- Home
- Isranews
- ข่าว
- บิ๊ก ธ.ออมสินแพ้คดีย้าย รอง ผอ. 2 ครั้งใน 15 วัน ปมรายงานหนี้ลูกค้า ศาลสั่งชดใช้ 3 แสน
บิ๊ก ธ.ออมสินแพ้คดีย้าย รอง ผอ. 2 ครั้งใน 15 วัน ปมรายงานหนี้ลูกค้า ศาลสั่งชดใช้ 3 แสน
ศาลแรงงานกลางให้ ธ.ออมสินแพ้คดีโยกย้าย รอง ผอ.ฝ่ายธุรกิจสินเชื่อภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2 ครั้งใน 15 วัน ไม่เป็นธรรม สั่งคืนตำแหน่ง พร้อมชดใช้ 3 แสน หลังยื่นฟ้องธนาคาร พ่วง ผอ. ปมรายงานความคืบหน้าภาระหนี้ของลูกค้า ล่าสุดให้กลับที่เดิม เจ้าตัวร้องเสียโอกาสก้าวหน้า 2 ปี ตอนนี้ยังไม่ได้เงินเยียวยา
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 21 ก.ย.2560 ศาลแรงงานกลาง มีคำพิพากษา ให้ธนาคารออมสินเพิกถอนคำสั่ง กรณี ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน มีคำสั่ง ย้าย นางสีชมภู จักรวาลอาชาชาติ รองผู้อำนวยการฝ่าย ส่วนการตลาดสินเชื่อธุรกิจ SMEs ศูนย์ธุรกิจสินเชื่อภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สายงานการตลาด (รองผู้อำนวยการฝ่ายศูนย์ธุรกิจลูกค้า SMEs 4 ภาคขอนแก่น สายงานลูกค้าธุรกิจ SMEs กลุ่มลูกค้าธุรกิจภาครัฐ) ไปดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการฝ่ายสายงานลูกค้าธุรกิจ SMEs กลุ่มลูกค้าธุรกิจและภาครัฐ ประจำสำนักงานใหญ่ และในวันที่ 13 ส.ค. 2558 ผู้อำนวยการธนาคารออมสินได้มีคำสั่งอีกครั้ง ย้าย นางสีชมภู ไปดำรงตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญสายงานบริหารทรัพยากรบุคคล กลุ่มทรัพยากรบุคคล ประจำสำนักงานใหญ่ ช่วยปฎิบัติงาน ณ ธนาคารออมสินภาค 11 ขอนแก่น
โดยให้ธนาคารออมสินบรรจุแต่งตั้ง นางสีชมภูในตำแหน่งเดิม หรือตำแหน่งที่สูงกว่าเดิมและให้ธนาคารชำระเงิน 300,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษาเป็นต้นไปจนกว่าชำระเสร็จ (คดีหมายเลขแดงที่ 2618/2560)
สำนักข่าวอิศรารายงานว่า สืบเนื่องจาก นางสีชมภู จักรวาลอาชาชาติ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ธนาคารออมสิน และ นายชาติชาย พยุหนาวีชัย เป็นจำเลยที่ 1-2 ฟ้องว่า โจทก์ เป็นพนักงานของจำเลยที่ 1 มาเป็นเวลา 34 ปี เคยดำรงตำแหน่งผู้จัดการสาขา ต่อมาโจทก์สอบแข่งขันและได้รับการบรรจุแต่งตั้งเป็นรองผู้อำนวยการฝ่าย ส่วนการตลาดสินเชื่อธุรกิจ SMEs ศูนย์ธุรกิจสินเชื่อภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สายงานการตลาด (รองผู้อำนวยการฝ่ายศูนย์ธุรกิจลูกค้า SMEs 4 ภาคขอนแก่น สายงานลูกค้าธุรกิจ SMEs กลุ่มลูกค้าธุรกิจภาครัฐ) ตามคำสั่ง บค.2 (1) – 22/2557 เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2557
ต่อมาวันที่ 29 ก.ค. 2558 จำเลยที่ 2 ในฐานะผู้อำนวยการของจำเลยที่ 1 ได้มีคำสั่ง บค.-10/2558 ย้ายโจทก์ไปดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการฝ่ายสายงานลูกค้าธุรกิจ SMEs กลุ่มลูกค้าธุรกิจและภาครัฐ ประจำสำนักงานใหญ่ และในวันที่ 13 ส.ค. 2558 จำเลยที่ 2 ได้มีคำสั่ง บค.2(2) – 27/2558 ย้ายโจทก์ไปดำรงตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญสายงานบริหารทรัพยากรบุคคล กลุ่มทรัพยากรบุคคล ประจำสำนักงานใหญ่ ช่วยปฎิบัติงาน ณ ธนาคารออมสินภาค 11 ขอนแก่น การโยกย้ายโจทก์ทั้งสองครั้งเป็นการโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรม ตำแหน่งรองผู้อำนวยการฝ่ายสายงานลูกค้าธุรกิจ SMEs กลุ่มลูกค้าธุรกิจและภาครัฐ ประจำสำนักงานใหญ่ เป็นตำแหน่งที่ไม่มีอำนาจบริหารใดๆหรือเรียกว่า ตำแหน่งแขวนลอย และเมื่อโจทก์มาดำรงตำแหน่งดังกล่าวแล้วจำเลยที่ 2 ไม่ได้มอบหมายงานให้โจทก์ทำและไม่ได้จัดที่นั่งหรือสถานที่ทำงานให้โจทก์ การย้ายโจทก์จากตำแหน่งรองผู้อำนวยการฝ่าย ส่วนการตลาดสินเชื่อธุรกิจ SMEs ศูนย์ธุรกิจสินเชื่อภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สายงานการตลาด ไปดำรงตำแหน่ง รองผู้อำนวยการฝ่ายสายงานลูกค้าธุรกิจ SMEs กลุ่มลูกค้าธุรกิจและภาครัฐประจำสำนักงานใหญ่ ห่างกันเพียง 15 วัน ก็โยกย้ายโจทก์จากตำแหน่ง กลุ่มบริหารระดับกลางเป็นกลุ่มวิชาการ เป็นการย้ายข้ามกลุ่มทั้งไม่ปรากฏในระเบียบคำสั่งของจำเลยที่ 1 มาก่อน โจทก์ก็ได้รับมอบหมายหน้าที่การงานให้ทำต่ำกว่าตำแหน่งหน้าที่ที่ดำรงอยู่หรือเคยดำรงอยู่โดยให้ไปช่วยงานผู้ช่วยอำนวยการธนาคารออมสินภาค 11 ขอนแก่น ซึ่งตำแหน่งผู้ช่วยผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ภาค 11 ขอนแก่น มีตำแหน่งเทียบเท่าผู้ช่วยผู้จัดการสาขาของจำเลยที่ 1 ซึ่งมีตำแหน่งต่ำกว่าโจทก์ หรือตำแหน่งที่โจทก์เคยดำรงมาก่อน ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายต่อชื่อเสียง เกียรติยศ ความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ได้รับความอับอายต่อเพื่อนร่วมงานและลูกค้าที่เคยติดต่อโจทก์ ทำให้ผู้เกี่ยวข้องเข้าใจว่าโจทก์กระทำผิดวินัย และอยู่ระหว่างถูกลงโทษเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์จึงขอค่าเสียหายเป็นเงิน 3,000,000 บาท ขอให้เพิกถอนคำสั่งของจำเลยทั้งสองที่ บค.10/2558 และ บค.2 (2)-2/2558 และบรรจุแต่งตั้งโยกย้ายโจทก์ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการฝ่ายศูนย์ธุรกิจลูกค้า SMEs 11 ภาคขอนแก่น สายงานลูกค้าธุรกิจ SMEs กลุ่มลูกค้าธุรกิจและภาครัฐ หรือตำแหน่งที่สูงกว่าเดิม ให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 3,000,000 บาท
ขณะที่จำเลยอ้างว่า ปรับปรุงโครงสร้างหน่วยงาน เพื่อความเหมาะสมและประสิทธิภาพในการบริหารงาน ไม่ขัดระเบียบของธนาคาร ความเสียหายที่โจทก์อ้างเป็นการคิดไปเอง การแต่งตั้งโยกย้ายเป็นการใช้อำนาจบริหาร
ศาลเห็นว่า แม้นายจ้างจะมีอำนาจบริหารในการโยกย้ายตำแหน่งงานของลูกจ้างเพื่อให้เหมาะสมแก่งาน เพื่อให้การทำงานของลูกจ้างมีประสิทธิภาพแต่ก็ต้องมิใช่การเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างที่ไม่เป็นคุณ ทั้งการย้ายนั้นต้องไม่เป็นการลดตำแหน่งหรือค่าจ้างของลูกจ้าง และที่สำคัญต้องไม่เป็นการกลั่นแกล้งลูกจ้างด้วย มิฉะนั้นแล้วย่อมถือว่าเป็นการประพฤติผิดสภาพการจ้าง
การที่จำเลยที่ 2 มีคำสั่งธนาคารออมสินเฉพาะที่ บค.-10/2558 เรื่องจัดพนักงานลงหน่วยงานตามโครงสร้างฯที่ปรับปรุงใหม่ให้โจทก์ รองผู้อำนวยการฝ่ายศูนย์ธุรกิจลูกค้า SMEs 4 ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการ ฝ่ายสายงานลูกค้าธุรกิจ SMEs กลุ่มลูกค้าธุรกิจและภาครัฐ อันเป็นตำแหน่งที่เทียบเท่ากัน แม้ไม่ได้ลดค่าจ้างแต่ก็เป็นตำแหน่งที่ไม่มีผู้ใต้บังคับบัญชาต่างจากตำแหน่งเดิม อันเรียกว่าตำแหน่งลอย คำสั่งดังกล่าวจึงเป็นการกลั่นแกล้งโจทก์อันสืบเนื่องมาจากการที่โจทก์รายงานความคืบหน้าภาระหนี้ของลูกค้าของจำเลยที่ 1 เพื่อประโยชน์ของจำเลยที่ 1
ขณะที่ นางสีชมภู จักรวาลอาชาชาติ เปิดเผยสำนักข่าวอิศราว่า หลังจากศาลแรงงานพิพากษาให้ตนชนะคดี ทางธนาคารได้ยื่นอุทธรณ์ แต่ศาลไม่รับอุทธรณ์ ตอนนี้ธนาคารได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของศาลแต่ยังไม่ทราบผล
นางสีชมภู เปิดเผยว่า ในส่วนของการดำเนินการตามคำสั่งศาลนั้น ล่าสุด เมื่อวันที่ 9 ก.พ.2561 นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน มีคำสั่งย้ายตนกลับไปดำรงตำแหน่งเดิมคือ รองผู้อำนวยการฝ่าย ศูนย์ธุรกิจลูกค้า SMEs 11 ฝ่ายบริหารศูนย์ธุรกิจลูกค้า SMEs สายงานลูกค้าธุรกิจ SMEs กลุ่มลูกค้าธุรกิจและภาครัฐ ตั้งแต่วันที่ 9 ก.พ.2561 เป็นต้นไป ส่วนเงินชดเชยจำนวน 300,000 บาท ผ่านมาหลายเดือน จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับแต่อย่างใด
“ดิฉันดำเนินคดีเสียเวลามาสองปีครึ่ง ทั้งถูกกลั่นแกล้งจากผู้มีอำนาจ เสียชื่อเสียง สูญเสียโอกาสก้าวหน้าในหน้าที่การงานเพราะไม่มีสิทธิสอบเลื่อนตำแหน่งช่วงที่เป็นคดี 2 ครั้งแล้ว การแต่งตั้งโยกย้ายที่ผ่านมา หลายรายพนักงานและลูกจ้างทั่วประเทศเขาทราบกันดี แต่ไม่กล้าลุกขึ้นสู้”นางสีชมภูกล่าว
ขณะที่สำนักข่าวอิศรา ได้ติดต่อไปยัง นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เพื่อให้ชี้แจงข้อเท็จจริงเรื่องนี้ อย่างไรก็ดี เลขานุการหน้าห้องทำงานนายชาติชาย แจ้งให้ทำหนังสือขอสัมภาษณ์เข้าไปเป็นทางการอีกครั้ง