บิ๊ก ธ.ออมสินแพ้อีกคดี!ปมให้ทำงานจนถึงหกโมงเย็น-ยื่นฟ้องศาลอาญาทุจริตฯ 13 คน
คดีที่สอง ปมพิพาท ธ.ออมสิน! นิติกรยื่นฟ้องศาลอาญาทุจริตฯ กล่าวโทษผู้บริหาร ระดับเขต- ผู้ช่วยฯ-ผอ.ใหญ่ กราวรูด 13 คน หลังชนะในศาลแรงงาน ปมถูกย้ายไม่เป็นธรรม สั่งให้ทำงานจนถึงหกโมงเย็น ไม่ปฏิบัติตามต้องดูแลแม่ป่วย ถูกแกล้ง ลดตำแหน่ง ล่าสุดมีคำสั่งเป็นพนักงานสนับสนุนธุรกิจ นัดไต่สวนมูลฟ้อง 26 เม.ย.นี้
ปัญหาพิพาทระหว่างผู้บริหาร ธนาคารออมสิน กับ พนักงาน นำไปสู่การฟ้องร้องมิใช่มีแค่ กรณีนางสีชมภู จักรวาลอาชาชาติ รองผู้อำนวยการฝ่าย ส่วนการตลาดสินเชื่อธุรกิจ SMEs ศูนย์ธุรกิจสินเชื่อภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สายงานการตลาด (รองผู้อำนวยการฝ่ายศูนย์ธุรกิจลูกค้า SMEs 4 ภาคขอนแก่น สายงานลูกค้าธุรกิจ SMEs กลุ่มลูกค้าธุรกิจภาครัฐ) ไปดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการฝ่ายสายงานลูกค้าธุรกิจ SMEs กลุ่มลูกค้าธุรกิจและภาครัฐ ประจำสำนักงานใหญ่ และในวันที่ 13 ส.ค. 2558 ผู้อำนวยการธนาคารออมสินได้มีคำสั่งอีกครั้ง ย้าย นางสีชมภู ไปดำรงตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญสายงานบริหารทรัพยากรบุคคล กลุ่มทรัพยากรบุคคล ประจำสำนักงานใหญ่ ช่วยปฎิบัติงาน ณ ธนาคารออมสินภาค 11 ขอนแก่น กระทั่งศาลแรงงานกลาง มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 21 ก.ย.2560 ให้ธนาคารออมสินเพิกถอนคำสั่งดังกล่าวและ ให้บรรจุแต่งตั้ง นางสีชมภูในตำแหน่งเดิม หรือตำแหน่งที่สูงกว่าเดิมและชำระเงิน 300,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษาเป็นต้นไปจนกว่าชำระเสร็จ (คดีหมายเลขแดงที่ 2618/2560) ตามที่สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานก่อนหน้านี้ (อ่านประกอบ:บิ๊ก ธ.ออมสินแพ้คดีย้าย รอง ผอ. 2 ครั้งใน 15 วัน ปมรายงานหนี้ลูกค้า ศาลสั่งชดใช้ 3 แสน)
ล่าสุดเกิดคดีพิพาทอีกหนึ่งคดี เมื่อวันที่ 17 ต.ค.2560 น.ส.นคินทร ปันทวังกูร พนักงาน นิติกร 7 ธนาคารออมสิน เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 กล่าวโทษ นางพัชลีพร วรวิบูลย์สวัสดิ์ ผู้อำนวยการธนาคารออมสินภาค 11 นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการ ธนาคารออมสิน กับพวก 13 คน ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-13 ข้อหาหรือฐานความผิด เป็นเจ้าพนักงานของรัฐร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ อันเนื่องมาจากโยกย้ายโจทก์ไม่เป็นธรรม ลดตำแหน่งและเป็นการผิดสภาพการจ้าง โดยมีชนวนเหตุมาจากจำเลยที่ 1 สั่งการด้วยวาจาให้พนักงานของธนาคารทำงานหลังเลิกงานจนถึงเวลา 18.00 น. แต่โจทก์มีภาระต้องดูแลมารดาที่ป่วยเป็นโรคพาร์กินสันและอัลไซเมอร์ อยู่บ้านคนเดียว ทำให้ไม่สามารถปฏิบัติตามคำสั่งได้ สร้างความไม่พอใจให้แก่จำเลยที่ 1 และเป็นเหตุแห่งการโยกย้าย ออกจากตำแหน่งเดิมคือ นิติกร 7 สังกัดหน่วยธุรกิจ ธนาคารออมสิน ภาค 11 ไปอยู่ในตำแหน่ง นิติกร 7 สังกัด หน่วยบริหารคดี ธนาคารออมสินเขต ขอนแก่น 1 อันเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ผิดสภาพการจ้าง ลดตำแหน่งของโจทก์ลงจากเดิม และลักษณะงานที่ด้อยและต่ำลงกว่าตำแหน่งเดิม
คำฟ้องระบุว่า ก่อนหน้านี้ โจทก์ได้นำเรื่องฟ้องต่อศาลแรงงานภาค 4 ดำเนินคดีกับจำเลยที่ 1 นายชาติชาย จำเลยที่ 3 และธนาคารออมสิน เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.2559 ศาลแรงงานได้พิพากษาให้โจทก์เป็นฝ่ายชนะคดีระบุว่า เป็นการโยกย้ายที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่เป็นธรรมเป็นการลดตำแหน่ง ไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์ และให้โยกย้ายโจทก์กลับไปตำแหน่งเดิม (คดีหมายเลขแดงที่ 222/2559)
คำฟ้องระบุว่า จนถึงปัจจุบัน ธนาคารออมสินก็ไม่ดำเนินการย้ายโจทก์กลับตำแหน่งเดิมแต่อย่างใด และต่อมาเมื่อวันที่ 13 มิ.ย.2560 จำเลยที่ 3 ได้มีคำสั่งย้ายโจทก์ไปดำรงตำแหน่งพนักงานสนับสนุนธุรกิจ 7 หน่วยธุรกิจ ธนาคารออมสินภาค 11 สายงานกิจการ สาขา 4 ขึ้นตรงต่อผู้อำนวยการธนาคารออมสิน โดยอ้างว่าเพื่อความเหมาะสม การโยกย้ายดังกล่าวจึงเป็นการไม่ยอมปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลแรงงาน ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่เป็นธรรม กลั่นแกล้ง ลดตำแหน่ง ผิดสภาพการจ้าง และไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์
ล่าสุด น.ส.นคินทร เปิดเผยว่า หลังจากยื่นฟ้องผู้เกี่ยวข้องทั้ง 13 คนต่อศาลอาญาคดีทุจริตฯ ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 26 เม.ย.นี้ ต้องรอดูผลต่อไป ในส่วนคดีที่ฟ้องศาลแรงงานก่อนหน้านี้ หลังจากศาลแรงงานมีคำพิพากษาให้ธนาคารออมสินคืนตำแหน่งให้แก่ตน จนถึงขณะนี้ทางธนาคารไม่ได้ทำตามคำสั่งศาลแรงงาน