'เสี่ยเช'โวยทีโออาร์ใหม่ล็อกสเปคชัด! ตัดขาดCTXเปิดช่องรวมหัวขายพ่วงสายพานฯ2.8พันล.
'เสี่ยเช' ออกโรงยืนยันความเห็นเดิม ร่างทีโออาร์จัดซื้อเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดใหม่ 2.8 พันล้านใหม่ ทอท. ล็อกสเปคเหมือนเดิม กำหนดตัวเลขรองรับความเร็ว 0.5 เมตร/วินาที เป้าหมายกีดกัน CTX ชัดเจน เผยรายละเอียดทำเป็นขั้นเป็นตอน เปิดช่องบ.คู่แข่ง ร่วมหัวกลุ่มพรรคพวกขายพ่วงสายพานลำเลี่ยงกระเป๋า ผูกติดทำให้เกิดการได้เปรียบ เตรียมดับเครื่องชนเสนอความเห็นค้านช่วงเปิดให้วิจารณ์ วอนสื่อมวลชนติดตามตรวจสอบเสนอข่าวใกล้ชิด
จากกรณีสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบว่าเมื่อเร็วๆ นี้ บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ทอท. ได้เผยแพร่ร่างเงื่อนไขการประกวดราคา (ทีโออาร์) จัดซื้อจัดจ้างเปลี่ยนเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดที่สนามบินสุวรรณภูมิ จำนวน 26 เครื่อง และจ้างปรับปรุงระบบลำเลียงกระเป๋าสัมภาระของอาคารผู้โดยสาร รวมวงเงิน 2,880,500,000 บาท เพื่อเปิดรับฟังคำวิจารณ์ตั้งแต่วันที่ 27 ก.พ.2561 -14 มี.ค.2561 เป็นต้นไป โดยร่างทีโออาร์ที่ประกาศออกมาใหม่ กำหนดคุณสมบัติผู้เสนอราคาไว้ในข้อ18 ว่า จะต้องได้รับการแต่งตั้งจากบริษัทผู้ผลิตในต่างประเทศ หรือ เจ้าของผลิตภัณฑ์ในต่างประเทศ หรือ ผู้จำหน่ายที่ได้รับการแต่งตั้งจากผู้จำหน่ายภายในประเทศ ว่าเป็นผู้จำหน่ายเครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิด (EDS machine) รุ่นที่มีความเร็วสายพานไม่น้อยกว่า 0.5 เมตรต่อวินาที ซึ่งได้รับการรับรองจาก TSA (หน่วยงานรักษาความปลอดภัยด้านการขนส่งของประเทศสหรัฐอเมริกา Transportation Security Administration: TSA) และ การอนุมัติจาก ECAC Standard-3 หรือสูงกว่า (ECAC standard-3 approved or higher) (กรมการบินพลเรือนของประเทศในกลุ่มยุโรป The European Civil Aviation Conference: ECAC) และโดยต้องแสดงสำเนาเอกสารหนังสือแต่งตั้งเป็นตัวแทนฯ ฉบับล่าสุดและเป็นปัจจุบน ซึ่งออกโดยผู้ผลิต หรือเจ้าของผลิตภัณฑ์ หรือตัวแทนจำหน่ายภายในประเทศ ภายในระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา (นับย้อนหลังจากวันที่ยื่นซองประกวดราคา) พร้อมสำเนาหนังสือรับรองของ TSA และสำเนาหนังสืออนุมัติของ ECAC หรือสูงกว่า (ECAC standard-3 approved or higher)
ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในกลุ่มผู้ประกอบการเอกชนว่า การกำหนดคุณสมบัติผู้เสนอราคา ที่จะต้องผ่านการรับรองทั้งในส่วนของสหรัฐและยุโรป ทำให้ถูกมองได้ว่า มีความพยายามในการเปิดช่องให้มีการล็อกสเปคกำหนดตัวเอกชนผู้ได้รับงานล่วงหน้าไว้ เนื่องจากมีเอกชนไม่กี่รายที่สามารถเข้าร่วมประกวดภายใต้คุณสมบัตินี้ได้ และเครื่องตรวจวัตถุระเบิด ที่สามารถผ่านเงื่อนไขดังกล่าว ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างขั้นตอนการทดลองในห้องปฏิบัติการเท่านั้น (อ่านประกอบ : ทอท.ยันคุณสมบัติต้องผ่านสหรัฐ-ยุโรป! จับตาทีโออาร์ซื้อเครื่องตรวจระเบิดใหม่ ส่อล็อกสเปคซ้ำ)
ล่าสุด เมื่อวันที่ 2 มี.ค.2561 นายวรพจน์ ยศะทัตต์ หรือเสี่ยเช ตัวแทนขายเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดยี่ห้อ CTX ในประเทศไทย ให้สัมภาษณ์ยืนยันสำนักข่าวอิศรา ว่า ร่างทีโออาร์ประมูลงานโครงการนี้ที่ออกมาใหม่ ไม่ได้มีอะไรแตกต่างจากร่างเดิมที่ตนเคยทำหนังสือร้องเรียนไปยังผู้บริหาร ทอท. ร่วมไปถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และในรัฐบาล ที่ยังคงมีลักษณะกีดกันไม่ให้เครื่อง CTX เข้าไปร่วมประมูลได้ เนื่องจากปัจจุบันบริษัทที่ขายเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดของโลกเจ้าใหญ่ มีอยู่ 2 ค่าย คือ CTX และอีกยี่ห้อหนึ่ง การที่ไปกำหนดว่า จะต้องเป็นผู้จำหน่ายเครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิด รุ่นที่มีความเร็วสายพานไม่น้อยกว่า 0.5 เมตรต่อวินาที ที่ได้รับการรับรองจากTSA ดังกล่าว จะทำให้ CTX ไม่ผ่านคุณสมบัติทันที เนื่องการทดสอบคุณภาพของเครื่องCTX ในปัจจุบันอยู่ไม่เกิน 0.3 เมตรต่อวินาที และอาจทำให้บริษัทคู่แข่งอีกค่าย สามารถเข้าร่วมประมูลงานได้โดยปริยาย
นายวรพจน์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ดี การกำหนดคุณสมบัติแบบนี้ แม้ว่า CTX จะเข้าไปไม่ได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าบริษัทคู่แข่งอีกค่าย จะผ่านการคัดเลือกได้ง่ายๆ เหมือนกัน เพราะในข้อเท็จจริง การทดสอบเครื่องที่ความเร็วระบบสายพานที่ 0.5 ยังมีปัญหาอยู่ ข้อมูลที่ไปอ้างว่าผ่านการทดสอบรับรองผลแล้วไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ยังเป็นข้อมูลในระดับการทดลองในห้องปฏิบัติการเท่านั้น ขณะที่ในส่วนของสหรัฐก็มีการตรวจสอบพบว่าเครื่องในระดับความเร็วนี้ของคู่แข่ง ยังใช้งานไม่มีประสิทธิภาพจริง โดยเฉพาะการตรวจสอบวัตถุระเบิด ความเร็วที่มีมากส่งผลทำให้เกิดปัญหาการหลุดรอดการตรวจสอบได้ ซึ่งสหรัฐให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก นั้นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ สนามบินในสหรัฐส่วนใหญ่ ยังคงนิยมใช้งานเครื่อง CTX อยู่ในปัจจุบันเพราะทำงานตอบสนองความต้องการได้ดีกว่า ทั้งเรื่องประสิทธิภาพการทำงานกับระดับความเร็วที่เหมาะสม และความสะดวกสบายของผู้ใช้บริการ
"เรื่องความเร็วระดับสายพาน 0.5 นั้น CTX ไม่เคยส่งเครื่องเข้าไปทดสอบ เพราะเรารู้อยู่แล้วว่า ส่งไปทดสอบก็ไม่ผ่าน และนั้นเป็นเหตุผลว่าทำไม เครื่องCTX ถึงยังไม่ผ่านการอนุมัติในระดับ 0.5 เมตรดังกล่าว แต่เครื่องยี่ห้ออื่น ที่ไปบอกว่าผ่านแล้ว ทำได้ ผมขอท้าทอท.ให้ไปดูข้อมูลจริงๆ ว่า มันเป็นแบบนั้นตามที่พูดไหม มีหลายเรื่องที่ยังไม่ถูกเปิดเผยออกมา มีข้อมูลยืนยันได้ จากรายงานลับผลการเดินทางไปดูของเจ้าหน้าที่หน่วยงานแห่งหนึ่ง เกี่ยวกับผลการทดสอบเครื่องมือในต่างประเทศมาแล้ว แต่มีการปกปิดข้อมูลไว้ ไม่ยอมนำมาเปิดเผยต่อสาธารณะ" นายวรพจน์ กล่าว
และว่า "ผมขอท้าให้ผู้บริหารทอท. มาถกเถียงข้อมูลกับผมได้ทุกเรื่อง ทุกที่ทุกเวลาเหมือนเดิม โดยเฉพาะเรื่องของศักยภาพเครื่อง CTX ซึ่งปัจจุบันใช้งานอยู่ในสุวรรณภูมิตลอด ไม่เคยมีปัญหาอะไรเลย แถมยังเป็นเครื่องที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมจะต้องทำกันแบบนี้ ทำไมต้องพยายามไปอ้างเงื่อนไขเรื่องความเร็ว 0.5 ด้วย ทั้งที่ มันยังทำไม่ได้ และยังไม่ได้การยอมรับในสังคมโลกเลย และผมอยากท้าสื่อมวลชน ให้มาตรวจสอบการทำงานของเครื่องCTX ได้เลย ว่าที่ผ่านมาเป็นอย่างไร ขณะที่เครื่องตรวจยี่ห้ออื่น ที่ทอท. เคยซื้อมาใช้เหมือนกัน กลับพบว่า มีปัญหาอยู่ตลอด ซึ่งเรื่องนี้อย่าเชื่อผม ขอให้มาตรวจสอบข้อมูลเอง แล้วจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ตอนนี้ข่าวหวย 30 ล้าน เสือดำ จบไปแล้ว ก็หวังว่าเรื่องการจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิดซึ่งเป็นเรื่องสำคัญของประเทศอย่างมาก สื่อน่าจะหันมาสนใจกันด้วย"
นายวรพจน์ ยังยืนยันว่า อีกจุดสำคัญในการประมูลงานโครงการนี้ที่ต้องจับตามอง คือ การนำสายพานระดับความเร็วมาผูกติดกับงานจัดซื้อเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด เพราะเป็นที่รับทราบกันดีในกลุ่มผู้ประกอบการว่า ใครเป็นบริษัทเจ้าใหญ่ในไทยที่เข้าไปรับงานสายพานลำเลียงกระเป๋าในทอท.จำนวนมาก ได้งานไปหลายพันล้านบาท บริษัทที่ทำระบบสายพานลำเลี่ยงได้มีกี่เจ้ากัน และก็เป็นที่รับรู้กันทั่วไปว่า ตัวแทนจำหน่ายเครื่องตรวจวัตถุระเบิดอีกค่าย ที่ไม่ใช่ CTX ก็เป็นพรรคพวกเดียวกันหมด ถามว่า ถ้าคนอื่นที่ไม่ใช่พรรคพวกหรืออยู่ในกลุ่มเขาไปขอใบอนุญาตเป็นตัวแทน เขาจะให้ เขาจะช่วยเหลือกลุ่มไหนกันก่อน ซึ่งการที่มากำหนดคุณสมบัติงานแบบผูกตัดไม่แยกกัน แบบนี้ มันถูกต้องแล้วหรือ และการที่นำงานสองส่วนมาผูกร่วมกัน ก็ยิ่งทำให้ต้องใช้งบประมาณที่มาจากเงินภาษีประชาชนมากขึ้นกว่าเดิมไปอีก ประชาชนคนไทย มีแต่เสียหาย
"ที่น่าสังเกตอีกเรื่องหนึ่ง คือ ในการจัดทำราคากลางจัดซื้อเครื่องตรวจระเบิดกับสายพานลำเลียงวงเงิน 2.8 พันล้านบาท ที่ประกาศออกมาบริษัทที่ปรึกษาที่รับจ้างจัดทำทีโออาร์ จ่ายเงินไปกว่า 50 ล้าน ไม่เคยมาสอบถามราคาเครื่องCTX จากบริษัทผม ที่เคยจัดซื้อไปแล้ว มาเปรียบเทียบข้อมูลด้วยเลย ไม่รู้ว่าไปเอาราคาเงินจากไหนมาใช้บ้าง ทำไมทอท.ถึงต้องเชื่อและใช้งานบริษัทนี้ด้วย ซึ่งขณะนี้ผมและทีมงานกำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล และในการเปิดรับฟังคำวิจารณ์ร่างทีโออาร์ จะเข้าไปร่วมแสดงความเห็นด้วยอย่างแน่นอน" นายวรพจน์ระบุ
สำนักข่าวอิศรา รายงานว่า ได้พยายามติดต่อ นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนายการใหญ่ บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ทอท. ให้ชี้แจงข้อมูลอีกด้านแล้ว แต่นายนิตินัย แจ้งว่าอยู่ต่างประเทศ จะเดินทางกลับมาประเทศไทยในช่วงสัปดาห์หน้านี้