สลด! พบซากพะยูนถูกชำแหละซุกในป่าโกงกางบนเกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง
พบซากพะยูนถูกชำแหละซุกในป่าโกงกางบนเกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง หลังกรมอุทยานฯสั่งเข้มลาดตระเวน ชาวบ้านสงสัยจัดฉากหรือไม่ ผวจ.ตรัง-นักวิชาการ ชี้ลักษณะประทุษกรรมผิดสังเกตุหลายประการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงกลางดึกคืนวันที่ 22 ต.ค. 2560 เจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าพันธุ์สัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง นำโดยนายชัยพฤกษ์ วีระวงศ์ หัวหน้าเขตห้ามล่าพันธุ์สัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง พร้อมเจ้าหน้าที่ 12 นาย ได้นำซากพะยูนที่เหลือเฉพาะส่วนหนังและลำไส้ ที่ตรวจยึดได้จากการทำการลาดตระเวนพื้นที่เพื่อดูแลป้องกันขบวนการล่าพะยูนในพื้นที่ตามคำสั่งของนายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ที่ออกมาให้ข่าวก่อนหน้านี้ว่าขบวนการล่าพะยูนมีอยู่จริง
สำหรับการตรวจพบเจ้าหน้าที่ได้พบซากพะยูนที่เหลือเฉพาะส่วนหนังและลำไส้ ถูกทิ้งแขวนไว้ในป่าโกงกาง ที่ปากคลองโต๊ะขุน หมู่ที่ 7 ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง คาดว่าตายมาแล้วประมาณ 2 วัน โดยพะยูนน่าจะมีน้ำหนักไม่ต่ำกว่า 200 กิโลกรัม จึงนำกลับขึ้นฝั่งแล้วเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ สภ.กันตัง เพื่อติดตามหาผู้กระทำความผิดต่อไป
สำหรับซากพะยูนดังกล่าวเจ้าหน้าที่ได้นำส่งไปเก็บรักษาไว้ที่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตตรังต่อไปเพื่อรอการผ่าพิสูจน์
นายชัยพฤกษ์ ระวงศ์ หัวหน้าเขตห้ามล่าพันธุ์สัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง เปิดเผยว่า หลังจากอธิบดีกรมอุทยานฯออกมาให้ข่าวว่ามีการล่าพะยูนเกิดขึ้นจริง จึงได้สั่งการให้ในพื้นที่จัดชุดลาดตระเวนเฝ้าระวัง ป้องกัน ซึ่งทำงานมาตลอด 3 วัน 2 คืน กระทั้งวันที่ 22 ตุลาคม เจ้าหน้าที่ได้พบซากพะยูน มีเฉพาะส่วนหนังและลำไส้ ที่บริเวณป่าโกงกาง ที่ปากคลองโต๊ะขุน หมู่ที่ 7 ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง จึงสามารถยืนยันได้ว่ามีการล่าพะยูน แต่ไม่แน่ใจว่าขบวนการล่าพะยูนจะเอาเนื้อไปบริโภคหรือไม่ ส่วนที่หายไป เช่น ส่วนหัว กระดูก เนื้อ ซึ่งเป็นที่ต้องการตามกระแสข่าวที่เคยมีมา เหลือเฉพาะหนังและลำไส้
“เมื่อปรากฏหลักฐานนี้ ชาวบ้านจะเชื่อได้ว่ามีขบวนการล่าพะยูนจริง ซึ่งเมื่อ 30 ปี มีการกินเนื้อพะยูนจริง เพราะพะยูนมีมากในทะเล จึงคิดว่าพะยูนก็เป็นปลาชนิดหนึ่ง แต่เมื่อมีการออกกฎหมายคุ้มครองในปี 2535 ทำให้เกิดกระแสการอนุรักษ์ การล่าพะยูนจึงหายไป ส่วนที่พบก็มักจะพบซากในสภาพสมบูรณ์ เนื่องจากเกิดจากติดเครื่องมือประมง และในรอบ 6 ปีที่ ที่ผมมารับตำแหน่งหัวหน้าเขตห้ามล่าพันธุ์สัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง ก็พบพะยูนถูกฆ่าชำแหละเนื้อจริงๆในวันนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยพบเห็นซากพะยูนในลักษณะนี้มาก่อน หลังจากนี้จะต้องเพิ่มความเข้มงวดและความร่วมมือจากชาวบ้านให้มากขึ้น เพื่อการป้องกัน เพราะลำพังเจ้าหน้าที่มีประมาณ 50 คนเท่านั้น มีไม่เพียง ขณะนี้พื้นที่ต้องดูแลมากกว่า 200,000 ไร่ เป็นพื้นที่ทางทะเลแสนไร่เศษ ต้องขอกำลังสนับสนับสนุนและงบประมาณเพิ่ม”นายชัยพฤกษ์ ระบุ
ด้านนายศิริพัฒ พัฒกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง กล่าวว่า ถือเป็นข่าวที่น่าเศร้าที่สิ่งมีชีวิตที่หายากในโลกนี้ตายไปอีก 1ตัว แต่ไม่มีใครทราบว่าตายเพราะอะไร แต่ซากที่เจอทำให้เป็นที่แปลกใจว่า มีส่วนที่หายไปและส่วนทีเหลืออยู่ ดูแล้วไม่ค่อยสอดคล้องกับลักษณะการล่า โดยที่ซากพะยูนไปติดอยู่ภายในป่าโกงกาง
ส่วนผศ.ดร.อภิรักษ์ สงรักษ์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ศรีวิจัย วิทยาเขตตรัง นักวิชาการด้านอนุรักษ์พะยูน ระบุว่า กรณีการพบซากพะยูนดังกล่าวเป็นข่าวที่น่าเศร้าใจที่สุด และเป็นสิ่งที่ยืนยันว่ากระบวนการอนุรักษ์ได้ถูกทำลายกำแพงความสำเร็จไปเรียบร้อยแล้ว ซากพะยูนที่พบได้โชว์หลักฐานการเอาเนื้อ กระดูก หัว และชิ้นส่วนสำคัญไปทั้งหมด เหลือร่องรอยที่ยืนยันว่าเป็นพะยูนอีกบางส่วน ตนเคยออกมายืนยันว่าจ.ตรังไม่มีขบวนการล่าพะยูนเพื่อการซื้อขายเนื้อ ซึ่งสวนทางกับข่าวของกรมอุทยานฯที่พบว่ามีข่าวเกิดขึ้นในพื้นที่เกาะลิบง ผลของการเห็นต่างในข้อมูล ทราบว่ามีการลงพื้นที่ของสื่อมวลชน การแถลงข่าวของชุมชน กลุ่มอนุรักษ์ต่างๆ รวมถึงส่วนราชการในพื้นที่ได้ลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ดังนั้น การพบซากพะยูนที่มีการแล่เนื้อและกระดูก จึงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงที่มีข่าวพะยูนร้อนแรงอยู่ จึงเป็นสิ่งผิดปกติ
“ผมจึงขอตั้งคำถามว่า 1.ขบวนการล่าพะยูนมีอยู่จริงใช่หรือไม่ ถ้ามีจริงแสดงว่าคนกลุ่มนี้ไม่เกรงกลัวกฎหมายใดๆ เป็นการทำที่มีความจงใจบางอย่าง
2.ถ้าไม่มีจริง แสดงว่ามีความตั้งใจสร้างเรื่องราวเพื่อวัตถุประสงค์บางอย่าง ที่ใช้พะยูนเป็นเครื่องมือ และซากพะยูนปรากฏหลักฐานว่ามีการผูกซากไว้กับต้นไม้นั้น ผูกเพื่ออะไร ให้คนอื่นมาเจอหลักฐาน
3.เพื่อต้องการแสดงหลักฐานให้เห็นว่าพะยูนมีการถูกล่าใช่หรือไม่
4.ถ้ามีการล่าเพื่อการซื้อขายจริง ตอนนี้เนื้อยังคงอยู่บนเกาะ บ้านใครสักคน ถ้าเรื่องนี้จริงคนอนุรักษ์ต้องรู้
5.ถ้าเป็นการสร้างเหตุการณ์เพื่อผลบางอย่าง เนื้อจะถูกฝังอยู่ไม่ไกลจากที่เกิดเหตุ และชิ้นส่วนพะยูนที่มากขนาดนั้น คิดว่าขบวนการนี้ไม่ได้ทำเพียงคนเดียว แต่ต้องเป็นทีมงาน และวันนี้ไม่ว่าจะเป็นการเกิดขึ้นเพราะการล่าหรือการฆ่าเพื่อเจตนาใดๆ สำหรับกระบวนการอนุรักษ์ทรัพยากรพะยูนที่จังหวัดตรังได้ถูกทำลายความสำเร็จและการทำงานร่วมระหว่างภาคีเครือข่ายสำเร็จลงแล้ว เหตุการณ์ครั้งนี้สร้างความรู้สึกเสียใจให้กับกลุ่มอนุรักษ์และคนตรัง แต่คงจะสร้างความยินดีปรีดาให้กับกลุ่มคนที่ทำเป็นอย่างสูง สุดท้ายตรังยังคงใช้พะยูนเป็นจำเลยในการเรียกร้องเช่นที่หลายคนกล่าวไว้ไม่มีผิด”ผศ.ดร.อภิรักษ์ ระบุ
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ชาวประมงพื้นบ้านทั้งพื้นที่เกาะลิบงและทั่วทั้งจ.ตรังหลายคน ภายหลังทราบข่าวว่า เจ้าหน้าที่พบชิ้นส่วนของพะยูนถูกทิ้งไว้ในป่าโกงกาง ส่วนหัว กระดูก และเนื้อ หายไป ต่างจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นอย่างมาก บ้างก็ตั้งข้อสังเกตุว่าเป็นการจัดฉากของเจ้าหน้าที่หรือไม่ เพราะหากมีการล่าจริง หรือมีการลักลอบเอาเนื้อพะยูนที่ได้จากการตายเพราะเครื่องมือประมง ตามปกติแล้วคนร้ายจะไม่ทิ้งซากไว้ให้เจ้าหน้าที่ไปพบ แม้แต่เลือดของพะยูนก็ไม่มีให้เห็น และพื้นที่ทะเลรวมทั้งป่าชายเลยกว้างใหญ่ไพศาล คนไปพบก็น่าจะเป็นชาวบ้านที่ออกไปหาปลาหาปู ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ไปพบ และกรณีที่เกิดขึ้นมีความสอดคล้องกับในวันที่ 25 ตุลาคมนี้ ที่อธิบดีกรมอุทยานฯมีกำหนดการลงพื้นที่จ.ตรัง เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจกับชาวบ้านกรณีให้ข่าวเรื่องขบวนการล่าพะยูนด้วย ซึ่งหลังจากนี้เครือข่ายประมงพื้นบ้านและชาวบ้านที่เกี่ยวข้องจะมีการนัดประชุมร่วมกันเพื่อวิเคราะห์สถานการณ์