสดุ ที่เอกชนโดนด้วย ป่าสงวนหนักสุด 113 โครงการ หวั่นกระตุ้นปัญหาบุกรุก ส่งผลกระทบสภาพความสมดุลระบบนิเวศสิ่งแวดล้อม ยากแก่การฟื้นฟู
แหล่งข่าวจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เปิดเผยสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ว่า ขณะนี้ สตง.อยู่ระหว่างการติดตามความคืบหน้าการตรวจสอบการดำเนินงานโครงการตามมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล (ตำบลละ 5 ล้านบาท) จ.อุตรดิตถ์ ซึ่งมีทั้งสิ้น 9 อำเภอ เป็นโครงการที่ได้รับการอนุมัติ 1,129 โครงการ งบประมาณ 334.20 ล้านบาท ที่ตรวจสอบพบปัญหาการดำเนินงานหลายประการ อาทิ การจัดทำโครงการไม่บรรลุวัตถุประสงค์ ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างคุ้มค่ากับงบประมาณที่ได้รับจัดสรร ไม่ส่งเสริมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอาชีพ ไม่ก่อให้เกิด การจ้างงานและไม่สามารถเพิ่มรายได้ให้แก่ชุมชน โดยเบื้องต้น สตง.ได้มีข้อเสนอแนะไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ ให้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง หากพบว่าเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบปฏิบัติหน้าที่ บกพร่อง มีเหตุให้ทางราชการได้รับความเสียหาย ให้ดำเนินการหาผู้รับผิดทางละเมิด และพิจารณา โทษตามควรแก่กรณี และสั่งการให้นายอำเภอประสานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ รวมทั้งผู้นำชุมชน เพื่อกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหา ให้สามารถใช้ประโยชน์จากวัสดุ ครุภัณฑ์ อาคาร สิ่งก่อสร้างตาม โครงการและเป็นไปตามวัตถุประสงค์โครงการ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแล้ว (อ่านประกอบ : ถึงคิวอุตรดิตถ์! สตง.เชือด 10 โครงการ ‘ตำบลละ 5 ล.’ ไม่บรรลุวัตถุประสงค์) ว่าปัจจุบันดำเนินการอะไรตามข้อเสนอแนะของสตง.ไปแล้วบ้าง
อย่างไรก็ดี ข้อมูลสำคัญอีกส่วนหนึ่งที่ สตง.ตรวจสอบพบและเห็นว่าเป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างมากคือ การดำเนินโครงการที่ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์การขอใช้สถานที่ ทั้งพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ พื้นที่ซึ่งอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของหน่วยงานต่างๆ รวมทั้งพื้นที่ของเอกชน จำนวน9 อำเภอ คิดเป็นร้อยละ 100 ของจำนวนอำเภอทั้งหมด จำนวนรวม 244 โครงการ จำนวน งบประมาณรวม 74,504,330.16 บาท
โดยในส่วนสถานที่ดำเนินโครงการอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน 113 โครงการ จำนวนเงินเบิกจ่าย 36,922,130.16 บาท ดำเนินการโดยไม่ได้ขออนุญาตใช้พื้นที่ ไม่มีเอกสารหลักฐานการอนุญาตให้ใช้ประโยชน์ในพื้นที่จากพนักงานเจ้าหน้าที่ หรืออธิบดีกรมป่าไม้ เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 54 และพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 14 และอาจเป็นเหตุทำให้เกิดความเสียหายต่อสภาพป่าสงวนแห่งชาติ ส่งผลกระทบต่อสภาพความสมดุลของระบบนิเวศทางธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ยากแก่การฟื้นฟูให้กลับคืนดีดังเดิม และเกิดการบุกรุกพื้นที่ป่าเพิ่มมากขึ้น
ส่วนสถานที่ดำเนินโครงการอยู่ในความรับผิดชอบดูแล บำรุงรักษาของนิคมสร้างตนเอง จำนวน 62 โครงการ จำนวนงบประมาณ 17,867,700.00 บาท ดำเนินการโดยไม่ได้ขอใช้สถานที่ตามพระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ. 2511 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 15
สถานที่ดำเนินโครงการอยู่ในความรับผิดชอบดูแล บำรุงรักษาของวัด จำนวน 24 โครงการ จำนวนงบประมาณ 7,733,000.00 บาทดำเนินการโดยไม่ได้ขอใช้สถานที่ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 และที่แก้ไขเพิ่ม มาตรา 34
สถานที่ดำเนินโครงการเป็นที่ราชพัสดุ จำนวน 8 โครงการ จำนวนงบประมาณ 1,949,500.00 บาท ดำเนินการโดยไม่ได้ขอใช้สถานที่ตามกฎกระทรวงว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการปกครอง ดูแล บำรุงรักษา ใช้ และจัดหาประโยชน์เกี่ยวกับที่ราชพัสดุ พ.ศ. 2545 ข้อ 14
สถานที่ดำเนินโครงการเป็นที่ดินของเอกชน จำนวน 37 โครงการ จำนวนงบประมาณ 10,032,000.00 บาท จัดทำโครงการโดยไม่มีการจัดทำหนังสือแสดงความประสงค์เกี่ยวกับการอุทิศที่ดินให้กับทางราชการ หรือยินยอมให้ทางราชการเข้าไปดำเนินการ ตามหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ นร 0205/ว126 ลงวันที่ 13 กรกฎาคม 2544 เรื่องแนวทางปฏิบัติกรณีทางราชการขอให้ราษฎรอุทิศที่ดินให้ หรือกรณีเข้าไปดำเนินการในที่ดินเอกชน เพื่อให้มีการใช้ประโยชน์ร่วมกัน
เบื้องต้น สตง. ได้ส่งเรื่องให้ผู้ว่าราชการจังหวัดไปดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วเช่นกัน โดยขอให้แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อประสานกับหน่วยงานราชการ บุคคล หรือเอกชนเจ้าของพื้นที่และดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย ระเบียบ และหนังสือสั่งการที่เกี่ยวข้อง กรณีโครงการที่จัดทำโดยไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์การขอใช้สถานที่ จำนวน 244 โครงการ ดังกล่าว หากไม่สามารถดำเนินการได้ให้บูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาแนวทางการใช้สถานที่ต่อไป
สำหรับกรณีโครงการที่จัดทำในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน 113 โครงการ ให้ตรวจสอบผลการดำเนินโครงการ หากพบว่าเกิดการบุกรุกพื้นที่ในเขตปุาสงวนแห่งชาติ หรือทำลายทรัพยากรธรรมชาติอันเป็นผลให้เกิดความเสียหายต่อระบบนิเวศน์ ให้ดำเนินการตามพระราชบัญญัติปุาไม้ พ.ศ.2484 และพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 และกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป