"รัฐ-อดีตขบวนการ"บอกตรงกัน ปล้นรถฝีมือ BRN - แฉจุดรับระเบิด
คำถามที่ใครๆ ก็ถาม (ส่วนใหญ่มาจากคนนอกพื้นที่) ว่าใครคือกลุ่มคนที่ก่อเหตุอุกอาจ ปล้นรถกระบะถึง 7 คันเพื่อทำคาร์บอมบ์โจมตีชายแดนใต้
ฟังสุ้มเสียงจากผู้รับผิดชอบปัญหาไฟใต้ในรัฐบาล พูดไปในทำนองเดียวกันว่า เป็นการกระทำของกลุ่มบีอาร์เอ็นที่ไม่ได้ร่วมอยู่ในกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้
ปัจจุบันรัฐบาลไทยโดยคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขฯ ที่มี พล.อ.อักษรา เกิดผล เป็นหัวหน้า ได้ดำเนินกระบวนการพูดคุยกับกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐในนาม "มารา ปาตานี" โดยมีรัฐบาลมาเลเซียเป็นผู้อำนวยความสะดวก โดย "มารา ปาตานี" ประกอบด้วยผู้เห็นต่างจากรัฐหลายกลุ่ม ทั้งพูโล บีไอพีพี จีเอ็มไอพี และยังอ้างว่ามี "บีอาร์เอ็น" ปีกที่สนับสนุนการพูดคุยเจรจารวมอยู่ด้วย
ขณะที่ฝ่ายความมั่นคงไทยเชื่อว่า "บีอาร์เอ็น" คือขบวนการหลักที่มีบทบาทสูงสุดในการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ในห้วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมา
"อาจจะเป็นไปได้ที่จะเป็นกลุ่มบีอาร์เอ็นจำนวนหนึ่งที่ไม่ได้รับการพิจารณาให้เข้าไปร่วมการพูดคุย เป็นผู้ก่อเหตุปล้นรถไปทำคาร์บอมบ์" เป็นข้อสันนิษฐานจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง
"พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์" ที่มีบทบาทสูงสุดในงานด้านความมั่นคงของรัฐบาล คสช. ยังเผยถึงความคืบหน้าของกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุขฯด้วย
"กำลังดูเรื่องพื้นที่ปลอดภัย หรือ เซฟตี้โซน ซึ่งไทยได้กำหนดขึ้น 5 พื้นที่ และส่งให้ฝ่ายผู้ก่อความไม่สงบซึ่งอาจจะเป็นทั้งกลุ่มบีอาร์เอ็นและกลุ่มอื่นที่มีทั้งเก่าและใหม่ไปพิจารณาว่าจะทำได้มากน้อยแค่ไหน โดยต้องให้กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบเข้ามาพูดคุยด้วย และทุกฝ่ายเข้ามาคุยด้วย ไม่เช่นนั้นเรื่องไม่จบง่าย การพูดคุยในขณะนี้ดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ยังไม่ทราบว่าจะมีการนัดหมายพูดคุยสันติสุขกันอีกเมื่อไหร่ เพราะต้องให้ผู้ประสานงานและเจ้าหน้าที่ที่ไปพูดคุยได้หารือกันก่อน"
สอดคล้องกับ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งมีหมวกอีกใบหนึ่งเป็นหัวหน้าผู้แทนพิเศษของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือที่รู้จักกันในนาม "ครม.ส่วนหน้า"
"ผู้ก่อเหตุเป็นกลุ่มเดิมๆ อย่างบีอาร์เอ็นก็มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะเชื่อมโยงกลุ่มที่อยู่นอกวงพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งท่านนายกฯ (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา) ได้กำชับไปยัง พล.อ.อักษรา เกิดผล หัวหน้าคณะพูดคุยฯ ให้ดูแลในเรื่องนี้ เพราะอาจมีคนตกหล่น และอยู่นอกวงพูดคุย ดังนั้นต้องเชิญเข้ามาร่วมการพูดคุยสันติสุข เพื่อจะได้มีประโยชน์มากขึ้นในการแก้ไขปัญหา" เป็นคำอธิบายจาก พล.อ.อุดมเดช
ข้อสันนิษฐานของผู้คุมงานด้านความมั่นคงของรัฐบาล สอดรับกับการวิเคราะห์ของ "โฮป" อดีตแกนนำบีอาร์เอ็นรุ่นใหญ่ที่เคยเคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ แต่ระยะหลังได้ขอถอนตัวออกมาใช้ชีวิตแบบคนปกติ
"ดูจากการก่อเหตุที่เริ่มจากการปล้นรถที่ปัตตานี (อ.ยะรัง) แล้วนำรถไปปล้นรถอีก 6 คันในพื้นที่นาทวี (จ.สงขลา) แล้วนำรถที่ปล้นจากนาทวีพยายามจะกระจายเพื่อก่อเหตุในหลายอำเภอของปัตตานี ขณะที่คนเสียชีวิตซึ่งเจ้าหน้าที่บอกว่าเป็นคนร้ายนั้น ก็เป็นเด็กในพื้นที่ปัตตานี เชื่อว่าคนที่ทำเป็นสมาชิกบีอาร์เอ็นที่มาจากหลายอำเภอของปัตตานี" เป็นการประเมินเหตุการณ์ผ่านสายตาของ "โฮป"
เขายังมองว่าเส้นทางที่ใช้เดินทางจากนาทวีเข้ามายัง จ.ปัตตานี กลุ่มผู้ก่อเหตุใช้เส้นทางสายย่อยในชนบท ทำให้หลบหลีกด่านตรวจด่านสกัดของเจ้าหน้าที่ได้พอสมควร
"จากนาทวีมีถนนสายในมากมายที่ไม่มีกำลังเจ้าหน้าที่เฝ้าระวัง เข้าใจว่าเพราะเป็นป่าเขา เป็นถนนลูกรัง ไม่ค่อยมีบ้านคน จึงไม่มีเหตุผลที่เจ้าหน้าที่จะต้องไปวางกำลัง อีกทั้งด้วยพื้นที่ป่าเขา อาจถูกโจมตีได้ง่ายหากเจ้าหน้าที่เข้าไป จึงเป็นช่องว่างทำให้คนที่จะก่อเหตุใช้ในการเคลื่อนที่"
"ถ้ามองง่ายๆ เส้นทางจาก อ.นาทวี ไป อ.เทพา จ.สงขลา ทะลุ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ออก อ.ยะรัง หนองจิก และไป อ.มายอ จ.ปัตตานี มีถนนสายในเชื่อมต่อกันหมด และสามารถยาวไปทะลุ อ.รามัน อ.บันนังสตา และ อ.เมือง จ.ยะลา ได้ รวมทั้งสามารถทะลุไปถึง อ.รือเสาะ อ.ศรีสาคร อ.จะแนะ และ อ.แว้ง จ.นราธิวาสได้เลย อันนี้คือการใช้เส้นทางสายชนบท ไม่ได้ผ่านถนนสายหลักที่เจ้าหน้าที่ตั้งด่าน" เขากล่าว
แต่ในรายละเอียดของปฏิบัติการ มีรถคันหนึ่งไปยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่แถวเกาะหม้อแกง อ.เทพา จ.สงขลา ซึ่งเป็นรอยต่อกับ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เหตุการณ์นี้ "โฮป" มองเป็น 2 มุม
"เกาะหม้อแกงมีด่านใหญ่ของเจ้าหน้าที่อยู่ แต่ผู้ก่อเหตุกลุ่มนี้อาจชะล่าใจ เพราะด่านตรงนั้นตรวจบ้างไม่ตรวจบ้าง ไม่ได้ตรวจเข้มตลอด 24 ชั่วโมง แต่ก็เป็นไปได้เหมือนกันที่อาจเกิดความผิดพลาดที่รถคันแรกน้ำมันหมด (จอดทิ้งที่เทพา) จึงต้องไปยิงตัวประกัน และตัวประกันหนีได้บางส่วน ทำให้ตัวประกันที่รอดชีวิตสามารถไปแจ้งเจ้าหน้าที่ได้ทัน และเจ้าหน้าที่ก็สกัดจับโดยรู้พิกัดและเส้นทางหลบหนีของรถผู้ก่อเหตุ"
นี่เป็นการวิเคราะห์จากคนที่เคยอยู่ร่วมในขบวนการ...
ขณะที่อีกด้านหนึ่ง มีการรายงานของหน่วยความมั่นคงในพื้นที่ เกี่ยวกับผลการตรวจสอบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (ซีซีทีวี) ตรงจุดที่รถกระบะที่ถูกปล้นแล่นผ่าน ปรากฏว่ามีรถที่ถูกปล้น 5 คันขับผ่าน อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ผ่านมาทาง อ.จะนะ จ.สงขลา จากนั้นรถทั้ง 5 คันได้แยกเป็น 2 กลุ่ม ไปกันคนละทาง โดยกลุ่มแรก 3 คัน ผ่านไปทาง ต.ท่าเรือ อ.โคกโพธิ์ ซึ่งเป็นรอยต่อ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี และมีอยู่คันหนึ่งใช้เวลาอยู่ใน อ.โคกโพธิ์ นานถึง 1 ชั่วโมง 30 นาที คาดว่าไปรับระเบิด จากนั้นรถคันนี้ไปถูกเจ้าหน้าที่สกัด และวิสามัญฆาตกรรมคนในรถที่ อ.หนองจิก มีผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นหนุ่มชาวปัตตานีวัย 26 ปี
ส่วนรถกลุ่มที่สองมี 2 คัน ใช้เวลาใน อ.โคกโพธิ์ เพียงสั้นๆ และรถ 2 คันนี้ถูกนำไปติดตั้งระเบิดเป็นคาร์บอมบ์ โดยถูกขับไปจอดที่ถนนสาย 418 อ.หนองจิก และหน้าบ้านพักตำรวจ สภ.มายอ จ.ปัตตานี คาดว่ารถ 2 คันนี้ไม่ได้รับระเบิดจาก อ.โคกโพธิ์
-----------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : (ซ้าย) พล.อ.อุดมเดช (ขวา) โฮป
อ่านประกอบ :
นาทีต่อนาที...ปล้นปิคอัพ 6 คันทำคาร์บอมบ์ ยิงปะทะคนร้ายดับ 1
พนักงานเต็นท์รถสิ้นใจ จนท.รู้ตัวผู้ต้องสงสัยถูกวิสามัญฯ
แฉแผนปล้นปิคอัพ 6 คันปูพรมทำคาร์บอมบ์!
คาร์บอมบ์อีกลูกที่มายอ พบปิคอัพถูกปล้นครบ 6 คัน ล่ามาสด้า!
ย้อนเหตุตั้งด่านเถื่อนชิงรถมาสด้า! ก่อนบุกปล้นปิคอัพ 6 คัน
อัพเดทสถิติคาร์บอมบ์ใต้ 54 ลูก!
เปิดตัว (คนหน้าเดิม) "ทีมปัตตานี-สะบ้าย้อย" ปล้นปิคอัพทำคาร์บอมบ์