ปปป.ตร.ชง ป.ป.ช.สอบทุจริตเงินทอนวัดล็อตใหม่140ล.-ใช้ข้อมูล ผอ.พศ. ขยายผลอีก100วัด
ยัน 90% พระ-วัดไม่รู้เรื่อง! รอง บก.ปปป.ตร. ยื่นสำนวนสอบทุจริตเงินทอนวัดให้ ป.ป.ช. เพิ่มอีก 21 สำนวน ผู้ถูกกล่าวหา 19 ราย เสียหายกว่า 140 ล้าน ชง พศ.-มส. ดำเนินการทางวินัยแล้ว เผยได้ข้อมูลจาก ‘พงศ์พร’ ขยายผลสอบอีกกว่า 100 วัด วงเงินสูงหลายร้อยล้านบาท
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 26 ก.ย. 2560 เจ้าหน้าที่กองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (บก.ปปป.ตร.) โดย พ.ต.อ.วรายุทธ สุขวัฒน์ธนกุล รอง ผบก.ปปป. นำสำนวนคดีทุจริตเงินอุดหนุนบูรณะปฏิสังขรณ์วัดและพัฒนาวัด จำนวน 23 วัด ตั้งแต่ปี 2555-2560 ความเสียหายประมาณ 140 ล้านบาท แยกเป็น 21 สำนวน 33 แฟ้ม รวมเอกสารกว่า 13,000 แผ่น ผู้ถูกกล่าวหารวม 19 ราย ยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงต่อไป
พ.ต.อ.วรายุทธ กล่าวว่า ได้ยื่นสำนวนคดีทุจริตเงินทอนวัดเป็นครั้งที่ 2 โดยพบการทุจริตใน 23 จังหวัด แต่เบื้องต้นยื่นก่อน 21 วัด เหลือส่วนของวัดบำเพ็ญเหนือ และวัดราชสิทธิรามราชวรวิหาร ที่ต้องรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมก่อนมายื่นต่อ ป.ป.ช. อีกครั้งในวันที่ 29 ก.ย. 2560 โดยทั้ง 21 สำนวน แบ่งผู้ถูกกล่าวหาออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ ข้าราชการและอดีตข้าราชการ 13 ราย พระเถระ 4 ราย และประชาชน 2 รายตามที่ปรากฏเป็นข่าว โดยในส่วนของข้าราชการและพระบางรูปจะดำเนินการเอาผิดตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 147 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ใช้อำนาจหน้าที่เบียดบังทรัพย์เป็นของตนเอง และ 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ส่วนกรณีเกี่ยวข้องกับการปลอมเอกสารจะโดนมาตรา 162 ฐานปลอมแปลงเอกสารทางราชการเพิ่มอีกข้อหาด้วย ส่วนประชาชนและพระบางรูปจะผิดตามมาตรา 68 ฐานสนับสนุนความผิด
พ.ต.อ.วรายุทธ กล่าวอีกว่า การออกหนังสือเชิญพระผู้ใหญ่ 4 รูปมารับทราบข้อกล่าวหานั้น มีเพียงพระครูวิสุทธิวัฒนกิจ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชสิทธิธารามฯเท่านั้นที่มารับทราบข้อกล่าวหา แต่กระบวนการหลังจากนี้จะขึ้นอยู่กับ ป.ป.ช. ดำเนินการต่อ ยืนยันว่ากรณีที่เกิดขึ้นร้อยละ 90 พระ และวัดไม่มีส่วนรู้เห็น แต่เป็นการดำเนินการของข้าราชการระดับสูง และระดับกลางของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ทางวัดไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่พอโดนเรียกเงินทอนก็ทำอะไรไม่ได้ มีเพียงส่วนน้อยที่พระและวัดมีส่วนรู้เห็น
พ.ต.อ.วรายุทธ กล่าวว่า ที่ผ่านมา บก.ปปป. มีหนังสือแจ้งไปยัง พศ. เพื่อรับทราบรายชื่อผู้ถูกกล่าวหาที่เป็นข้าราชการและอดีตข้าราชการเพื่อให้ลงโทษทางวินัยแล้ว รวมทั้งรายงานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) เพื่อดำเนินการต่อไป ส่วนพระเถระมีหนังสือกราบทูลสมเด็จพระสังฆราชแล้ว รวมทั้งส่งหนังสือแจ้งไปยังมหาเถรสมาคม (มส.) ด้วย ขึ้นอยู่ว่า มส. จะมีดำเนินการอย่างไรต่อ นอกจากนี้ บก.ปปป. ยังพบข้อมูลการทุจริตเงินทอนวัดลักษณะนี้อีกประมาณ 100 วัด เป็นข้อมูลจาก พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ (ปัจจุบันคณะรัฐมนตรีมีมติให้กลับเข้าดำรงตำแหน่ง ผอ.พศ. เหมือนเดิมแล้ว) พบว่า มีการทุจริตชัดเจน แต่มีงบประมาณบางส่วนที่สูงมาก มูลค่าหลายร้อยล้านบาท คาดว่าผู้กระทำผิดจะเป็นบุคคลกลุ่มเดิมกับผู้กระทำผิดในคดี 2 ล็อตแรก แต่อาจมีผู้กระทำผิดรายใหม่เพิ่มเข้ามาเล็กน้อย คาดว่าใช้เวลาประมาณ 3-4 เดือนจะได้ข้อสรุป อย่างไรก็ดียืนยันว่าการดำเนินงานของ บก.ปปป. เป็นคนละส่วนกับ ป.ป.ช. ที่ตรวจสอบภายในสำนักงาน พศ.
อ่านประกอบ :
ป.ป.ช.ตั้งอนุฯสอบ‘อดีตบิ๊ก-รอง ผอ.พศ.’ ปมทุจริตเงินทอนวัดพนัญเชิงเสียหาย20ล.
ป.ป.ช.จ่อตั้งอนุฯสอบคดีเงินอุดหนุนวัด-คุ้ยเองเจออีกกว่า 60 กรณี
แก้ทุจริตเงินวัดใช้ ม.44 ไม่ได้!‘บิ๊กตู่’ สั่งสอบคนผิดมาลงโทษ-ชี้ปลูกผักชีง่ายกว่าจิตสำนึก
โอนเกินถอนเป็นเงินสด-คืนคนใกล้ชิด! หลักฐานใหม่คดีเงินอุดหนุนวัด ปปป.ชง ป.ป.ช.สอบต่อ
ใช้โมเดลเดียวทั่ว ปท.!ป.ป.ช.สาวลึก‘บิ๊ก’ สำนักพุทธฯเรียกเงินวัด-รอง ผอ.คนเชื่อม
ข้อมูลสำนักพุทธฯเรียกรับเงิน ‘อิศรา’ คุ้ยปี’59 ก่อน‘บิ๊ก’เข้าข่ายโดน ม.44 ล็อตใหม่?