แฉแผนปล้นปิคอัพ 6 คันปูพรมทำคาร์บอมบ์!
หากมองในมุม "ยุทธวิธี" ต้องบอกว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีกลยุทธ์ใหม่ๆ ที่สร้างความตื่นตะลึงในปฏิบัติการท้าทายอำนาจรัฐอยู่เป็นระยะ
ล่าสุดเมื่อวันพุธที่ 16 สิงหาคม ถึงกับระดมคนไปปล้นรถกระบะถึง 6 คันจากเต็นท์รถในอำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา อำเภอรอยต่อกับสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ก่อนแยกย้ายกันหลบหนี รถบางคันถูกนำไปทำเป็นคาร์บอมบ์ทันที ขณะที่บางคันก็หนีไม่รอดเพราะน้ำมันหมด แต่ก็มีบางคันที่ยังหาไม่พบ
แผนประทุษกรรมของคนร้ายครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงวิเคราะห์ว่าเป็นการก่อเหตุปล้นรถหลายๆ คัน เพื่อนำไปบรรทุกระะเบิด และทำคาร์บอมบ์พร้อมกันหลายๆ จุด เพื่อสร้างความปั่นป่วนครั้งใหญ่ในพื้นที่ โดยคนร้ายเตรียมระเบิดแสวงเครื่องเอาไว้พร้อมหมดแล้ว แต่แผนผิดพลาด ทำให้ก่อเหตุได้เพียงจุดเดียว คือที่อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี ส่งผลให้ทหารได้รับบาดเจ็บ 4 นาย
หลักฐานสำคัญที่ทำให้เชื่อได้ว่าคนร้ายมีเป้าหมายนำรถทั้งหมดไปทำคาร์บอมบ์ ก็คือของกลางที่ถูกพบในรถกระบะที่คนร้ายขับมาบริเวณบ้านเกาะหม้อแกง ตำบลปากบาง อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา แล้วเกิดการยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่ จนคนร้ายเสียชีวิตคารถ 1 คน ปรากฏว่าเป็นวัตถุระเบิดแบบแสวงเครื่องที่ประกอบใส่ถังแก๊สพร้อมใช้งาน พ่วงด้วยน้ำมันเบนซินอีก 8 แกลลอน เพื่อขยายแรงระเบิดและทำให้เกิดเพลิงไหม้
น้ำหนักดินระเบิดไม่ต่ำกว่า 80 กิโลกรัม เช่นเดียวกับระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายจุดระเบิดในรถกระบะอีกคันหนึ่งที่อำเภอหนองจิก จนรถเหลือแต่ซาก
เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงวิเคราะห์ว่า ดูจากเหตุการณ์และแผนประทุษกรรมของคนร้าย เชื่อว่ามีการวางแผนล่วงหน้ามาเป็นอย่างดี รถทุกคันเตรียมนำไปทำคาร์บอมบ์แบบทันควัน หรือไม่ก็นำไปใช้เป็นพาหนะก่อเหตุรุนแรงรูปแบบอื่นๆ สักระยะ แล้วจึงทำคาร์บอมบ์ในภายหลัง
เจ้าหน้าที่ประเมินว่า ก่อนลงมือปฏิบัติการ คนร้ายน่าจะมีการสำรวจสถานที่เป้าหมายไว้หลายแห่ง แล้วเลือกเต็นท์รถที่อำเภอนาทวี เพราะน่าจะมีการรักษาความปลอดภัยต่ำ หรืออาจเลือกเพราะเป็นเต็นท์รถของคนไทยพุทธ ส่วนการยิงตัวประกัน น่าจะเป็นเพราะคนเหล่านั้นเห็นหน้าคนร้ายแล้ว หรือไม่ก็คนร้ายบางคนเคยทำทีเข้าไปเจรจาขอซื้อรถจากเต็นท์แห่งนี้หลายครั้ง จนพนักงานบางคนจำหน้าได้ จึงต้องฆ่าปิดปาก
แต่แม้จะวางแผนมาดี ก็ยังมีบางเรื่องอยู่เหนือการควบคุม เช่น รถบางคันน้ำมันหมด ทำให้คนร้ายต้องจอดรถทิ้ง ขณะที่เส้นทางหลบหนีหลังการปล้นนับว่าน่าสนใจ มีความเป็นไปได้ว่าคนร้ายน่าจะมีแผนนำรถที่ปล้นมาบางส่วนทำคาร์บอมบ์ทันที จึงขับไปในทิศทางใกล้เคียงกัน คือ ออกจากอำเภอนาทวี มุ่งหน้าอำเภอเทพา จังหวัดสงขลา ซึ่งอำเภอเทพาเป็นอำเภอรอยต่อกับอำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี เป็นแหล่งประกอบและซุกซ่อนระเบิดแหล่งใหญ่ของกลุ่มก่อความไม่สงบ โดยเฉพาะพื้นที่เกาะแก่งชายทะเลรอยต่อของทั้งสองอำเภอ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงเคยนำกำลังเข้าทลายมาแล้วเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2559 และยึดของกลางเป็นระเบิดแสวงเครื่องมากกว่า 30 ลูก
พื้นที่รอยต่อของอำเภอเทพา จังหวัดสงขลา กับอำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี มีด่านตรวจใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของจังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ ด่านเกาะหม้อแกง การขับรถผ่านจุดนี้เพื่อไปรับระเบิด อาจทำให้ต้องเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่และยิงต่อสู้กัน ทำให้เกิดความสูญเสีย และรถที่เหลือก็ขับหลบหนีต่อไปยังอำเภอใกล้เคียง คือ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี ซึ่งก็พบรถที่ถูกปล้นไปอีก 1 คันถูกจอดทิ้งในป่ายาง ตำบลควนโนรี
นี่คือความผิดพลาดของปฏิบัติการ ซึ่งแม้จะวางแผนมาเป็นอย่างดี แต่ก็อาจมีปัจจัยแทรกซ้อนบางอย่างที่อยู่เหนือการควบคุม
การปล้นรถคราวละหลายๆ คัน หากย้อนดูประวัติศาสตร์ไฟใต้ตลอด 13 ปีที่ผ่านมา อาจกล่าวได้ว่าเพิ่งเคยเกิดขึ้นครั้งนี้เป็นครั้งแรก แต่การนำรถไปประกอบระเบิดทันทีหลังการปล้น เป็นยุทธวิธีที่คนร้ายใช้บ่อยครั้งในช่วง 1-2 ปีมานี้ เพื่อป้องกันการตั้งด่านตรวจด่านสกัดของเจ้าหน้าที่ซึ่งมีมากเป็นตาสับปะรด และแต่ละด่านยังมีภาพถ่ายรถที่ถูกโจรกรรมติดไว้อย่างชัดเจนจนเจ้าหน้าที่ประจำด่านจำได้ขึ้นใจ
ฉะนั้นรูปแบบการก่อเหตุลักษณะนี้ จึงถือเป็นยุทธวิธีของคนร้ายที่นำมาใช้ตอบโต้ระบบเฝ้าตรวจของเจ้าหน้าที่ที่ค่อนข้างมีประสิทธิภาพมากในระยะหลัง เพราะหากคนร้ายปล้นรถไปก่อนโดยไม่ได้ทำร้ายเจ้าของรถ แล้วนำรถไปดัดแปลง ก่อนนำมาทำคาร์บอมบ์ ซึ่งหลายกรณีใช้เวลาหลายวัน เจ้าของรถจะเข้าแจ้งความว่ารถหาย และรถคันนั้นก็จะถูกบันทึกลงในระบบเฝ้าระวังของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง สามารถสกัดจับและหาเบาะแสได้หลายคันแล้ว
เหตุคาร์บอมบ์ที่หน้าห้างบิ๊กซี ปัตตานี เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคมที่ผ่านมา เป็นตัวอย่างปฏิบัติการของคนร้ายที่ปล้นชิงรถกระบะจาก นายนุสน ขจรคำ พ่อค้าติดตั้งผ้าใบบังแดด แล้วนำรถไปบรรทุกระเบิดเพื่อทำคาร์บอมบ์ทันที โดยไม่ดัดแปลงสภาพรถ และนำไปจอดก่อเหตุที่หน้าห้างบิ๊กซีในวันเดียวกัน
เช่นเดียวกับเหตุคาร์บอมบ์บริเวณฐานปฏิบัติการของตำรวจในอำเภอเมืองปัตตานี ห่างจากห้างบิ๊กซีราว 1 กิโลเมตร เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ปีที่แล้ว คนร้ายก็ฆ่าเจ้าของรถ แล้วนำรถมาบรรทุกระเบิด จากนั้นนำไปโจมตีฐานเจ้าหน้าที่ โดยใช้เวลาห่างกันไม่กี่ชั่วโมง
ไฟใต้ที่ยืดเยื้อยาวนานมากว่า 13 ปี รูปแบบการโจมตีที่ร้ายแรงที่สุดคือ "คาร์บอมบ์" ซึ่งที่ผ่านมาเกิดเหตุคาร์บอมบ์ในพื้นที่ภาคใต้มาแล้ว 53 ครั้ง แยกเป็นจังหวัดนราธิวาส 23 ครั้ง จังหวัดยะลา 12 ครั้ง จังหวัดปัตตานี 14 ครั้ง จังหวัดสงขลา 3 ครั้ง และจังหวัดสุราษฎร์ธานี คือ คาร์บอมบ์สมุย 1 ครั้ง
จากปฏิบัติการสุดอุกอาจปล้นรถกระบะทีเดียว 6 คันเพื่อนำไปทำคาร์บอมบ์ และจนถึงขณะนี้ก็ยังมีรถที่เจ้าหน้าที่ยังตามหาไม่พบอีก 3 คัน รวมรถที่คนร้ายใช้เป็นพาหนะในการปล้น งานนี้ไม่ต้องเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงก็พอจะฟันธงได้ว่า คาร์บอมบ์เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม ยังไม่ใช่ลูกสุดท้าย
-------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 ระเบิดถังแก๊สและแกลลอนน้ำมันจำนวนมากที่พบในรถกระบะที่ถูกปล้นและเจ้าหน้าที่สกัดจับได้
2 แกลลอนน้้ำมัน 8 แกลลอนที่ถูกพ่วงติดกับระเบิดถังแก๊ส
3 สภาพรถกระบะที่คนร้ายจุดระเบิดที่อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี
อ่านประกอบ :
นาทีต่อนาที...ปล้นปิคอัพ 6 คันทำคาร์บอมบ์ ยิงปะทะคนร้ายดับ 1