มติทันตแพทยสภาเพิกถอนใบอนุญาต ‘ทพญ.ดลฤดี’ ชี้ผิดจรรยาบรรณ สร้างความเสียหายต่อวิชาชีพ-ประเทศ
มติทันตแพทยภาเพิกถอนใบอนุญาต ‘ทพญ.ดลฤดี’ ชี้ผิดจรรยาบรรณ สร้างความเสียหายต่อวิชาชีพและประเทศ เล็งขอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เห็นชอบก่อนจัดทำเป็นคำสั่งทางปกครองต่อไป
เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2560 ผศ. (พิเศษ) ทพ.ไพศาล กังวลกิจ นายกทันตแพทยสภา กล่าวว่า คณะกรรมการทันตแพทยสภาได้ประชุมเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2560 และมีมติกรณี ทพญ.ดลฤดี จำลองราษฎร์ ไม่ชำระหนี้รัฐบาลไทยหลังได้รับทุนไปศึกษาหลังปริญญาทางด้านทันตกรรมให้ลงโทษเพิกถอนใบอนุญาต ทพญ.ดลฤดี เนื่องจากประพฤติผิดจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพทันตกรรม พ.ศ.2538 หมวด 1 ข้อ 2 และ 3 ขณะเดียวกันได้แต่งตั้งอนุกรรมการพิจารณาคุณสมบัติการเป็นสมาชิกทันตแพทยสภาของ ทพญ.ดลฤดี กรณีประพฤติเสื่อมเสียเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพทันตกรรม โดยขั้นตอนต่อไปจากนี้ ทันตแพทยสภาจะเสนอมติดังกล่าวไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขในฐานะสภานายกพิเศษแห่งทันตแพทยสภาเพื่อขอความเห็นชอบก่อนจัดทำเป็นคำสั่งทางปกครองต่อไป
นายกทันตแพทยสภา กล่าวต่อว่า จากพฤติการณ์ของ ทพญ.ดลฤดี ที่ลาออกขณะที่ยังใช้ทุนไม่ครบตามสัญญา จึงต้องชดใช้เงินแก่มหาวิทยาลัยมหิดลและสำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา 3 สัญญาจำนวนกว่า 24 ล้านบาท และต้องชดใช้ภายใน 30 วัน แต่ไม่มีการนำเงินไปชำระ ต่อมาศาลปกครองกลางมีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2549 ให้ผู้ถูกฟ้องคดีต้องชดใช้เงินตามคำพิพากษาแต่ ทพญ.ดลฤดี มิได้ชดใช้เงินจำนวนดังกล่าว ทำให้ผู้ค้ำประกันทั้งหมดได้รับความเดือดร้อนและต้องชดใช้เงินแทน
ผศ. (พิเศษ) ทพ.ไพศาล กล่าวว่า ในการดำเนินการของทันตแพทยสภา ทางคณะอนุกรรมการจรรยาบรรณ เห็นว่าการกระทำของ ทพญ.ดลฤดี เข้าข่ายประพฤติผิดจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพทันตกรรม ตามข้อบังคับทันตแพทยสภาว่าด้วยจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพทันตกรรม พ.ศ.2538 หมวด 1 ข้อ 2 และข้อ 3 คดีมีมูลจึงส่งเรื่องให้อนุกรรมการสอบสวนดำเนินการ ความเห็นของคณะอนุกรรมการสอบสวนเห็นว่า การกระทำของ ทพญ.ดลฤดี เป็นการประพฤติเสียหายนำมาซึ่งความเสื่อมเสียเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพอันเป็นการขาดคุณสมบัติการเป็นสมาชิกของทันตแพทยสภาตามมาตรา 12 (3) แห่ง พ.ร.บ.วิชาชีพทันตกรรม พ.ศ.2537 จึงเห็นสมควรให้เพิกถอนใบอนุญาตการเป็นผู้ประกอบวิชาชีพทันตกรรมของ ทพญ.ดลฤดี
ทั้งนี้ ผลการสอบสวนของอนุกรรมการสอบสวน พบว่า การที่ ทพญ.ดลฤดี มิได้ชดใช้เงินจำนวนดังกล่าวทำให้ผู้ค้ำประกันทั้งหมดได้รับความเดือดร้อนและต้องชดใช้เงินแทนตามคำพิพากษา ผู้ค้ำประกันบางท่านเป็นอาจารย์ที่เคยสอน ทพญ.ดลฤดี เมื่อครั้งเป็นนักศึกษาทันตแพทย์ บางท่านเป็นเพื่อนร่วมรุ่น เพื่อนร่วมวิชาชีพ ซึ่งไว้เนื้อเชื่อใจและยินยอมค้ำประกันให้ โดยหวังว่า ทพญ.ดลฤดีจะกลับมารับราชการใช้ทุนและทำประโยชน์ให้ประเทศชาติ แต่กลับทำให้ผู้ค้ำประกันได้รับความเดือดร้อนต้องหาเงินมาใช้หนี้แทน และเมื่อศาลปกครองมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว ผู้ค้ำประกันได้พยายามติดต่อให้ ทพญ.ดลฤดีมาชำระหนี้ แต่ ทพญ.ดลฤดีบ่ายเบี่ยงที่จะชำระหนี้ อ้างว่าไม่มีเงินทั้งที่มีทรัพย์สินเพียงพอที่จะชำระหนี้ได้ จนกระทั่งมีการบังคับคดีกับผู้ค้ำประกัน ทพญ.ดลฤดี รับปากว่าหากจำหน่ายทรัพย์สินที่ต่างประเทศได้ จะนำเงินมาคืนให้ผู้ค้ำประกัน แต่เมื่อจำหน่ายได้กลับไม่นำเงินมาชำระหนี้ เป็นการหลอกลวงผู้ค้ำประกันให้หลงเชื่อ ถือเป็นการฉ้อโกง จึงถือได้ว่า พฤติกรรมของ ทพญ.ดลฤดี สร้างความเสื่อมเสียแก่วิชาชีพ ไม่มีความรับผิดชอบต่อสัคม ไม่เคารพและปฏิบัติตามกฎหมายของประเทศ สร้างความเสียหายให้กับประเทศ
ทั้งนี้ เมื่อต้นปี 2559 สำนักข่าวอิศรา เคยนำเสนอ คำพิพากษาคดี 'ทันตแพทย์ มหิดล' เบี้ยวทุน จนทำให้ผู้ค้ำประกันเดือดร้อนชดใช้หนี้เเทน (อ่านประกอบ:"อิศรา" ค้นคำพิพากษาคดี 'ทันตแพทย์ มหิดล' เบี้ยวทุน ไฉนต้องชดใช้ 30 ล. ) และกรณีดังกล่าวนำมาสู่การตรวจสอบทุนพัฒนาอาจารย์สาขาต่างๆ ทั้งระดับปริญญาโท และปริญญาเอก ณ ต่างประเทศ ในส่วนของสกอ. และจำนวนเงินทุนต่อคนต่อปี รวมถึงสถิติผู้ขอรับทุน และกลับมาชดใช้ทุน
อ่านประกอบ:
ทุนพัฒนาอาจารย์ 16 สาขาขาดแคลน สกอ.พบผิดสัญญา 23 คน- 'ดลฤดี' รายเดียวเบี้ยวใช้เงิน
“คนหนีทุนมีทั่วโลก การพัฒนาจิตสำนึกต่ำลง” ดร. กิตติศักดิ์ ปรกติ ถามใช่ปัญหาสังคมหรือไม่?
ลึกสุดใจ 'ภัทรวดี' เหยื่อค้ำราย3 กับความหวังในตัว 'ดลฤดี' ก่อน-หลังหนีทุนมหิดล
"อิศรา" ค้นคำพิพากษาคดี 'ทันตแพทย์ มหิดล' เบี้ยวทุน ไฉนต้องชดใช้ 30 ล.
"มหิดล" เล็งฟ้องล้มละลาย ทันตแพทย์หนีชดใช้ทุน ก่อนหมดอายุความ 14 ก.พ.
เปิดอีกราย ‘ผู้ค้ำประกัน’ อดีตอ.สาวมหิดล หนีทุนเรียน รับกรรมช่วยเพื่อนสนิท
ล่าข้ามโลก! เผยโฉมที่ทำงานอดีตอ.สาวมหิดล ในฮาวาร์ด หลังหนีทุนไม่กลับปท.
รับไม่ได้ให้ชดใช้เงินคืน3เท่า! เปิดเบื้องหลัง อดีตอ.สาวมหิดล หนีทุนเรียนนอก
ลูก 4 ใช้หนี้ประกันแทน2ล.!ทันตแพทย์ โวยอดีตอ.มหิดลหนีทุนเรียนไม่กลับปท.