บอร์ด ขสมก. ยันไม่เคยสั่งโละ Cash box แค่เล็งเลิกติดตั้งที่เหลือ 1,800 ตู้
ปธ.บอร์ด ขสมก. ยืนยันไม่มีคำสั่งเลิกใช้เครื่องหยอดเหรียญบนรถเมล์ หลังพบปัญหาใช้ขาดประสิทธิภาพ เผยแค่เล็งยุติการติดตั้งที่เหลือ 1,800 ตู้
กรณีสื่อมวลชนได้นำเสนอข่าวคณะกรรมการบริหารกิจการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (บอร์ด ขสมก.) สั่งให้บริษัท ช ทวี จำกัด (มหาชน) หรือ CHO ยุติการติดตั้งเครื่องเก็บค่าโดยสาร (Cash box) บนรถโดยสารสาธารณะ หลังจากพบปัญหาทางเทคนิค ซึ่งได้ติดตั้งไปแล้วล๊อตแรก 800 คัน จากทั้งหมด 2,600 คัน ตามสัญญานั้น ซึ่งส่วนที่เหลืออีก 1,800 คัน จะเร่งเจรจาเพื่อแก้ไขสัญญา (อ่านประกอบ:ขสมก.เล็งสั่งเลิกติดตั้งเครื่องหยอดเหรียญ cash box บนรถเมล์)
นายณัฐชาติ จารุจินดา ประธานบอร์ด ขสมก. กล่าวยืนยันกับสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ว่า ขสมก.ไม่ได้มีคำสั่งให้เลิกใช้เครื่องเก็บค่าโดยสารที่ติดตั้งไปแล้ว ตามที่มีการนำเสนอพาดหัวข่าวหลายสำนัก แต่จะขอเจรจาแก้ไขสัญญากับบริษัทให้มีการยุติหรือลดจำนวนการติดตั้งจากเดิม ซึ่งพบว่า ขาดประสิทธิภาพในการใช้งาน อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่ถูกนำเสนอออกไปอาจเป็นความเข้าใจผิด
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ นายณัฐชาติ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงกรณีดังกล่าวว่า นอกจากปัญหาทางเทคนิคในการติดตั้งเครื่องเก็บเงินค่าโดยสารแล้ว ยังมีข้อจำกัดในการใช้งาน เช่น ในชั่วโมงเร่งด่วน ที่อาจจะรองรับไม่ไหว จนทำให้เกิดปัญหาจราจรเพิ่ม อีกทั้งเทคโนโลยีจะพัฒนาไปเป็น E-Ticketและบัตรแมงมุม หรือตั๋วร่วมทั้งหมด ภายใน 2 ปี จะไม่มีการใช้เงินสด ทุกอย่างจะใช้บัตรหมด ซึ่งประชาชนจะมีการปรับตัวแล้ว
ทั้งนี้ ขสมก. ได้ทำสัญญาเช่าระบบบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์พร้อมอุปกรณ์ (e-Ticket)กับกลุ่มนิติบุคคลร่วมทำงาน(บ.ช ทวี จำกัด,บ.จัมป์ อัพ จำกัด,บ. เอ็มโอแอล เพย์เมนท์ จำกัด) วงเงิน 1,665 ล้านบาท ระยะเวลา 5 ปี ตั้งแต่ 15 มิ.ย. 60- 15 มิ.ย. 65
ขณะที่ บริษัท ช ทวี จำกัด (มหาชน) ได้จัดตั้งกิจการค้าร่วมกับบริษัทสแกนอินเตอร์ จำกัด (มหาชน) ในนามกลุ่มร่วมทำงาน SCN-CHO เสนอราคาเข้าร่วมโครงการซื้อรถโดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) จำนวน 489 คันด้วย
ภาพประกอบ:เว็บไซต์ข่าวช่อง 8