เจาะพฤติการณ์ บ.นายหน้า ปมซื้อที่ดินปลูกปาล์มอินโดฯโยงญาตินักการเมือง-เลขาฯบิ๊ก รมต.

เขียนวันที่

วันอาทิตย์ ที่ 13 สิงหาคม 2560 เวลา 20:00 น.

เขียนโดย

isranews

หมวดหมู่

ข่าวทั่วไปศูนย์ข่าวสืบสวน | เรื่องเด่น - สำนักข่าวอิศรา | ข่าวเด่นสืบสวน

Tags

บริษัท พีทีที.จีอี | ปลูกปาล์มน้ำมัน 5 โครงการที่ประเทศอินโดนีเซีย | บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) | ป.ป.ช.

ผู้สอบบัญชี ปตท. ชำแหละพฤติการณ์บริษัทนายหน้า โกยรายได้กว่า 34 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ปมซื้อขายที่ดิน 2 โครงการ PTT.GE ปลูกปาล์มอินโดฯ พบ บุคคลสัญชาติไทย 2 ราย-ต่างชาติ 1 ราย ลงนาม โยง 2 บริษัทจดทะเบียนในไทย เชื่อมเครือญาตินักการเมือง เลขาฯอดีต บิ๊ก รมต.สำคัญ-อดีตหัวหน้าพรรค

PIC pttgepalm 13 8 60 4

ปัญหาโครงการปลูกปาล์มน้ำมัน 5 โครงการที่ประเทศอินโดนีเซีย ที่มีบริษัท พีทีที.กรีน เอเนอร์ยี่ฯ ในเครือบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เป็นผู้รับผิดชอบ กำลังถูกตรวจสอบจากหลายฝ่าย ทั้ง ปตท. ทั้งสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รวมถึงบริษัทให้คำปรึกษา (HADISUMARTO&PARTNERS) ล่าสุดคือบริษัท ดีลอยท์ ทู้ช โธมัทสุ ไชยยศ จำกัด (บริษัทลูกของ Deloitte Touche Tohmatsu ผู้สอบบัญชีระดับโลก) (อ่านประกอบ : เปิดหนังสือลับบ.ที่ปรึกษากม.ร้องเรียนอดีตบิ๊กปตท.! หลักฐานใหม่ป.ป.ช.สอบคดีปาล์มอินโดฯ, ฉบับเต็ม!รายงานผู้สอบบัญชี ปตท.ชำแหละปัญหาปลูกปาล์มอินโดฯ-โยง บ.นักการเมืองไทย, ป.ป.ช.โอนสำนวนให้'สุภา'คดีปาล์มอินโด-ไล่เส้นทางเงินเอี่ยว บ.ไทย)

โดยเฉพาะปัญหาใน 2 โครงการหลัก ได้แก่ โครงการ PT.Az Zhara และโครงการ PT.KPI ที่บริษัท ดีลอยท์ฯ พบว่า มีบริษัทนายหน้าคือ Kalimantan Sawit Lestari Ltd. (KSL) จดทะเบียนในสาธารณรัฐโดมินิกัน เข้ามาเกี่ยวข้องในการทำสัญญาซื้อขายที่ดินดังกล่าว และยังพบอีกว่า มีบุคคลสัญชาติไทยอย่างน้อย 2 ราย และบุคคลต่างชาติ 1 ราย เข้าไปเกี่ยวข้องกับการลงนาม และเป็นพยาน ซึ่งมีความเชื่อมโยงถึงบริษัทจดทะเบียนในประเทศไทย และเชื่อมโยงถึงเครือญาติของอดีตนักการเมืองรายหนึ่งด้วย (อ่านประกอบ : เปิดตัว บ.นายหน้า ขายที่ดินปลูกปาล์มอินโดฯ-อยู่โดมินิกัน โกย34ล.เหรียญสหรัฐฯ)

เพื่อให้สาธารณชนเข้าใจชัดเจนยิ่งขึ้น สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org สรุปข้อเท็จจริงจากรายงานของบริษัท ดีลอยท์ฯ เฉพาะประเด็นบริษัทนายหน้า ดังนี้

ในช่วงปี 2550-2551 ปตท./PTT.GE ทำสัญญาซื้อขายที่ดินกับ Mr.Agustiar (เจ้าของโครงการ PT.Az Zhara) และ Mr.Burhan (เจ้าของโครงการ PT.KPI) พบว่า

ราย Mr.Agustiar (เจ้าของโครงการ PT.Az Zhara)

ได้เข้าทำสัญญาชื่อ Commission Service Agreement (ข้อตกลงค่านายหน้า) เมื่อวันที่ 7 ก.พ. 2550 กับบริษัท KSL โดยมีบุคคลสัญชาติไทยเป็นผู้มีอำนาจลงนาม และมีบุคคลต่างชาติรายหนึ่งลงนามเป็นพยาน มีเงื่อนไขระบุขนาดที่ดินที่ PT.Az Zhara จะขายให้ ปตท. ว่าอยู่ที่ 1.1 แสนเฮกตาร์ (1 เฮกตาร์ ประมาณ 6 ไร่) แต่สัดส่วนการถือหุ้นของ ปตท. ในกิจการดังกล่าว จะอยู่ที่ 55% โดย KSL เป็นผู้ตั้งราคาขายให้กับ ปตท. แต่มูลค่าที่เกินกว่า 17,272,500 เหรียญสหรัฐฯจะตกเป็นของ KSL

ต่อมาบริษัท ดีลอยท์ฯ พบว่า มีเอกสารแก้ไขสัญญาดังกล่าวชื่อ Commission Service Agreement Addendum no.2 ลงวันที่ 17 ม.ค. 2551 ลงนามโดยบุคคลสัญชาติไทยอีกรายหนึ่ง ระบุสาระสำคัญว่า ขนาดที่ดินที่จะทำการซื้อขายเปลี่ยนเป็น 40,500 เฮกตาร์ โดยขายที่ราคา 550 เหรียญสหรัฐฯ/เฮกตาร์ เป็นจำนวนที่ดินและราคาที่ดินที่ตรงกับ SPA (สัญญาซื้อขายหุ้น) ที่ลงนามในเวลาต่อมาเมื่อวันที่ 4 เม.ย. 2551 และ ปตท. จะเข้าถือหุ้น 100%

อย่างไรก็ดีมีเงื่อนไขระบุว่า เจ้าของที่ดินจะได้รับส่วนแบ่ง 327.25 เหรียญสหรัฐฯ/เฮกตาร์ (รวม 13.25 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) ส่วน KSL จะได้รับส่วนแบ่ง 22.75 เหรียญสหรัฐ/เฮกตาร์ (รวม 9.02 ล้านเหรียญสหรัฐฯ)

ราย Mr.Burhan (เจ้าของโครงการ PT.KPI)

KSL ได้ทำสัญญา Consultancy Service Agreement (ข้อตกลงค่าที่ปรึกษา) ลงวันที่ 22 พ.ค. 2552 กับ Mr.Burhan (โดย Mr.Burhan อ้างว่าลงนามต้นปี 2553) โดยมีบุคคลต่างชาติรายหนึ่งเป็นผู้มีอำนาจลงนาม (บุคคลต่างชาติรายนี้คือคนเดียวกับที่ลงนามเป็นพยานในสัญญาค่านายหน้าในโครงการ PT.Az Zhara กับ KSL)

เงื่อนไขสำคัญในสัญญาคือ ราคาที่ Mr.Burhan จะขายให้ ปตท./PTT.GE ได้คือ 1,325 เหรียญสหรัฐฯ/เฮกตาร์ ซึ่งผู้ขาย (Mr.Burhan) จะชำระค่าที่ปรึกษา (Consultancy Service Fee) ให้กับ KSL ในราคา 325 เหรียญสหรัฐ/เฮกตาร์ รวมเป็นเงินประมาณ 25 ล้านเหรียญสหรัฐ (รายงานของ ปตท. ระบุว่า PTT.GE ซื้อที่ดินโครงการนี้รวม 78,877 เฮกตาร์ มูลค่า 52.62 ล้านเหรียญสหรัฐ)

ต่อมามีการทำสัญญาแก้ไข Addendum เมื่อวันที่ 27 ก.พ. 2555 ลงนามโดยบุคคลสัญชาติไทยรายหนึ่ง (บุคคลรายนี้คือคนเดียวกับผู้มีอำนาจลงนามในสัญญาค่านายหน้าในโครงการ PT.Az Zhara กับ KSL)

บริษัท ดีลอยท์ฯ สืบค้นฐานข้อมูลธุรกิจของบุคคลสัญชาติไทย 2 รายที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับกรณีนี้ พบว่า ทั้ง 2 ราย เป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงนามในบริษัทที่จดทะเบียนในประเทศไทย 2 แห่ง โดยหนึ่งในบริษัทที่จดทะเบียนในประเทศไทย ปรากฏชื่อของเครือญาติอดีตนักการเมืองไทยรายหนึ่งเป็นกรรมการในบริษัทนี้ด้วย

นอกจากนี้บริษัท ดีลอยท์ฯ ยังพบว่า เครือญาติอดีตนักการเมืองไทยรายนี้ยังเป็นกรรมการร่วมกับบริษัทจดทะเบียนในสัญชาติไทยอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งมีชื่อของอดีตพนักงานของ PTT.GE ที่ร่วมทำงานในโครงการธุรกิจปาล์มน้ำมันดังกล่าวตั้งแต่ต้นเป็นกรรมการด้วย

สำหรับนักการเมืองไทยรายนี้ เคยมีตำแหน่งเป็นถึงเลขานุการของอดีตรัฐมนตรีสำคัญหลายสมัย และอดีตหัวหน้าพรรคชื่อดังด้วย

ทั้งหมดคือความเชื่อมโยงของจากบริษัทนายหน้าที่เข้าไปรับผลประโยชน์ในการซื้อขายที่ดินระหว่าง ปตท./PTT.GE และผู้ขายในโครงการ PT.Az Zhara และ PT.KPI

อย่างไรก็ดีกรณีนี้ยังอยู่ระหว่างการไต่สวนในชั้นองค์คณะไต่สวน ป.ป.ช. ดังนั้นผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดจึงยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่

อ่านประกอบ :

เปิดหนังสือลับบ.ที่ปรึกษากม.ร้องเรียนอดีตบิ๊กปตท.! หลักฐานใหม่ป.ป.ช.สอบคดีปาล์มอินโดฯ

พบหนังสือลับคดีปาล์มอินโดฯ 'อดีตบิ๊ก ปตท.'บีบที่ปรึกษากม.ปกปิดข้อมูล-ส่งป.ป.ช.สอบเพิ่ม

ซื้อที่โดนหักค่านายหน้า-โยง บ.ไทย! รายงานผู้สอบบัญชี ปตท.ชี้สารพัดปัญหาปลูกปาล์มอินโดฯ

ฉบับเต็ม!รายงานผู้สอบบัญชี ปตท.ชำแหละปัญหาปลูกปาล์มอินโดฯ-โยง บ.นักการเมืองไทย

ป.ป.ช.โอนสำนวนให้'สุภา'คดีปาล์มอินโด-ไล่เส้นทางเงินเอี่ยว บ.ไทย

ซีอีโอใหญ่ ปตท.ให้ถ้อยคำ ป.ป.ช.ปมปลูกปาล์มฯเจ๊งแล้ว สาวลึกใครเอี่ยวบ้าง

ป.ป.ช.ลุยเฟ้นหาข้อมูลปมอ้างชื่อ‘บิ๊กป้อม’หักหัวคิว-จ้างช่วงขุดคลองอผศ.

“นิพิฐ”ขอความเป็นธรรม ป.ป.ช. อ้างบอร์ด ปตท.ทำปลูกปาล์มฯเจ๊ง