เปิดเช็ค7.3หมื่นล.คดีจีทูจีเก๊!ปธ.ศาลฎีกาชี้ ป.ป.ช.ทำถูกกันเอกชนเป็นพยานสาวตัวการใหญ่
‘สยามอินฯ-เสี่ยเปี๋ยง’ ยกข้อต่อสู้อ้าง ป.ป.ช. เลือกปฏิบัติ ไม่ยอมสอบเอกชนอื่นที่จ่ายแคชเชียร์เช็คเบิกข้าวมาเวียนขายในประเทศ แต่กันไว้เป็นพยานแทน ปูดมูลค่ารวมกว่า 6 หมื่นล้านบาท ปธ.ศาลฎีกา ฟันธง ดำเนินการโดยชอบแล้ว เหตุเพื่อให้สาวถึงตัวการสำคัญ – เปิดครบ 26 เอกชนจ่ายแคชเชียร์เช็ค 7.3 หมื่นล้านคดีจีทูจีเก๊
จากกรณีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาจำคุก นายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ พร้อมอดีตข้าราชการระดับสูงในกระทรวงพาณิชย์ และกลุ่มเอกชนบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือ ‘เสี่ยเปี๋ยง’ และเครือข่าย รวม 15 ราย สั่งชดใช้เงินกว่า 1.69 หมื่นล้านบาท ยกฟ้อง 8 ราย และหลบหนีคำพิพากษา 3 รายนั้น (อ่านประกอบ : INFO:จำแนกครบ17จำเลย-โทษเรียงคนคดีทุจริตข้าวจีทูจีเจ๊งหมื่นล.ยกฟ้อง 8-ออกหมายจับ3)
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบว่า ตามคำวินิจฉัยส่วนตนของนายชีพ จุลมนต์ หนึ่งในองค์คณะผู้พิพากษาคดีนี้ (ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานศาลฎีกา) ได้วินิจฉัยถึงประเด็นปัญหาที่บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด (จำเลยที่ 10) และเครือข่าย ยกขึ้นมาอ้างว่า การไต่สวนของ ป.ป.ช. ดำเนินการโดยมิชอบ ไม่ไต่สวนข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานเกี่ยวกับความบริสุทธิ์ของจำเลย เลือกปฏิบัติไม่ดำเนินคดีแก่ผู้ประกอบการค้าข้าวรายอื่นที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาว่าร่วมกระทำผิดด้วย รวมวงเงินสูงกว่า 6 หมื่นล้านบาท
นายชีพ วินิจฉัยแล้วเห็นว่า เมื่อพิจารณาตามระเบียบของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ว่าด้วยการไต่สวนข้อเท็จจริง พ.ศ.2555 กำหนดให้องค์คณะอนุกรรมการไต่สวนมีอำนาจหน้าที่ในการแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐาน รวมถึงกรณีคณะอนุกรรมการไต่สวนเห็นสมควรเรียกบุคคลใดที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดหรือการกล่าวหาในคดีมาเป็นผู้ให้ถ้อยคำหรือพยาน ให้คณะอนุกรรมการไต่สวนเรียกบุคคลนั้นมาชี้แจงหรือให้ปากคำ รวมถึงกำหนดว่าหากคณะอนุกรรมการไต่สวนเห็นว่า มีเหตุผลอันสมควรตามที่ผู้ถูกกล่าวหาอ้าง ก็อาจพิจารณาให้โอกาสแก่ผู้ถูกกล่าวหาในการชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาหรือนำสืบพยานหลักฐานตามที่ผู้ถูกกล่าวหาร้องขอก็ได้ และกำหนดว่า หากได้ไต่สวนพยานหลักฐานของคู่กรณีทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในคดีและเห็นว่าการไต่สวนข้อเท็จจริงได้ข้อเท็จจริงเพียงพอแล้ว ให้วินิจฉัยผู้ถูกกล่าวหาและผู้ทีเกี่ยวข้องกับการกระทำผิด
ประกอบกันแล้ว เห็นได้ว่า ระเบียบดังกล่าวให้เป็นดุลพินิจของคณะอนุกรรมการไต่สวน ที่จะพิจารณาว่า จะรวบรวมพยานหลักฐานใด อย่างไรบ้าง หาใช่ต้องรวบรวมพยานหลักฐานตามความประสงค์ของผู้ถูกกล่าวหาเสมอไปไม่ เมื่อคดีนี้คณะอนุกรรมการไต่สวนพิจารณาพยานหลักฐานแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงที่ได้ไต่สวนมีเพียงพอที่จะวินิจฉัยมูลความผิดของผู้ถูกกล่าวหาแล้ว จึงเป็นดุลพินิจของคณะอนุกรรมการไต่สวน
ส่วนกรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไม่ดำเนินคดีแก่ผู้ถูกกล่าวหาว่า ร่วมกระทำความผิดโดยกันไว้เป็นพยานนั้น ได้ความว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเมื่อวันที่ 26 ส.ค. 2557 ให้กันนายวรพงศ์ พิชญ์พงศา กรรมการบริษัท นครหลวงค้าข้าว จำกัด นายสุกิจ รัตนาพิทักส์เทพ พนักงานบริษัท นครหลวงค้าข้าว จำกัด และบริษัท แคปปิตัลซีเรียล จำกัด นายสมบัติ เฉลิมวุฒินันท์ กรรมการบริษัท เอเชียโกลเด้นไรซ์ จำกัด นายวศิน ตันวณิชชานนท์ พนักงานบริษัท เอเชียโกลเด้นไรซ์ จำกัด นายไพบูลย์ ควรทรงธรรม กรรมการบริษัท ข้าวไชยพร จำกัด และกรรมการบริษัท ไชยพรไรซ์แอนด์ฟู้ดโปรดักส์ จำกัด นายโชคชัย เศรษฐีวรรณ และนายพงษ์ชัย เศรษฐีวรรณ รวมทั้งนิติบุคคลที่บุคคลดังกล่าวเป็นกรรมการ ไว้เป็นพยาน
เพราะคำให้การของพยานดังกล่าวเป็นประโยชน์ในการพิสูจน์ความผิด และสามารถที่จะใช้เป็นพยานหลักฐานในการวินิจฉัยชี้มูลการกระทำความผิดของผู้ถูกกล่าวหารายอื่น ๆ ที่เป็นตัวการสำคัญได้ หากไม่กันบุคคลดังกล่าวรวมทั้งนิติบุคคลที่บุคคลดังกล่าวเป็นกรรมการไว้เป็นพยานแล้ว พยานหลักฐานที่มีอยู่อาจไม่เพียงพอ และไม่อาจแสวงหาพยานหลักฐานอื่นแทนเพื่อให้เพียงพอแก่การที่จะดำเนินคดีกับผู้ถูกกล่าวหาที่เป็นตัวการสำคัญได้ เป็นไปตามประกาศคณะกรรมการ ป.ป.ช. เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกันบุคคลหรือผู้ถูกกล่าวหาไว้เป็นพยาน ไม่ดำเนินคดี พ.ศ. 2554 ดังนั้นการไต่สวนของ ป.ป.ช. จึงไม่ใช่การเลือกปฏิบัติ และชอบด้วยกฏหมายแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับแคชเชียร์เช็คที่ชำระค่าซื้อข้าวทั้ง 4 สัญญา จากการตรวจสอบของคณะอนุกรรมการไต่สวน ป.ป.ช. พบว่า มาจากธนาคารในประเทศไทยทั้งหมดรวม 6 แห่ง ประกอบด้วยธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และธนาคาร Bank of china สาขาประเทศไทย โดยเงินที่นำมาซื้อแคชเชียร์เช็คมีแหล่งที่มาจากบัญชีธนาคารของเอกชนกลุ่มต่าง ๆ รวม 26 ราย รวมวงเงินกว่า 73,770 หมื่นล้านบาท ได้แก่
1.บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด 186 ฉบับ เป็นเงิน 10,566,997,750 บาท
2.น.ส.เรืองวัน เลิศศรารักษ์ (กรรมการบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด) 55 ฉบับ เป็นเงิน 3,052,870,927 บาท
3.นายนิมล รักดี (เสี่ยโจ คนสนิทนายอภิชาติ จันทร์สกุลพร) 886 ฉบับ เป็นเงิน 22,004,709,351 บาท
4.นายสุธี เชื่อมไธสง (หลบหนีคำพิพากษา) 62 ฉบับ เป็นเงิน 5,599,473,582 บาท
5.นางสุนีย์ จันทร์สกุลพร 13 ฉบับ เป็นเงิน 237,723,830 บาท
6.นายสมยศ คุณจักร (พิพากษายกฟ้อง) 1 ฉบับ เป็นเงิน 10 ล้านบาท
7.บริษัท สิราลัย จำกัด (ปัจจุบันคือบริษัท กีธาพร็อพเพอร์ตี้ส์ จำกัด) 1 ฉบับ 739,000,000 บาท
8.หจก.โรงสีกิจทวียโสธร (พิพากษายกฟ้อง) 4 ฉบับ เป็นเงิน 468,686,602 บาท
9.บริษัท กิจทวียโสธรไรซ์ จำกัด (พิพากษายกฟ้อง) 2 ฉบับ เป็นเงิน 368,807,949 บาท
10.บริษัท เค.เอ็ม.ซี.อินเตอร์ไรซ์ จำกัด (พิพากษายกฟ้อง) 1 ฉบับ เป็นเงิน 65,943,085 บาท
11.บริษัท เจียเม้ง จำกัด (พิพากษายกฟ้อง) 1 ฉบับ เป็นเงิน 165,100,000 บาท
12.บริษัท นครหลวงค้าข้าว จำกัด (ป.ป.ช. กันเป็นพยาน) 3 ฉบับ เป็นเงิน 708,858,690 บาท
13.บริษัท แคปปิตัลซีเรียลส์ จำกัด (ป.ป.ช. กันเป็นพยาน) 34 ฉบับ เป็นเงิน 10,787,523,431 บาท
14.บริษัท นครหลวงค้าข้าว จำกัด (ป.ป.ช. กันเป็นพยาน) 3 ฉบับ เป็นเงิน 708,858,690 บาท
15.นายสุกิจ รัตนาพิทักส์เทพ (ป.ป.ช. กันเป็นพยาน) 1 ฉบับ เป็นเงิน 52,622,126 บาท
16.บริษัท เอเชียโกลเด้นไรซ์ จำกัด (ป.ป.ช. กันเป็นพยาน) 74 ฉบับ เป็นเงิน 9,656,436,738 บาท
17.นายสมศักดิ์ พงศ์มณีรัตน์ (ป.ป.ช. กันเป็นพยาน) 58 ฉบับ เป็นเงิน 5,493,122,550 บาท
18.บริษัท ไชยพรไรซ์แอนด์ฟูดส์โปรดักส์ จำกัด (ป.ป.ช. กันเป็นพยาน) 4 ฉบับ เป็นเงิน 574,492,209 บาท
19.บริษัท ไทยฟ้า จำกัด (ป.ป.ช.) กันเป็นพยาน) 12 ฉบับ เป็นเงิน 664,377,538 บาท
20.บริษัท เอลัช (ประเทศไทย) จำกัด (ถูกสอบคดีมันเส้นจีทูจี) 69 ฉบับ เป็นเงิน 1,687,857,883 บาท
21.บริษัท พี.เอส.ซี.สตาร์ซ โปรดักส์ จำกัด (ถูกสอบคดีมันเส้นจีทูจี) 39 ฉบับ เป็นเงิน 1,687,857,883 บาท
22.บริษัท สุวรรณเกลียวทอง จำกัด (ถูกสอบคดีมันเส้นจีทูจี) 1 ฉบับ เป็นเงิน 63 ล้านบาท
23.บริษัท ยิ่งวัฒนาทาปิโอก้า จำกัด (ถูกสอบคดีมันเส้นจีทูจี) 1 ฉบับ เป็นเงิน 63 ล้านบาท
24.นายสมเกียรติ พันธุ์นิธิทร์ 1 ฉบับ เป็นเงิน 16,709,490 บาท
25.น.ส.รุ่งรวี สง่าเขียว 2 ฉบับ เป็นเงิน 252 ล้านบาท
26.น.ส.วิไลลักษณ์ ตั้งนุศาสน์ 1 ฉบับ เป็นเงิน 18.9 ล้านบาท
อย่างไรก็ดีจากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า มีเอกชนรายหนึ่งที่ถูกกันไว้เป็นพยาน ได้กลับคำให้การในชั้นทำคำเบิกความของอัยการ เพื่อส่งศาลฎีกาฯ โดยในชั้นคณะอนุกรรมการไต่สวนฯ ป.ป.ช. มีเอกชนค้าข้าวรายหนึ่งอ้างว่า เดินทางไปพบนักการเมืองใหญ่รายหนึ่ง เพื่อเจรจาซื้อขายข้าวผ่านบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด แต่ในชั้นที่พนักงานอัยการเรียกไปทำคำเบิกความต่อศาล กลับอ้างว่า ไม่ได้เดินทางไปพบนักการเมืองใหญ่ แค่ไปพบผู้ใหญ่รายหนึ่ง เพื่อตกลงเรื่องธุรกิจการค้าขายข้าว จนเป็นเหตุให้พนักงานอัยการไม่นำตัวขึ้นสืบพยานในชั้นศาล พร้อมกับทำหนังสือไปยังคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อขอให้เพิกถอนเอกชนรายดังกล่าวจากการเป็นพยานแล้ว ปัจจุบันอยู่ระหว่างการวินิจฉัยของคณะกรรมการ ป.ป.ช.
อ่านประกอบ :
ป.ป.ช.รื้อดูคำให้การเอกชนอ้างบินพบ‘บิ๊กนักการเมือง’ก่อนกลับลำคุย'ผู้ใหญ่'คดีข้าวจีทูจี
เอกชน ป.ป.ช.กันเป็นพยานคดีข้าวจีทูจี อ้างบินพบ‘บิ๊กนักการเมือง’ก่อนกลับคำคุย‘ผู้ใหญ่’
เปิดชื่อ'ไทยฟ้าฯ'เอกชนราย 5 ถูก ป.ป.ช. กันเป็นพยานคดีข้าวจีทูจีล็อตแรก
ป.ป.ช.ยันเอกชนคดีข้าวจีทูจีบินพบ‘บิ๊กการเมือง’ ถ้ากลับคำไม่กันเป็นพยานแน่!
เอกชน ป.ป.ช.กันเป็นพยานคดีข้าวจีทูจี อ้างบินพบ‘บิ๊กนักการเมือง’ก่อนกลับคำคุย‘ผู้ใหญ่’
เปิดชื่อ 4 บ.ค้าข้าว ป.ป.ช.กันไว้เป็นพยานคดีจีทูจีเก๊-คู่ค้ารัฐ 5.5 พันล.
ป.ป.ช.ไต่สวนกราวรูด 89 บิ๊กค้าข้าว สั่งจ่ายเช็คระบายจีทูจี "เสี่ยเปี๋ยง" ไม่รอด!
เบื้องหลัง"ป.ป.ช."ไต่สวนบิ๊กค้าข้าว 89 ราย สั่งจ่ายเช็คระบายจีทูจี"เก๊"