เจาะคำวินิจฉัยผู้พิพากษาเสียงข้างน้อยคดีสลาย พธม. แก๊สน้ำตารุนแรงทำคนเจ็บ-ตายได้?
“…เห็นได้ชัดเจนจากการเสียชีวิตของ น.ส.อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ หรือ ‘น้องโบ’ นั้น น่าจะเป็นระเบิดแก๊สน้ำตาของจีน เช่นเดียวกับบาดแผลที่ศีรษะของนางรุ่งทิวา อาจเกิดจากกระสุนแก๊สน้ำตาถูกยิงเข้าไปกระทบที่ศีรษะโดยตรง เนื่องจากกระสุนแก๊สน้ำตาดังกล่าว มีความเร็ว 300 ฟุต/วินาที ดังนั้นการบาดเจ็บ บาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิต จึงเป็นผลโดยตรงจากการระดมยิงระเบิดแก๊สน้ำตาของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการใช้กำลังและอาวุธเข้าสลายการชุมนุม…”
ในวันที่ 29 ส.ค. 2560 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะประชุมเพื่อพิจารณาว่า พร้อมอุทธรณ์ผลคำพิพากษาคดีสั่งสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯเมื่อปี 2551 หรือไม่ (อ่านประกอบ : ป.ป.ช.ถกอุทธรณ์คดีสลาย พธม. 29 ส.ค. -‘วีระ’ลั่นถ้าเหตุผลฟังไม่เข้าหูมีมาตรการต่อแน่)
คดีดังกล่าว เมื่อวันที่ 2 ส.ค. 2560 ที่ผ่านมา ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษายกฟ้องนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีต ผบช.น. ในข้อหาสั่งสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯเมื่อปี 2551 โดยมิชอบ ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. เคยชี้มูลความผิด และเป็นโจทก์ยื่นฟ้องในคดีนี้ (อ่านประกอบ : 'สมชาย-ชวลิต-พัชรวาท-สุชาติ' รอด! ศาลฎีกาฯ ยกฟ้องคดีสลายพันธมิตรฯปี 51)
ท่ามกลางความพยายามสู้ ‘นอกศาล’ ของฝ่ายนายสมชาย ไม่ว่าจะเป็นการขอให้พนักงานอัยการเข้ามาเป็นทนายความให้ แต่ศาลฎีกาฯไม่อนุญาต หรือแม้แต่การยื่นเรื่องขอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ถอนฟ้อง แต่ท้ายสุดก็ไม่เกิดขึ้น ขณะเดียวกันก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนาหูจาก ‘คนใน’ ป.ป.ช. รวมถึงสังคมภายนอกว่า ป.ป.ช. ต่อสู้คดีนี้แบบไม่เต็มที่นัก ? (อ่านประกอบ : เบื้องหลัง!ความพยายามสู้นอกศาลของ ‘สมชาย-พวก’ก่อนรูดม่านปิดคดีสลาย พธม.?)
เมื่อเร็ว ๆ นี้ ศาลฎีกาฯเผยแพร่คำพิพากษากลางฉบับเต็ม และคำวินิจฉัยส่วนตนในคดีดังกล่าวออกมาแล้ว โดยผู้พิพากษาเสียงส่วนใหญ่ 8 ราย ชี้ให้เห็นว่า การกระทำของนายสมชาย กับพวก กระทำโดยชอบแล้ว มีกฎหมายรองรับ
มีเพียงรายเดียวคือ นายปริญญา ดีผดุง หนึ่งในองค์คณะผู้พิพากษาฯคดีนี้ ที่ ‘เห็นแย้ง’ ว่า การกระทำดังกล่าวไม่น่าจะชอบด้วยกฎหมาย และเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ
อย่างไร ?
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org สรุปคำวินิจฉัยส่วนตนของนายปริญญา เฉพาะประเด็นการใช้แก๊สน้ำตาเข้าสลายการชุมนุมนั้น รุนแรงถึงกับทำให้เกิดการเสียชีวิตขึ้นหรือไม่ ดังนี้
ประเด็นการบาดเจ็บและเสียชีวิตของประชาชนและเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผลโดยตรงจากการใช้แก๊สน้ำตาเข้าสลายการชุมนุมหรือไม่ ตามรายงานผลการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 2551 สรุปประเด็นดังกล่าวว่า ประชาชนที่ได้รับบาดเจ็บ และบาดเจ็บสาหัสส่วนใหญ่ให้ถ้อยคำยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจบางคนได้ใช้อาวุธระดมยิงระเบิดแก๊สน้ำตา และขว้างแก๊สน้ำตาเข้าใส่ประชาชนโดยตรง ซึ่งระเบิดแก๊สน้ำตาชนิดขว้างมีอานุภาพร้ายแรงเช่นเดียวกับระเบิดแก๊สน้ำตาชนิดยิง
โดยเฉพาะพฤติกรรมในการขว้างของ พ.ต.อ.ลือชัย สุดยอด รองผู้บังคับการหน่วยปฏิบัติการพิเศษ (ยศ และตำแหน่งขณะนั้น) ที่ขว้างระเบิดแก๊สน้ำตาจำนวนมากเข้าใส่เป้าหมายคือประชาชนโดยตรง การระดมยิงและขว้างระเบิดแก๊สน้ำตาเป็นจำนวนมาก เป็นเหตุให้ประชาชนได้รับบาดเจ็บ บาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิต
โดยมีหลักฐานปรากฏตามวัตถุพยานที่เป็นภาพถ่าย ทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวจำนวนมาก ที่แสดงให้เห็นถึงการใช้อาวุธปืนยิงระเบิดแก๊สน้ำตาในระยะใกล้ โดยเล็งยิงในแนวราบที่มีเป้าหมายคือประชาชนที่มาร่วมชุมนุม หรือแม้เป็นการยิงวิถีโค้งจากพื้นสู่อากาศและตกลงสู่พื้นดิน แต่ก็ยังเป็นการยิงระยะใกล้ เช่นเดียวกับการขว้างระเบิดแก๊สน้ำตา ล้วนเป็นการขว้างเข้าใส่เป้าหมายคือประชาชนที่มาร่วมชุมนุมโดยตรง
ระเบิดแก๊สน้ำตาเหล่านั้นได้ไปถูกร่างกายของประชาชนโดยตรง เช่น น.ส.อังคณา นางรุ่งทิวา และผู้ร่วมชุมนุมอื่น ๆ อีกหลายคน หรือตกลงใกล้ตัวประชาชนแล้วเกิดระเบิดขึ้นจนเป็นเหตุให้ประชาชนได้รับบาดเจ็บ บาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตดังกล่าว
ประกอบกับ พล.ต.ท.อัมพร จารุจินดา ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธปืนและวัตถุระเบิดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ได้ยืนยันว่า การเสียชีวิตและบาดเจ็บดังกล่าวเกิดจากการถูกยิงหรือถูกขว้างด้วย ‘Tear Gas’ ที่ใช้ ซึ่งมีสาร ‘CN’ เป็นส่วนประกอบอยู่ด้วย ระเบิดแก๊สน้ำตาที่ผลิตจากจีนถือเป็น ‘Hand Grenade’ แบบ ‘Chemical’ มีระบบการทำงาน ‘Bursting Type’ ระเบิดแก๊สน้ำตาพวกนี้จะจุดระเบิดแบบชนวนถ่วงเวลาชนิด ‘High Explosive’ และมี ‘Booster’ ช่วยขยายการระเบิด เพื่อทำให้ตัวภาชนะห่อหุ้มแตกออก ก่อให้เกิดเสียงดังข่มขวัญ และช่วยกระจายควันหรือ ‘Tear Gas’ ที่บรรจุอยู่ภายในให้กะจายออกไปอย่างรวดเร็ว ระเบิดแบบนี้มีอันตรายต่อร่างกายและชีวิตของผู้ก่อเหตุ ดังนั้นผู้ใช้จะต้องได้รับการฝึกฝนและปฏิบัติตามข้อห้ามโดยเคร่งครัด
เห็นได้ชัดเจนจากการเสียชีวิตของ น.ส.อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ หรือ ‘น้องโบ’ นั้น น่าจะเป็นระเบิดแก๊สน้ำตาของจีน เช่นเดียวกับบาดแผลที่ศีรษะของนางรุ่งทิวา อาจเกิดจากกระสุนแก๊สน้ำตาถูกยิงเข้าไปกระทบที่ศีรษะโดยตรง เนื่องจากกระสุนแก๊สน้ำตาดังกล่าว มีความเร็ว 300 ฟุต/วินาที ดังนั้นการบาดเจ็บ บาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิต จึงเป็นผลโดยตรงจากการระดมยิงระเบิดแก๊สน้ำตาของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการใช้กำลังและอาวุธเข้าสลายการชุมนุม
สำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกประชาชนทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บในช่วงเย็น ระหว่างเวลาประมาณ 16-17 นาฬิกานั้น เป็นเหตุการณ์ทีเกิดขึ้นภายหลังประชาชนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจระดมยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่ประชาชน เพื่อสลายการชุมนุมตั้งแต่ช่วงเช้าเป็นต้นมา และยังได้มีการระดมยิงต่อเนื่องเป็นระยะ ๆ ตลอดมาทางที่บริเวณหน้ารัฐสภา ด้านหน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาล และบริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า จนเป็นเหตุให้มีประชาชนได้รับบาดเจ็บ และบาดเจ็บสาหัสถึงกับแขนขาด ขาขาด และเสียชีวิตด้วย
ย่อมเป็นการสร้างความโกรธแค้นให้กับประชาชนที่ถูกระดมยิงด้วยแก๊สน้ำตาเข้าใส่ประชาชนซึ่งมีเพียงไม้เบสบอล ไม้กอล์ฟ ด้ามธงชาติ และหนังสติ๊กไว้ป้องกันตัวเท่านั้น บรรดาเจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าวจึงล้วนเป็นผลสืบเนื่องลุกลามมาจากการใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมทั้งสิ้น
ส่วนที่ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น. (ตำแหน่งขณะนั้น) ให้ถ้อยคำว่า ทราบจากรายงานว่า ผู้เจรจาไม่สามารถเข้าใกล้กลุ่มผู้ชุมนุมได้ เนื่องจากมีแผงกั้นลวดหนาม ยางรถยนต์ขวางเป็นแนวปะทะ มีผู้ถืออาวุธเป็นด้ามธง มีการยิงหนังสติ๊กเป็นระยะ ๆ เมื่อกระจายเสียงแล้ว ไม่สามารถทำให้ผู้ชุมนุมถอยร่นไปจากประตูรัฐสภา และได้ประสานกับ กทม. เพื่อขอยืมรถฉีดน้ำแล้วไม่ได้ จึงจำเป็นต้องใช้แก๊สน้ำตาเพื่อให้ผู้ชุมนุมถอยไปจากแยงอู่ทองในนั้น
เห็นว่า ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ แกนนำและการ์ดพันธมิตรฯ สื่อมวลชน และผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ โดยเฉพาะผู้ที่อยู่บริเวณประตูปราสาทเทวริทธิ์ ให้ถ้อยคำยืนยันว่า ก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงระเบิดแก๊สน้ำตานัดแรกเวลาประมาณ 6.15 นาฬิกา ไม่มีผู้ใดได้ยินเสียงประกาศแจ้งเตือนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า จะใช้แก๊สน้ำตาเข้าสลายการชุมนุม นอกจากพยานบุคคลแล้ว ยังมีวัตถุพยานที่เป็นภาพเคลื่อนไหว ก็ไม่ปรากฏว่า มีเสียงประกาศแจ้งเตือนแต่ประการใดว่า จะใช้แก๊สน้ำตาเข้าสลายการชุมนุมก่อนได้ยินเสียงระเบิดแก๊สน้ำตาเป็นนัดแรก
ส่วนที่กล่าวอ้างว่า ได้ประสานกับ กทม. เพื่อขอยืมรถฉีดน้ำแล้วไม่ได้ จึงจำเป็นต้องใช้แก๊สน้ำตาเพื่อให้ผู้ชุมนุมถอยไปทางแยกอู่ทองในนั้น เห็นว่า ปลัด กทม. ได้ส่งสำเนาหนังสือถึงเลขาธิการ กสม. แจ้งว่า พล.ต.ต.สำเริง สุวรรณพงษ์ ผู้บังคับการอำนวยการ บชน. ลงนามในหนังสือถึง ผอ.กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน กทม. ส่งทางโทรสารเวลาประมาณ 17.20 นาฬิกา ของวันที่ 7 ต.ค. 2551 และปลัด กทม. มีบัญชาให้ ผอ.สำนักงานปกครองและทะเบียน ดำเนินการแจ้งหน่วยงานปฏิบัติในทันที ซึ่งสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้รับหนังสือและได้ส่งรถให้กองบัญชาการตำรวจนครบาลในวันเวลาดังกล่าวทันที โดยนำรถดับเพลิงจำนวน 2 คัน รถไฟฟ้าส่องสว่างจำนวน 1 คัน ไปประจำที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลตามที่ร้องขอ ข้อกล่าวอ้างของ พล.ต.ท.สุชาติ จำเลยที่ 4 จึงเป็นเพียงข้อแก้ตัวให้พ้นผิดเท่านั้น
----
นี่เป็นเพียงข้อเท็จจริงอีกด้าน จากองค์คณะผู้พิพากษาฯ ‘เสียงข้างน้อย’ ในคดีดังกล่าว
อย่างไรก็ดีต้องรอลุ้นว่าในวันที่ 29 ส.ค. 2560 คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะมีท่าทีเช่นไร และจะยื่นอุทธรณ์ผลคำพิพากษาคดีนี้หรือไม่ ?
อ่านประกอบ :
ผู้ชุมนุมขว้างน็อต-มีระเบิดปิงปอง!คำพิพากษาฉบับเต็มชี้ใช้แก๊สน้ำตาสลาย พธม.ชอบแล้ว
'สมชาย-ชวลิต-พัชรวาท-สุชาติ' รอด! ศาลฎีกาฯ ยกฟ้องคดีสลายพันธมิตรฯปี 51
คลอดคำวินิจฉัย 40 หน้า คดีสลายพันธมิตรฯ-ไม่มีเจตนาพิเศษให้ ตร.ทำร้ายผู้ชุมนุม
‘วัชรพล’รับสัมพันธ์‘วงษ์สุวรรณ’คือจุดอ่อนชีวิต! ยันตอบสังคมได้ปมอุทธรณ์คดีสลาย พธม.
ยื่น ป.ป.ช.อุทธรณ์คดีสลาย พธม.-‘วีระ’ ย้อน’บิ๊กตู่’คสช.เคยฉีก รธน.ผิดไหม
7 ส.ค.พธม.ยื่น ป.ป.ช.จี้อุทธรณ์คดีสลายชุมนุม-‘วิชา’ยันศาล ปค.ชี้แล้ว จนท.รัฐทำโดยมิชอบ
9ปีรูดม่านคดีสลาย พธม. เจาะคำพิพากษาศาลไฉนยกฟ้อง‘สมชาย-บิ๊กจิ๋ว-พัชรวาท-สุชาติ’?
'สมชาย-ชวลิต-พัชรวาท-สุชาติ' รอด! ศาลฎีกาฯ ยกฟ้องคดีสลายพันธมิตรฯปี 51
เคารพคำพิพากษาแต่ไม่เห็นพ้อง!มติ พธม.ยื่น ป.ป.ช.อุทธรณ์คดีสลายชุมนุมปี'51
ยังไม่ได้ข้อสรุปอุทธรณ์คดีสลาย พธม.!ป.ป.ช.สั่ง จนท.ดูคำพิพากษา-เชื่อทันกรอบ รธน.
‘สมชาย’แถลงปิดคดีปัดสั่งสลายชุมนุม เผย‘พัชรวาท-สุชาติ’ออกหน้าดูเอง–พิพากษา 2 ส.ค.
เบื้องหลัง!ความพยายามสู้นอกศาลของ ‘สมชาย-พวก’ก่อนรูดม่านปิดคดีสลาย พธม.?