หวั่นสถานการณ์ชายแดนใต้ "ไม่เอื้อ" ต่อกระบวนการสันติภาพ
คณะทำงานวาระผู้หญิงชายแดนใต้ หรือ PAOW ทำจดหมายถึงหัวหน้าคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ ขอให้ปรึกษาหารือเพื่อร่วมกันหาทางออกให้เกิดสภาวะแวดล้อมที่เอื้อต่อกระบวนการสันติภาพ หลังสถานการณ์ ณ ปัจจุบันมีหลายเรื่อง "ไม่เอื้อ" ต่อแนวทางสันติวิธี
เมื่อเร็วๆ นี้ คณะทำงานวาระผู้หญิงชายแดนใต้ (Peace Agenda of Women; PAOW) ได้ทำจดหมายถึง พล.อ.อักษรา เกิดผล หัวหน้าคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ ขอให้ปรึกษาหารือเพื่อร่วมกันหาทางออกให้เกิด "สภาวะแวดล้อมที่เอื้อต่อกระบวนการสันติภาพ"
จดหมายที่ทำถึงหัวหน้าคณะพูดคุยฯ ระบุว่า คณะทำงานวาระผู้หญิงชายแดนใต้ ซึ่งประกอบด้วยสมาชิกกลุ่มหรือองค์กรผู้หญิงภาคประชาสังคมทั้งชาวพุทธและชาวมุสลิม ที่ทำงานสนับสนุนกระบวนการสร้างสันติภาพในจังหวัดชายแดนภาคใต้รวม 23 กลุ่ม/องค์กร ได้ให้ความสนใจและติดตามสถานการณ์การพูดคุยระหว่างตัวแทนรัฐบาลไทย และกลุ่ม "มารา ปาตานี" อย่างใกล้ชิด เนื่องจากเห็นว่าเป็นแนวทางสำคัญที่เป็นสันติวิธีที่จะช่วยคลี่คลายสถานการณ์ในพื้นที่ และได้ทราบว่าการพูดคุยมีความก้าวหน้ามากพอสมควร โดยคู่พูดคุยได้มีการเลือก "อำเภอนำร่อง" พื้นที่ปลอดภัยแล้ว และกำลังเตรียมการเพื่อที่จะสร้างพื้นที่ปลอดภัยตามแผนที่ได้ตกลงร่วมกัน
คณะทำงานวาระผู้หญิงชายแดนใต้ เห็นว่ากระบวนการพูดคุยและการสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้ประสบความสำเร็จและได้รับการสนับสนุนจากชุมชน สังคม จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมี "สภาวะแวดล้อมที่เอื้อต่อกระบวนการสันติภาพ" แต่ในขณะนี้กลับพบว่า สภาวะแวดล้อมในหลายๆ ด้านในพื้นที่มีความน่าห่วงใย และไม่เอื้อต่อกระบวนการสันติภาพเท่าที่ควรจะเป็น อาทิ การใช้ปฏิบัติการทางทหารด้วยการปิดล้อมตรวจค้นหมู่บ้านและกลุ่มคนเป็นจำนวนมากแบบเหวี่ยงแห, การใช้กฎอัยการศึกตรวจค้นบ้านพักของผู้หญิงที่เป็นนักปกป้องสิทธิมนุษยชน, การฟ้องร้องนักปกป้องสิทธิมนุษยชนและสื่อมวลชนที่รายงานหรือพูดถึงเรื่องการซ้อมทรมาน, การใช้พฤติกรรมและท่าทีที่แข็งกร้าวในการแก้ปัญหาที่สุ่มเสี่ยงต่อการหันเหไปจากแนวทางสันติวิธีที่เป็นนโยบายหลักของรัฐบาล, การไม่มีพื้นที่ทางการเมืองให้กลุ่มคนที่มีความเห็นต่างได้แสดงออกอย่างเสรีและปลอดภัย, การก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่สาธารณะต่างๆ ที่สร้างผลกระทบต่อผู้หญิง เด็ก และพลเรือน เช่น กรณีเหตุระเบิดในตลาด เส้นทางใกล้สถานศึกษา กราดยิงโรงพยาบาล เป็นต้น รวมทั้งดูเหมือนว่าจะมีการพุ่งเป้าทำร้ายโจมตีประชาชนบางกลุ่ม โดยเฉพาะที่เป็นชาวพุทธ
หากปล่อยให้มีการใช้ปฏิบัติการทางทหารและความรุนแรงตอบโต้กันไปมาเช่นนี้ระหว่างคู่ขัดแย้ง หรืออาจจะเป็นการผสมโรงใช้ความรุนแรงจากบุคคลหรือกลุ่มอื่นใดอีกก็แล้วแต่ ก็รังแต่จะทำให้เกิดความรุนแรงที่กลายเป็นวงจรไม่มีวันสิ้นสุด และส่งผลกระทบต่อเด็ก ผู้หญิง และพลเรือนที่ไม่ใช่คู่ขัดแย้งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะผู้หญิงที่ต้องแบกรับผลกระทบจากทุกกรณี นอกจากนั้น ยังเป็นอุปสรรคสำคัญที่จะฉุดรั้งการพูดคุยและการสร้างพื้นที่ปลอดภัย ไม่ให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างราบรื่น รวมทั้งได้รับการยอมรับจากประชาสังคม ชุมชน และสังคม
ด้วยเหตุนี้ คณะทำงานวาระผู้หญิงชายแดนใต้จึงขอให้ท่าน (หัวหน้าคณะพูดคุยฯ) ได้โปรดพิจารณาข้อกังวลและห่วงใยของคณะทำงานฯ ไปปรึกษาหารือในระหว่างการพูดคุย เพื่อหาทางออกร่วมกัน ที่จะช่วยกันทำให้สภาวะแวดล้อมในพื้นที่เอื้อ ส่งเสริม และสนับสนุนต่อกระบวนการสันติภาพได้อย่างแท้จริง
ก่อนหน้านี้ คณะทำงานวาระผู้หญิงชายแดนใต้เคยเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นของผู้หญิงชาวพุทธและมุสลิมในชุมชนที่ได้รับผลกระทบ และภาคประชาสังคมในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 380 คน จาก 5 เวที (ในช่วงเดือนพ.ย.59 - ส.ค.60) เพื่อรับฟังข้อห่วงใยและข้อเสนอของผู้หญิงต่อการสร้างสภาวะแวดล้อมที่เอื้อต่อกระบวนการสันติภาพ พบว่ามี 4 เรื่องสำคัญ ประกอบด้วย 1.ความปลอดภัย 2.ความเป็นธรรม กระบวนการยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน 3.เศรษฐกิจ และ 4.การอยู่ร่วมกันในสังคม พหุวัฒนธรรม
----------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : คณะทำงานวาระผู้หญิงชายแดนใต้ ยื่นหนังสือถึงตัวแทนคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขฯ
อ่านประกอบ : "ผู้หญิงชายแดนใต้"รวมพลังสื่อสารผ่านโซเชียลฯ ขอพื้นที่สาธารณะปลอดภัย