อุปโลกน์ทำงานกับคนจีน!พฤติการณ์ ‘สมคิด-ลิตร-ปาล์ม’ถูก ‘บิ๊ก’บงการสู้คดีข้าวจีทูจี
เจาะแฟ้มแถลงปิดคดีระบายข้าวจีทูจี อัยการเปลือยพฤติการณ์ 3 ตัวละครสำคัญ ‘สมคิด-ลิตร-ปาล์ม’ ยอมรับในชั้นอนุฯ ป.ป.ช. เป็นตัวแทนรัฐวิสาหกิจจีนมาทำสัญญาซื้อข้าว ก่อนกลับลำในชั้นเบิกความต่อศาลอุปโลกน์ทำงานให้คนจีน เชื่อถูก ‘บิ๊ก’ ผู้ชักใย 'สยามอินฯ' บงการให้ต่อสู้คดีแบบนี้
คดีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) เป็นหนึ่งในสองคดีสำคัญที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 25 ส.ค. 2560 โดยอัยการสูงสุด (อสส.) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ อดีตข้าราชการระดับสูงในกระทรวงพาณิชย์ รวมถึงกลุ่มบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือเสี่ยเปี๋ยง อดีตพ่อค้าข้าวชื่อดัง รวมถึงผู้ประกอบการค้าข้าวอื่นเป็นจำเลย 28 ราย
ขณะที่คำแถลงปิดคดีฝ่ายพนักงานอัยการ รวมถึงข้อมูลในชั้นการไต่สวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ระบุตรงกันว่า การซื้อขายข้าวจีทูจี 4 สัญญา ปรากฏข้อเท็จจริงว่า มีการนำแคชเชียร์เช็คจากกลุ่มบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด วงเงินรวมหลายหมื่นล้านบาท เข้ามาชำระแก่กรมการค้าต่างประเทศ เพื่อเบิกข้าวดังกล่าวออกไป (อ่านประกอบ : เจาะพิรุธคดีข้าวจีทูจีฉบับอัยการ!รัฐวิสาหกิจจีนไม่ได้เงิน-เช็คหมื่นล.จากก๊วน‘เสี่ยเปี๋ยง’, เอ็กซ์คลูซีฟ!เปิดครบเช็คเอกชน หมื่นล.ซื้อข้าวตรงกรมการค้าฯหลักฐานอัยการชี้ไม่ทำจีทูจีจีน)
อย่างไรก็ดี 3 ตัวละครสำคัญในคดีนี้ และถูกโจษจันกันว่าเป็นบุคคลที่มีความสัมพันธ์กับบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด และเสี่ยเปี๋ยง คือ นายสมคิด เอื้อนสุภา จำเลยที่ 7 นายรัฐนิธ โสจิระกุล (ปาล์ม) จำเลยที่ 8 และนายลิตร พอใจ จำเลยที่ 9 ที่อ้างว่าเป็นตัวแทนผู้รับมอบอำนาจจากรัฐวิสาหกิจจีน 2 แห่ง (กวางตุ้ง และไห่หนาน) มาเบิกข้าวออกจากกรมการค้าต่างประเทศ
ฝ่ายพนักงานอัยการ และ ป.ป.ช. ต่างชี้ให้เห็นว่า จำเลยทั้ง 3 ราย ดังกล่าว ถูก ‘ผู้บริหารระดับสูง’ ในบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ‘บงการ’ ให้เข้ามาเป็นตัวแทนของรัฐวิสาหกิจจีน 2 แห่ง เพื่อเข้ามาทำสัญญาซื้อขายข้าวจีทูจีดังกล่าว
อย่างไร ?
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org สรุปคำแถลงปิดคดีฝ่ายพนักงานอัยการ เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว ดังนี้
นายสมคิด เบิกความในคดีนี้อ้างว่า เป็นอดีตพนักงานส่งเอกสารให้กับบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด นายลิตร เบิกความอ้างว่า เป็นอดีตพนักงานขับรถยนต์ให้กับบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด แต่นายรัฐนิธ เบิกความอ้างว่า เข้าทำงานในตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายการตลาดกับบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งที่มีคนจีนรายหนึ่งเป็นกรรมการ
อย่างไรก็ดีในชั้นให้การต่อคณะอนุกรรมการ ป.ป.ช. นายสมคิด นายลิตร และนายรัฐนิธ กลับให้การเหมือนกัน สรุปความได้ว่า ดำเนินการในฐานะตัวแทนของกวางตุ้ง และไห่หนาน ในการชำระค่าข้าวและการส่งมอบข้าว และส่งมอบเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายข้าวโดยครบถ้วนถูกต้องมาโดยตลอด
สำหรับข้ออ้างของจำเลยทั้ง 3 รายดังกล่าว กรณีนายสมคิด อ้างว่า ตนตกลงนำสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนมาให้แก่พนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งทีมีคนจีนเป็นกรรมการ ต่อมาภายหลังทราบว่าบัตรประจำตัวประชาชนดังกล่าวถูกนำไปใช้กรอกข้อความในฐานะตนเป็นผู้เป็นผู้รับมอบอำนาจจากบริษัทกวางตุ้ง ในการส่งมอบแคชเชียร์เช็ค เพื่อชำระค่าข้าว และรับข้าวจากกรมการค้าต่างประเทศ ได้รับเงินค่าว่าจ้างจากการทำงานให้กับคนจีนรายนี้ เป็นรายเที่ยว ๆ ละประมาณ 300-500 บาท แล้วแต่ระยะทางที่ต้องเดินทางในแต่ละครั้ง ตนได้รับและส่งเอกสารตามคำสั่งของคนจีนรายนี้ โดยพนักงานของคนจีนรายนี้ จะเป็นผู้จัดเตรียมเอกสารใส่ซองไว้ให้ เช่น ใบถอนเงิน ใบสั่งซื้อข้าว ใบแต่งตั้งตัวแทน สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน เป็นต้น เมื่อได้รับเอกสารแล้ว ตนจะไปติดต่อที่ธนาคารเพื่อซื้อแคชเชียร์เช็คตามคำสั่งของคนจีนรายนี้ เมื่อได้รับแคชเชียร์เช็คแล้ว จะนำตัวเลขและจำนวนเงินในแคชเชียร์เช็คมากรอกข้อมูลในใบสั่งซื้อข้าว และนำไปพร้อมแคชเชียร์เช็คเพื่อชำระค่าข้าวที่กรมการค้าต่างประเทศ
เห็นได้ชัดว่า ข้อเท็จจริงที่เพิ่งยกอ้างขึ้น ทั้งที่ไม่เคยให้การกับคณะอนุกรรมการไต่สวน ป.ป.ช. และในคำให้การต่อศาลคดีนี้มาก่อนเลย มีลักษณะเป็นการนำตัวละครใหม่มาเพิ่มเติมข้อเท็จจริง ทำนองเดียวกันกับนายลิตร และนายรัฐนิธ
กรณีนายรัฐนิธ ทำหนังสือชี้แจงแก้ข้อกล่าวต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. เมื่อปี 2557 อ้างว่า ได้รับมอบหมายจากกวางตุ้ง ที่เป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจประเทศจีน และดำเนินการในฐานะตัวแทนของกวางตุ้ง
ต่อมาตามคำให้การของนายรัฐนิธในชั้นศาลฎีกาฯ เมื่อปี 2558 ระบุว่า เข้ามาเกี่ยวข้องเป็นผู้มีชื่อในเอกสารการรับมอบข้าว และการจ่ายแคชเชียร์เช็คในการชำระเงินค่าซื้อข้าวให้กับกรมการค้าต่างประเทศ ซึ่งเป็นคู่สัญญาซื้อขายข้าวกับกวางตุ้ง เนื่องด้วยมีบุคคลซึ่งเป็นตัวแทนจากกวางตุ้ง ที่เป็นบริษัทดำเนินธุรกิจซื้อขายสินค้าเกษตรจากจีน ติดต่อว่าจ้างให้ช่วยดำเนินการด้านเอกสาร ในการเป็นตัวแทนการติดต่อ และจัดส่งเอกสารในการรับมอบข้าวและแคชเชียร์เช็คในการชำระเงินกับหน่วยงานของรัฐ ที่มีการทำสัญญาซื้อขายข้าวกันมาก่อนแล้วผ่านเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นเลขานุการของผู้บริหารกลุ่มกวางตุ้ง
นายรัฐนิธ อ้างว่า ได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่ของกวางตุ้ง ให้ทำสัญญาซื้อขายข้าวกับรัฐบาล และต้องการคนไทยทำหน้าที่เป็นตัวแทนของกวางตุ้งในประเทศไทย ทำหน้าที่ติดต่อและจัดส่งเอกสาร รวมทั้งส่งแคชเชียร์เช็คในการชำระเงินค่าข้าวกับกรมการค้าต่างประเทศและหน่วยงานรัฐอื่น ๆ ทั้งนี้รับทำงานในการเป็นตัวแทนติดต่อและจัดส่งเอกสารในการรับมอบข้าว รวมทั้งแคชเชียร์เช็คให้แก่หน่วยงานของรัฐหรือบุคคลที่เกี่ยวข้อง
แต่เมื่อตอนนายรัฐนิธจัดทำคำเบิกความล่วงหน้าไปส่งศาล เมื่อปี 2559 กลับอ้างว่า เมื่อเดือน ก.ย. 2554 ได้รับการติดต่อจากคนจีนรายหนึ่งจะให้ตนช่วยประสานงานรับส่งเอกสารกับราชการเกี่ยวกับสินค้าเกษตร กับหน่วยงานของกระทรวงพาณิชย์ จึงตอบตกลงรับทำงานเป็นตัวแทนในการช่วยรับส่งเอกสาร มีการจ่ายเงินค่าตอบแทนครั้งละ 2,000 บาท สำหรับเอกสารที่ต้องเดินทางไปส่งและรับ ไม่ทราบว่าด้านในเป็นเอกสารอะไรบ้าง เนื่องจากมีการปิดผนึกซอง
กระทั่งนายรัฐนิธ ตอบคำถามในศาล กล่าวอ้างบ่ายเบี่ยง ไม่รู้เห็นเป็นใจด้วยกับการทุจริตคดีนี้ และไม่รู้ว่าการลงชื่อในเอกสารจะถูกนำไปใช้กระทำผิด แต่ในคำเบิกความ ระบุว่า ลงชื่อในเอกสารที่ไม่ได้กรอกข้อความ และยินยอมให้คนจีนรายหนึ่งนำไปใช้ได้
กรณีปรากฏพิรุธอีกเมื่อถามถึงการอภิปรายของ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่อภิปรายไม่ไว้วางใจในรัฐสภาเรื่องการซื้อขายข้าวจีทูจี ที่พาดพิงนายรัฐนิธ และนายลิตร โดยนายรัฐนิธ เบิกความตอบว่า ในวันนั้นที่ นพ.วรงค์ อภิปรายในสภา เชื่อว่า ณ ขณะที่ท่านอภิปราย ท่านรู้อยู่แก่ใจว่า ตนไม่ได้มีส่วนร่วม หรือมีส่วนร่วมเข้าไปกระทำความผิดตรงนี้เลย เพราะว่าหลักฐานอะไรต่าง ๆ ที่ท่านพูดออกมา มันค่อนข้างจะเป็นเท็จ และมีการใส่ร้ายป้ายสี ดึงตนเข้าไปเป็นประโยชน์ หรือเกมทางการเมืองของท่าน
ประการนี้กลับเป็นเรื่องแปลกผิดวิสัย เพราะหากนายรัฐนิธ บริสุทธิ์ใจ ไม่รู้เห็นด้วยกับการกระทำความผิด ทั้งที่ นพ.วรงค์ อภิปรายว่า การทุจริตการซื้อขายข้าวจีทูจีแต่ใช้เงินของผู้ประกอบการโรงสีภายในประเทศ และบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด มาเบิกข้าวรับไป นายรัฐนิธ ย่อมจะต้องสงสัยว่า เอกสารตนนั้น ไปเกี่ยวข้องกับการทุจริตหรือไม่ อย่างไร โดยเฉพาะการลงชื่อในเอกสารแบบเป็นไปตามความต้องการทุกอย่างของคนจีนรายนั้น ตามที่อ้างว่า การดำเนินงานของตน ทางเจ้าหน้าที่กรมการค้าต่างประเทศ จะให้ลงชื่อในเอกสารบางฉบับทิ้งไว้ เช่น หนังสือรับมอบอำนาจ และขอสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนไว้ ตนเพิ่งทราบภายหลังจากเอกสารสำนวนคดีนี้ว่า มีการนำเอกสารหนังสือมอบอำนาจที่ตนลงนามไว้ ไปใช้เป็นเอกสารประกอบการขอรับข้าวจากคลังสินค้าที่เก็บข้าวของรัฐ
ทั้งนี้เมื่อปรากฏว่า การลงชื่อในเอกสารไปเกี่ยวพันกับการทุจริต เป็นความผิดอาญา นายรัฐนิธ ย่อมจะต้องคาดคั้น สงสัยในสิ่งที่คนจีนรายนั้นบอกกล่าวไว้ อันเป็นธรรมดาของบุคคลที่รู้ว่าตนถูกหลอกให้ร่วมกระทำผิดอาญา ซึ่งมีโทษอันเป็นภัยแก่ตน แต่การที่นายรัฐนิธ ไม่พอใจ นพ.วรงค์ ผู้เปิดเผยข้อมูลการทุจริต แต่กลับเพิกเฉยต่อการหลอกลวงของคนจีนรายนั้น ให้ตนต้องรับผิดทางอาญา จึงเป็นไปได้ประการเดียวคือ นายรัฐนิธ รู้ถึงพฤติการณ์อันทุจริตในคดีนี้ และเต็มใจที่ปฏิบัติตามความต้องการของคนจีนรายนั้นตั้งแต่ต้นในการเบิกข้าวครั้งแรก ตลอดจนการเบิกข้าวที่ต่อเนื่องยาวนานไปหลายเดือนนั่นเอง
กรณีคำให้การของนายลิตร เมื่อปี 2558 อ้างว่า ประมาณเดือน ก.ย. 2554 นายสมคิด ซึ่งเคยรู้จักกับตน ได้ติดต่อมาว่ามีผู้จะว่างจ้างให้ตนรับ-ส่งเอกสาร ได้รับค่าจ้างเป็นครั้ง ๆ ไป ในอัตราค่าจ้างครั้งละ 500 บาท ในการทำงานของตนนั้น นายสมคิด จะโทรศัพท์แจ้งให้ตนไปรับเอกสารจากเจ้าหน้าที่ของคนจีนรายนั้น โดยให้ตนนำสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนไปมอบไว้ให้ด้วย ตนมีหน้าที่ตามที่เจ้าหน้าที่ของคนจีนรายนั้นสั่งการเท่านั้น
แนวทางการต่อสู้คดีของนายสมคิด นายรัฐนิธ และนายลิตร ส่อพิรุธหลายประการ บทบาทการเข้ามาเกี่ยวข้องกับการทุจริตในคดีเป็นไปในลักษณะเดียวกัน การต่อสู้คดีในแต่ละขั้นตอนเป็นไปในลักษณะเดียวกันทั้ง 3 คน โดยกรณีของนายสมคิด และนายลิตร ให้การไปทำนองเดียวกัน สอดคล้องกันตั้งแต่ต้น และปรากฏพิรุธในข้อที่เพิ่มเติมชื่อคนจีนรายหนึ่งเข้ามาภายหลังเช่นเดียวกับนายรัฐนิธ เสมือนมีผู้แนะนำบงการอยู่เบื้องหลังเป็นรายเดียวกันมาตั้งแต่ต้น
อย่างไรก็ดีปรากฏเอกสารหลักฐานจากธนาคารพาณิชย์หลายแห่งว่า นายสมคิด และนายลิตร ระบุสถานที่ทำงานเป็นบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ตลอดช่วงเวลาที่เกิดเหตุคดีนี้ไปจนถึงปี 2556 กรณีจึงรับฟังได้ว่า แท้ที่จริงแล้ว นายสมคิด และนายลิตร ยังคงทำงานให้บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ส่วนนายรัฐนิธ มีสายสัมพันธ์อันเกี่ยวข้องด้วยกับบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด การเข้าเป็นตัวแทนกวางตุ้ง ของนายสมคิด นายรัฐนิธ ตลอดจนการเข้าเป็นตัวแทนไห่หนานของนายลิตร
จึงรับฟังตามพฤติการณ์ได้ว่า สืบเนื่องมาจากการวางแผนสั่งการของกลุ่มผู้บริหารชักใยบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด นั่นเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้ศาลฎีกาฯนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 25 ส.ค. 2560 ดังนั้นจำเลยทั้งหมดจึงถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่
อ่านประกอบ :
พิพากษาคดีจีทูจีเก๊ 25 ส.ค.-ผู้สอบบัญชี ‘กวางตุ้ง-ไห่หนาน’ไม่รู้เซ็นในนาม รบ.จีนหรือไม่
ครบถ้วน! ไทม์ไลน์ขายข้าวจีทูจี‘มนัส’ ชง‘ภูมิ-บุญทรง’ไฟเขียวก่อนถูกเวียนขายใน ปท.
เปิดขบวนการเวียนข้าวคดีจีทูจีเก๊ในสำนวน ป.ป.ช.-‘สารวัตร’รุ่นเดียว ‘วีระวุฒิ’ร่วมเดินเรื่อง
พบ‘สารวัตร’พันคดีข้าวถุง ร่วมรับเช็ค ‘วีระวุฒิ’เวียนข้าวขายในประเทศคดีจีทูจีเก๊
บ.ค้าข้าวเข้าพบ-โทรคุย-จ่ายเงิน‘วีระวุฒิ’! ข้อมูลใหม่คดีระบายข้าวจีทูจี
เปิดพฤติการณ์เอกชน-โรงสีจ่ายเช็ค‘วีระวุฒิ’ก่อนเวียนข้าวขายใน ปท.คดีจีทูจีเก๊
นึกไม่ถึงว่าจะมีการเวียนข้าว! อดีตรองอธิบดีกรมการค้าฯแจงศาลคดีจีทูจีเก๊
ขายข้าวจีทูจีขรก.พาณิชย์รู้ดีสุด! ‘บุญทรง-ภูมิ’แจงศาล-ลั่นสอบแล้วไร้โกง
'เสี่ยเปี๋ยง'มาศาลแล้ว! เข้าไต่สวนคดีข้าวจีทูจีเก๊ หลังป่วยความดันนอน รพ.
เปิดคำสั่งศาลถอนประกัน‘เสี่ยเปี๋ยง’ เข้าเรือนจำฯ กทม.-ไฟเขียวไต่สวนคดีลับหลัง
ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯยัน‘เสี่ยเปี๋ยง’นอน รพ.ราชทัณฑ์จริง-ป่วยความดัน
เบื้องหลัง!เด้งผบ.เรือนจำปากน้ำเข้ากรุ 'เสี่ยเปี๋ยง' ถูกถอนประกัน-ส่งตัวเข้าลาดยาว
เบื้องหลัง 'อิศรา' ตะลุย ‘รพ.ตำรวจ’ ค้นหาความจริง ‘เสี่ยเปี๋ยง’ ล้มป่วยจริงหรือ?
เรือนจำปากน้ำอุบเงียบส่งตัว 'เสี่ยเปี๋ยง' นอนรพ.ตร.-ญาติวางเงิน229ล. เจรจาคดียักยอกข้าว
ศาลสั่งเพิ่มเงินประกัน‘บุญทรง-เสี่ยเปี๋ยง’ อีก10ล.กันหนีคดีข้าว-4 ข้อหาใน ป.ป.ช.
อย่าโยนบาปให้ ขรก.! ‘วรงค์’ให้การคดีข้าวจีทูจีเก๊-พบพิรุธใหม่ในสัญญาขาย
ให้เอกชนจำเลยคดีข้าวชดใช้2หมื่นล.!ศาลฯรับคำร้องอสส.-'เสี่ยเปี๋ยง'อยู่รพ.ตร.จริง
ป.ป.ช.เชือดล็อตแรกคดีข้าวจีทูจี"บุญทรง-ภูมิ"ไม่รอด-ฟ้องแพ่ง 6 แสนล้าน
ป.ป.ช.ฟันลอตสอง!15 เอกชนพันคดีข้าวจีทูจี-บ.เจียเม้งตัวละครข้าวถุงโดนด้วย
เบื้องหลัง 'อิศรา' ตะลุย ‘รพ.ตำรวจ’ ค้นหาความจริง ‘เสี่ยเปี๋ยง’ ล้มป่วยจริงหรือ?
เรือนจำปากน้ำอุบเงียบส่งตัว 'เสี่ยเปี๋ยง' นอนรพ.ตร.-ญาติวางเงิน229ล. เจรจาคดียักยอกข้าว
ชีวิตในเรือนจำปากน้ำแดน 3 'เสี่ยเปี๋ยง' หลังเจอคุก 6 ปี ยักยอกข้าวรัฐ
อยู่แดน 3! จนท.เรือนจำปากน้ำ ยันศาลสั่งจำคุก 'เสี่ยเปี๋ยง' คดีข้าวยุค'เพรสซิเดนท์''
‘ไทยฟ้าฯ’เอกชนราย 5 ป.ป.ช. กันเป็นพยานคดีทูจีเก๊ คู่ค้าข้าว อคส. 285 ล.
ป.ป.ช.ยันเอกชนคดีข้าวจีทูจีบินพบ‘บิ๊กการเมือง’ ถ้ากลับคำไม่กันเป็นพยานแน่!
เอกชน ป.ป.ช.กันเป็นพยานคดีข้าวจีทูจี อ้างบินพบ‘บิ๊กนักการเมือง’ก่อนกลับคำคุย‘ผู้ใหญ่’
เปิดชื่อ 4 บ.ค้าข้าว ป.ป.ช.กันไว้เป็นพยานคดีจีทูจีเก๊-คู่ค้ารัฐ 5.5 พันล.
หมายเหตุ : ภาพประกอบกระสอบข้าวจาก voice tv