ศาล ปค.กลางยันซ้ำเดิม!‘ศิโรตม์’ไม่ผิดปมไม่เก็บภาษีหุ้นชิน‘บรรพจน์’-ถอนคำสั่งลงโทษ
ศาลปกครองกลางพิพากษาซ้ำเดิม เพิกถอนคำสั่งลงโทษปลดราชการ ‘ศิโรตม์’ อดีตอธิบดีกรมสรรพากร ปมไม่เก็บภาษีโอนหุ้น ‘บรรพจน์-พจมาน’ 738 ล้าน ชี้เป็นไปตามลำดับขั้นตอน ได้รับโดยเสน่หา เข้าข่ายยกเว้นภาษี ไม่พบได้ประโยชน์ตอบแทน
จากกรณีศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งกลับคำสั่งศาลปกครองกลางให้พิจารณาคดีใหม่ ในคดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นผู้ร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ คดีที่นายศิโรตม์ สวัสดิ์พาณิชย์ อดีตอธิบดีกรมสรรพากร ผู้ฟ้องคดี กับปลัดกระทรวงการคลัง ผู้ถูกฟ้องคดี กรณีถูกลงโทษปลดออกจากราชการ สืบเนื่องจากที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดนายศิโรตม์ กับพวก กรณีไม่เรียกเก็บภาษีเงินได้จากนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ (พี่ชายบุญธรรม คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภรรยานายทักษิณ ชินวัตร) ที่รับโอนหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จาก น.ส.ดวงตา วงศ์ภักดี ผู้ถือหุ้นแทนคุณหญิงพจมาน โดยมิชอบนั้น (อ่านประกอบ : ป.ป.ช.ร้อง-ศาล ปค.รื้อคดี‘ศิโรตม์’ ปมถอนคำสั่งปลดราชการ-หลังถูกฟันละเว้นภาษีหุ้นชินฯ)
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 1 ส.ค. 2560 ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาในคดีดังกล่าว ให้เพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลัง ที่ลงโทษปลดนายศิโรตม์ ออกจากราชการ กรณีมีความเห็นว่า การพิจารณารับโอนหุ้นบริษัท ชินคอร์ปอร์เรชั่น จำกัด (มหาชน) ของนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ (พี่ชายคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภรรยานายทักษิณ ชินวัตร) จาก น.ส.ดวงตา วงศ์ภักดี ผู้ถือหุ้นแทนคุณหญิงพจมาน จำนวน 4.5 ล้านหุ้น มูลค่า 738 ล้านบาทเมื่อปี 2540 ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้
ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า นายศิโรตม์ ไม่มีความผิดตามที่ ป.ป.ช. ชี้มูลเนื่องจากการพิจารณาเรื่องยกเว้นภาษีดังกล่าว เป็นไปตามลำดับขั้นตอนของหน่วยงานที่รับผิดชอบ ซึ่งทั้งสำนักตรวจสอบภาษี และสำนักกฎหมาย กรมสรรพากร ต่างเห็นตรงกันว่าเป็นการได้รับโอนจากการให้โดยเสน่หา เนื่องในพิธีหรือตามโอกาสแห่งขนบธรรมเนียมประเพณี และเป็นการได้รับจากการอุปการะโดยหน้าที่ธรรมจรรยา เข้าข่ายได้รับการยกเว้นภาษี
อีกทั้งไม่ปรากฏว่า ในเวลานั้นกรมสรรพากรมีการกำหนดหลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติเรื่องเงินที่ได้รับจากการอุปการะลักษณะดังกล่าวไว้ชัดเจน ดังนั้นการพิจารณาจึงอยู่ในดุลพินิจของเจ้าหน้าที่และผู้มีอำนาจสั่งการ ซึ่งจะพิจารณาเป็นรายกรณี และในกรณีนี้ก็ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงที่แสดงว่านายบรรณพจน์หรือคุณหญิงพจมาน ให้ผลประโยชน์ตอบแทนแก่นายศิโรตม์ เพื่อให้มีความเห็นเป็นประโยชน์กับบุคคลทั้งสอง หรือมีพฤติการณ์ที่บ่งชี้ว่านายศิโรตม์มีเจตนาปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดได้รับประโยชน์ที่มิควรได้โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือมีเจตนาไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบราชการ ที่เข้าข่ายเป็นผู้มีความประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง จนเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ดังที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ชี้มูลความผิดไปก่อนหน้านี้
พิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังที่ลงโทษปลดนายศิโรตม์ และให้กระทรวงการคลังคืนสิทธิประโยชน์ที่นายศิโรตม์ พึงได้รับหากมิได้ถูกลงโทษทางวินัยตามคำสั่งดังกล่าว นับตั้งแต่วันที่ 29 ธ.ค. 2549 ซึ่งเป็นวันที่คำสั่งนี้มีผลบังคับใช้ โดยให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 30 วันนับแต่วันที่คำพิพากษาถึงที่สุด
นอกจากนี้ศาลยังเห็นว่า ศาลปกครองมีอำนาจการพิจารณาคดีเกี่ยวกับการชี้มูลความผิดวินัยร้ายแรงของ ป.ป.ช. เนื่องจากการใช้อำนาจของ ป.ป.ช. ในการชี้มูลความผิดวินัยร้ายแรงนั้นเป็นการใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ไม่ใช่การใช้อำนาจวินิจฉัยชี้ขาดตามรัฐธรรมนูญปี 2550 มาตรา 223 วรรคสอง แต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ศาลปกครองกลางเคยมีคำพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งปลดออกจากราชการ และคืนสิทธิประโยชน์แก่นายศิโรตม์ คดีเสร็จเด็ดขาดแล้ว แต่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ยื่นคำขอให้พิจารณาคดีใหม่ โดยอ้างว่า เป็นบุคคลภายนอกมีส่วนได้ส่วนเสีย และถูกกระทบจากคำพิพากษา แต่ศาลปกครองกลางยกคำร้อง คณะกรรมการ ป.ป.ช. อุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด กระทั่งศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งกลับคำสั่งศาลปกครองกลาง ให้ศาลปกครองกลางไต่สวนคดีดังกล่าวใหม่อีกครั้ง
นายศิโรตม์ ที่เดินทางมารับฟังคำพิพากษาด้วยตัวเอง ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ ด้านผู้แทนสำนักงาน ป.ป.ช. ระบุว่า จะมีการยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลางต่อไป
อ่านประกอบ : ตุลาการศาล ปค.แย้ง ป.ป.ช.ยัน‘ศิโรตม์’ ทำถูกไม่เก็บภาษีหุ้นชินฯ‘บรรณพจน์’