ยันขบวนการล่า'พะยูน'จว.ตรังมีจริง! เผยผลผ่าพิสูจน์ตายก่อนถูกชำแหละ-อธิบดีลงพื้นที่ด่วน
ผลการผ่าพิสูจน์ 'พะยูน' จว.ตรัง ตายก่อนถูกชำแหละ หลักฐานการผ่าบ่งชี้ชัด ด้าน หน.เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเกาะลิบง ยืนกราน มีขบวนการล่าจริงตามคำ 'อธิบดีกรมอุทยานฯ' ชาวบ้านยังเชื่อมีเงื่อนงำ ปฏิเสธไม่เกี่ยวข้อง -'อธิบดี ลงพื้นที่ด่วน 25 ต.ค.นี้
ผู้สื่อข่าวพิเศษสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าพันธุ์สัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง พบซากพะยูนที่บริเวณป่าโกงกาง บริเวณปากคลองโต๊ะขุน หมู่ที่ 7 ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ทางสังคมในวงกว้างเกี่ยวกับขบวนการล่าพะยูน สอดคล้องกับข้อมูลของนายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ที่ออกมาให้ข่าวก่อนหน้านี้ว่า ขบวนการล่าพะยูนมีอยู่จริง และเป็นต้นเหตุทำให้พะยูนในประเทศไทยเหลือเพียงราว 200 ตัว ขณะที่หลายฝ่ายทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง นักวิชาการ ตลอดจนชาวประมงในพื้นที่ ต่างตั้งข้อสังเกตุถึงลักษณะผิดปกติของการประทุษกรรมที่เกิดขึ้น (อ่านประกอบ : สลด! พบซากพะยูนถูกชำแหละซุกในป่าโกงกางบนเกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง)
ล่าสุด ในช่วงค่ำวันที่ 23 ต.ค.2560 ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตตรัง อ.สิเกา จ.ตรัง ทีมสัตวแพทย์จากศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามัน (ภูเก็ต) กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง นำโดย นายสัตวแพทย์หญิงชวัญญา เจียกวธัญญู และ นายสัตวแพทย์หญิงนัตติญา สังข์ศิริ ได้ร่วมกันผ่าพิสูจน์ซากพะยูนดังกล่าว ที่เหลือเฉพาะส่วนหนังติดไขมันและลำไส้ พร้อมเก็บชิ้นส่วนจากซากไปตรวจสอบต่อยังห้องปฏิบัติการ โดยนายสัตวแพทย์หญิงชวัญญา ระบุว่า เบื้องต้นซากเน่าเละและได้มาไม่ครบ การผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการตายจึงไม่สามารถตอบอะไรได้มากนัก แม้แต่อายุ น้ำหนัก และขนาด รวมทั้งระยะเวลาของการตาย และสาเหตุการตาย
ต่อมาในช่วงบ่ายของวันที่ 24 ต.ค. สัตวแพทย์หญิงพัชราภรณ์ แก้วโม่ง นายสัตวแพทย์ปฎิบัติการ และ สัตวแพทย์หญิงขวัญตา เจียกวธัญญู นายสัตวแพทย์ ประจำศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามัน (จ.ภูเก็ต) ที่เดินทางมาผ่าพิสูตรซากพะยูน ได้มีการทำบันทึกรายงานผลผ่าชันสูตรพะยูน โดยรายงานระบุว่า มีการพบซากพะยูนเกยตื้นเมื่อวันที่ 22 ต.ค. เวลา 18.00น. เป็นพะยูนเพศเมีย อายุเต็มวัย ความยาวประมาณ 215 เซ็นติเมตร น้ำหนักเฉพาะซากประมาณ 90 กิโลกรัม สภาพซากเน่ามาก โดยเจ้าหน้าที่กลุ่มทะเลหายาก ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามัน ได้รับแจ้งจาก นาย สุวิทย์ สารสิทย์ สมาชิกทีมพิทักษ์ดุหยง ว่า พบซากพะยูนเกยตื้นถูกมัดอยู่รวมกับรากโกงกาง บริเวณปากคลองโต๊ะขุน ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง
จากการตรวจสอบพบว่า เป็นพะยูน เพศเมีย โตเต็มวัย สภาพซากเน่ามาก กะโหลก และกระดูกชิ้นต่างๆรวมถึงโคนหางจนถึงปลายหางหายไป เหลือเพียงผิวหนังและลำไส้บางส่วน รอยตัดที่ผิวหนังมีลักษณะเป็นรอยถูกของมีคมตัด
รายงานผลชันสูตรระบุด้วยว่า เจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยฯ ประสานงานกับนายสุวิทย์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง ในการแจ้งความลงบันทึกประจำวัน ณ สภ.กันตัง อ.กันตัง จ.ตรัง พร้อมประสานมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตตรังเก็บรักษาเพื่อชันสูตรซาก โดยเจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าฯ และนายสุวิทย์ ได้เคลื่อนย้ายซากพะยูนไปยัง สภ.กันตัง ด้วยเรือหางยาว และรถยนต์ส่วนบุคคล และได้ขนย้ายซากมาไว้ที่ มทร.ศรีวิชัย วิทยาเขตตรัง และไม่มีการรักษาซากระหว่างการขนย้าย
ทั้งนี้ จากการผ่าพิสูจน์และวิเคราะห์พบว่า ลักษณะภายนอกสภาพซากเน่ามาก กะโหลก และกระดูกชิ้นต่างๆ รวมถึงโคนหางจนถึงปลายหางหายไป เหลือเพียงผิวหนังช่วงครึ่งล่างของลำตัวและลำไส้บางส่วน รอยตัดที่ผิวหนังมีลักษณะเป็นรอยถูกของมีคมตัด บริเวณครีบข้างซ้ายมีเชือกมัดอยู่ ไม่พบบาดแผลที่ชัดเจนบนผิวหนังที่เหลืออยู่ ผลการชันสูตรซาก ผิวหนังและชั้นไขมัน ผิวหนังมีการตัดด้วยของมีคม โดยเหลือเพียงส่วนครึ่งตัวช่วงล่าง และในส่วนของชั้นไขมันมีความหนา 2 เซ็นติเมตร ซึ่งบ่งบอกได้ว่าพยูนดังกล่าวมีสภาพร่างกายค่อนข้างสมบูรณ์ ไม่พบซีสต์ของพยาธิ และตัวพยาธิในชั้นไขมัน บริเวณรอยตัดไม่พบลักษณะของปื้นเลือดออก หรือรอยผิวหนังตลอดแนวรอยตัด รวมถึงครีบด้านซ้ายที่มีเชือกรัด แต่ไม่พบรอยช้ำหรือลักษณะของปื้นเลือดออกใต้รอยรัด บ่งชี้ว่ารอยตัดที่พบเกิดขึ้นภายหลังการตายของพะยูน
ด้านผลชันสูตรระบุ ระบบทางเดินหายใจ ปอดมีลักษณะเน่ามาก เนื้อปอดเละเหลวและเปลี่ยนสี จนไม่สามารถระบุความผิดปกติที่ชัดเจนได้ รวมถึงหลอดลมมีลักษณะถูกตัดด้วยของมีคม จึงทำให้ไม่สามารถตรวจสอบการจมน้ำจากการตรวจฟองอากาศในหลอดลมได้ ส่วนระบบไหลเวียนโลหิต หัวใจสูญหายไป และม้ามมีลักษณะเน่ามากจนไม่สามารถระบุความผิดปกติได้ ระบบทางเดินอาหาร ในกระเพาะอาหารพบอาหารอยู่เต็ม และพยาธิตัวกลมประมาณ 100 ตัว ในส่วนของลำไส้พบว่ามีอาหารที่ย่อยแล้วและอุจจาระตลอดแนวลำไส้ บ่งชี้ว่าพะยูนค่อนข้างสมบูรณ์ ส่วนของตับนั้นได้สูญหายไป ส่วนของตับอ่อน ไม่สามารถระบุความผิดปกติที่ชัดเจนได้เนื่องจากอวัยวะเน่ามาก ระบบการสืบพันธุ์พบส่วนของมดลูกมีลักษณะเจริญเต็มที่ ปีกมดลูกสูญหายไปบางส่วน รวมถึงรังไข่สูญหายไป ระบบขับปัสสาวะ ไม่สามารถระบุความผิดปกติที่ชัดเจนเนื่องจากอวัยวะเน่ามาก
“สรุปสาเหตุการตาย ไม่สามารถระบุสาเหตุได้ เนื่องจากสภาพซากเน่ามาก และอวัยวะภายในเหลวเละ จนไม่สามารถระบุความผิดปกติที่ชัดเจนได้ อย่างไรก็ตาม บริเวณรอยตัดไม่พบลักษณะของปื้นเลือดออก หรือรอยซ้ำใต้ผิวหนังตลอดแนวรอยตัด รวมถึงครีบด้านซ้ายที่มีเชือกรัด ไม่พบรอยซ้ำ หรือลักษณะของปื้นเลือดออกได้รอยรัด บ่งชี้ว่ารอยตัดที่พบเกิดขึ้นภายหลังการตายของพะยูน”รายงานระบุ
ส่วนความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนคดีของสภ.กันตัง ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์สอบถามไปยัง พ.ต.อ.พีระพงษ์ ฉายอรุณ ผกก.สภ.กันตัง ได้รับการยืนยันว่า ต้องรอหลักฐานการผ่าพิสูจน์สาเหตุการตายของพะยูนที่ชัดเจนก่อน ทางตำรวจจึงจะสามารถดำเนินการสืบสวนสอบสวนต่อได้ ขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าแต่ประการใด
อย่างไรก็ตาม มีรายงานข่าวแจ้งว่า ในวันที่ 25 ต.ค.นี้ นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช และคณะจากกรมอุทยานฯ มีกำหนดเดินทางมายังที่ทำการมูลนิธิอันดามัน อ.เมือง จ.ตรัง เพื่อหารือถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งชี้แจงทำความใจกับเครือข่ายประชาชนในจ.ตรังถึงกรณีที่ออกมาให้ข่าวขบวนการล่าพะยูนก่อนหน้านี้ตลอดจนแนวทางการอนุรักษ์พะยูนด้วย
ขณะที่ นายชัยพฤกษ์ วีระวงศ์ หัวหน้าเขตห้ามล่าพันธุ์สัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง กล่าวว่า การพบซากในลักษณะนี้ไม่เคยพบเจอมาก่อน เชื่อว่าเกิดจากฝีมือของขบวนการล่าพะยูนตามกระแสข่าวอย่างแน่นอน อาจเป็นฝีมือของประมงจากพื้นที่ใกล้เคียง ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้ฆ่าพะยูนเพื่อจัดฉากอย่างแน่นอน โดยชาวบ้านเป็นคนไปพบซากพะยูนแล้วแจ้งมายังตน ตนก็แจ้งไปยังกำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ แล้วนำกำลังไปตรวจสอบ และนำซากกลับขึ้นฝั่งเพื่อแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ ตนเข้ามาทำงานในพื้นที่มาประมาณ 6 ปี ร่วมกับชาวบ้านดูแลอนุรักษ์พื้นที่อย่างเต็มที่ จนจำนวนพะยูนเพิ่มขึ้นตามลำดับ ไม่เคยมีความคิดฆ่าพะยูนแน่นอน
ด้านนายกอบัน หวังบริสุทธิ์ ประธานสภา อบต.เกาะลิบง กล่าวว่า พะยูนตัวดังกล่าวลอยตายมาจากข้างนอก มาติดป่าโกงกาง หมู่ 7 และไม่ได้เกิดจากชาวบ้านเกาะลิบงล่าแต่อย่างใด แม้ว่าสภาพซากพบรอยชำแหละจริง แต่ถ้าชาวบ้านเกาะลิบงชำแหละ ตนและผู้นำท้องถิ่นจะต้องทราบ
ส่วนนายอับดุลร่อเหม ขุนรักษา กำนันตำบลเกาะลิบง กล่าวว่า ยืนยันว่าไม่เกิดจากฝีมือของชาวบ้านบนเกาะลิบงอย่างแน่นอน เพราะชาวบ้านรักหวงแหนพะยูนมาก ร่วมกันดูแลรักษาคุ้มครองมาตลอด แต่อาจเกิดจากฝีมือของชาวประมงพื้นที่จากพื้นที่ใกล้เคียง ที่เข้าไปหาปูปลาในพื้นที่แล้วไปพบซากพะยูนตายลอยน้ำมา แล้วถือโอกาสชำแหละเอาชิ้นส่วนไปตามความเชื่อ