- Home
- Investigative
- ข่าวทั่วไปศูนย์ข่าวสืบสวน
- รับไม่ได้ให้ชดใช้เงินคืน3เท่า! เปิดเบื้องหลัง อดีตอ.สาวมหิดล หนีทุนเรียนนอก
รับไม่ได้ให้ชดใช้เงินคืน3เท่า! เปิดเบื้องหลัง อดีตอ.สาวมหิดล หนีทุนเรียนนอก
"..เมื่อถามว่า อดีตอาจารย์สาว ให้เหตุผลอะไรถึงไม่กลับมาประเทศ ทพ.เผด็จ ตอบว่า เขาไปแต่งงานกับชาวต่างประเทศ มีลูก 1 คน และก็บอกว่า ระบบขอทุนประเทศเราเอาเปรียบเขา ให้ชดใช้เงิน 3 เท่า เขารับไม่ได้.."
กลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาทันที!
เมื่อ ทันตแพทย์รายหนึ่ง โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว เปิดเผยเรื่องราวความทุกข์ของตนเอง จากการไปเซ็นค้ำประกันให้ อดีตอาจารย์ภาควิชาทันตกรรมสำหรับเด็ก คณะทันตแพทย์ ม.มหิดล ที่ได้รับทุนเดินทางไปศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกา ก่อนที่จะหนีทุนไม่เดินทางกลับมาประเทศไทย
ส่งผลให้ทันตแพทย์รายนี้ และพวกรวมอีก 3 คน ที่เซ็นชื่อค้ำประกันให้ ต้องรับผิดชอบชดใช้หนี้แทน เป็นเงินรวมกว่า10 ล้านบาท
(อ่านประกอบ : ลูก 4 ใช้หนี้ประกันแทน2ล.!ทันตแพทย์ โวยอดีตอ.มหิดลหนีทุนเรียนไม่กลับปท.)
เพื่อให้สาธารณชนได้รับทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้มากขึ้น สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้พยายามติดต่อกับแหล่งข่าวคนในม.มหิดล เพื่อยืนยันข้อมูลดังกล่าว
เบื้องต้น ได้รับการยืนยันข้อมูลจากคนในมหิดลตรงกันว่า ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2536
จุดเริ่มต้นมาจาก อดีตอาจารย์สาวรายนี้ ที่มีชื่ออักษรย่อว่า 'ด' ขอทุนคณะไปเรียนต่อที่ฮาวาร์ด ป.โท แต่ต้องหาคนค้ำประกัน จึงไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อน อาจารย์ รุ่นพี่ ให้มาช่วยค้ำประกันให้
หลังจากนั้น ทันตแพทย์หญิงรายนี้ ก็ไปขยายทุนเป็น ป.เอก และหลังเรียน ป.เอก จบแล้ว ก็แต่งงานกับหนุ่มอเมริกัน จดทะเบียนเปลี่ยนสัญชาติ และไม่กลับมาใช้ทุน
จำนวนทุนที่ใช้ไปอยู่ที่ประมาณ 10 ล้านบาท ตามสัญญาต้องชดใช้ 3 เท่าคือ 30 ล้านบาท
"หลังจากที่เกิดปัญหาขึ้น ทางฝ่ายผู้ค้ำประกัน ได้พยายามต่อสู้ จนกระทั่งได้ข้อยุติให้ชดใช้เท่ากับเงินทุนที่ส่งให้ประมาณ 10 ล้านบาท โดยหารกัน 3 คน ซึ่งการต่อสู้ยืดเยื้อและบานปลายมากตลอด เพราะทุนคิดเป็น USD มีช่วงเปลี่ยนค่าเงินอีกทำให้เงินที่ต้องชดใช้เพิ่มขึ้นอีก" แหล่งข่าวคนในมหิดล ระบุ
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา รายงานว่า ได้ตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับทันตแพทย์ ที่โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว เปิดเผยเรื่องราวดังกล่าว
พบว่า มีชื่อจริงว่า "นายเผด็จ พูลวิทยกิจ" ปัจจุบันเป็นทันตแพทย์อยู่คลินิกฟันแห่งหนึ่ง ในจังหวัดสระบุรี
จากการติดต่อประสานเพื่อขอสัมภาษณ์ ทพ.เผด็จ ตามที่เบอร์โทรศัพท์คลินิกฟันแห่งนี้
สำนักข่าวอิศรา ได้รับการยืนยันข้อมูลจาก ทพ.เผด็จ ว่า ได้โพสต์ข้อความบอกเล่าเรื่องราวดังกล่าวในเฟซบุ๊กส่วนตัวจริง ภายหลังจากที่ได้ชดใช้หนี้ค้ำประกันก้อนสุดท้ายกับทางมหิดลไป
"ผมตั้งใจโพสต์เรื่องราว เพื่อเป็นอุทาหรณ์เตือนใจให้กับคนที่คิดจะเซ็นค้ำประกันอะไรให้กับใครว่าต้องระมัดระวัง ตรวจสอบข้อมูลให้ดีก่อน เพราะไม่เช่นนั้นจะเกิดเรื่องเลวร้ายกับชีวิตตามในภายหลังอย่างที่ผมเจอ และเรื่องนี้น่าจะเป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นในวงการแพทย์มหิดลด้วย"
"ตอนที่ผมโพสต์ข้อความไป ผมรู้สึกสบายใจมาก เพราะผมได้ชดใช้หนี้ทั้งหมดไปแล้ว คิดว่าหมดเวรหมดกรรมเสียที ไม่ได้คิดว่าจะไปใส่ร้ายใคร แต่พอโพสต์ไปแล้ว ก็มีคนมาบอกว่าให้เปิดเป็นสาธารณะ คนอื่นเขาจะได้มาเห็น และคนที่ทำไม่ดีกับผมจะได้มาอ่าน ว่าผมรู้สึกอย่างไร และเดือนร้อนมากแค่ไหน กับปัญหาที่ผมเผชิญมา"
เมื่อถามว่า รู้จัก อดีตอาจารย์สาว ที่ไปเซ็นค้ำประกันทุนเรียนให้ได้อย่างไร ทพ.เผด็จ เล่าว่า "ไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว แต่รู้จักกับอาจารย์ของอดีตอาจารย์สาวรายนี้อีกทีหนึ่ง ท่านมาขอให้ช่วย ซึ่งเราก็เห็นตรงกันว่า ถ้าอดีตอาจารย์สาวรายนี้ เรียนจบ จะได้กลับมาทำงานรับใช้ประเทศของเรา ผมก็เลยยอมเซ็นค้ำประกันการขอทุนให้ ซึ่งคนที่เซ็นค้ำประกัน ก็มีผม อาจารย์ของอดีตอาจารย์สาว 2 คน และเพื่อนอีกคนหนึ่ง"
"หลังจากที่อดีตอาจารย์สาวหนีทุนไม่กลับมา ผม อาจารย์ 2 คน และเพื่อนของเขา ก็ต้องร่วมกันชดใช้หนี้ให้กับมหิดล ซึ่งเราก็สู้กันมาตลอด ตอนแรกจะต้องชดใช้เป็นเงินประมาณ 30 ล้านบาท แต่เราไปทำเรื่องขอต่อรอง เลยเหลือจ่ายค่าเงินต้นของทุนที่ส่งไปไม่รวมค่าปรับ ก็อยู่ที่ตัวเลขประมาณ 10 ล้านบาท ก็ทยอยใช้กันเรื่อยมา และเมื่อมีการชดใช้เงินก่อนสุดท้ายหมด ผมก็เอามาโพสต์ในเฟซบุ๊ก ตามที่ทุกคนเห็นว่า ผมได้ใช้หนี้เวรหนี้กรรมหมดแล้ว"
เมื่อถามว่า เคยคุยกับอดีตอาจารย์สาวโดยตรงหรือไม่ ทพ.เผด็จ ตอบว่า "มีโอกาสได้คุยกันทางโทรศัพท์ เขาก็บอกว่าจะไม่ทำให้ผมเดือนร้อน แต่ก็ไม่รู้ทำไมผมยังเดือนร้อนอีก"
เมื่อถามว่า อดีตอาจารย์สาว ให้เหตุผลอะไรถึงไม่กลับมาประเทศ ทพ.เผด็จ ตอบว่า เขาไปแต่งงานกับชาวต่างประเทศ มีลูก 1 คน และก็บอกว่า ระบบขอทุนประเทศเราเอาเปรียบเขา ให้ชดใช้เงิน 3 เท่า เขารับไม่ได้
"ผมไม่รู้จะพูดอย่างไรนะ แต่ขอถามหน่อยว่า ก่อนที่จะตัดสินใจขอทุนไป เขาต้องรู้อยู่แล้วว่า ต้องรับผิดชอบอะไรบ้าง เงื่อนไขเป็นอย่างไรบ้าง ถ้ารับไม่ได้ ก็ไม่ต้องไปซิ แต่นี่มาบอกว่ารับไม่ได้ ผมว่าแบบนี้มันไม่ถูกต้อง"
ทพ. เผด็จ ยังระบุด้วยว่า "ตั้งแต่เกิดเรื่องเขาก็เคยส่งเงินมาให้นะ แต่มันน้อยมาก และล่าสุดก็บอกว่าจะไม่จ่ายแล้ว และไม่ต้องไปยุ่งอะไรกับเขาอีก เขาไม่คิดถึงผมบ้างเลยหรือว่าต้องเดือนร้อนแค่ไหน ผมมีลูก 2 คน กับลูกบุญธรรมอีก 2 คน รวมเป็น 4 ผมไม่มีภาระค่าใช้จ่ายอะไรหรือไง"
"ถ้าเห็นข้อมูลในเฟซบุ๊กผมล่าสุด จะทราบว่า เขาตั้งทนายขึ้นมาสู้ และบอกว่าห้ามยุ่งเกี่ยวอะไรอีก ผมก็คิดว่า ถ้าจะไปตั้งทนายสู้ต่อผมก็คงไม่ไหว เพราะต้องบินไปกลับเมืองนอก ค่าใช้จ่ายไม่ใช่ถูกๆ ผมก็เลยคิดว่าจะไม่ทำอะไรต่อแล้ว ปล่อยเรื่องนี้ให้มันผ่านไป จำเป็นบทเรียนกับชีวิตต่อไป ว่าอยากไปหลงเชื่อใครง่ายๆ แม้กระทั้งคนที่มีการศึกษาดี หรือมีจากครอบครัวที่ดีขนาดไหนก็ตาม"
ขณะที่ ม.ฮาร์วาร์ด ก็มีจดหมายตอบกลับมาว่า เรื่องนี้เป็นส่วนส่วนตัว
ทั้งหมดนี่ คือ ข้อมูลจากฝั่งของ ทพ.เผด็จ 1ใน 4 ของผู้ที่เคยเซ็นชื่อค้ำประกันให้กับอดีตอาจารย์สาว ที่ขอทุนจากมหดิลเพื่อเดินทางไปศึกษาต่อในต่างประเทศ แต่หนีทุนไม่เดินทางกลับมา ซึ่งกำลังโด่งดังอยู่ในโลกออนไลน์ขณะนี้
ขณะที่หลายฝ่ายก็เชื่อมั่นว่า น่าจะมีกรณีแบบเดียวกันเกิดขึ้นกับอีกหลายมหาลัย หรือหลายทุน
เพียงแต่ยังไม่เคยมีใครนำข้อมูลออกมาเปิดเผยอย่างเป็นทางการ ชัดเจนเท่ากับกรณีนี้!