คำพิพากษา พล.ร.ต. ต้องชดใช้ 1.9 ล.คดีห้องเย็น ทร.เสียหาย 39.9 ล.
เปิดคำพิพากษาศาลปกครอง คดี พล.ร.ต. 1 ใน 14 ผู้ต้องรับผิดทางละเมิด ฟ้องเพิกถอนคำสั่ง ทร. ชดใช้ค่าเสียหายกรณีดึงเมียนายพลร่วมกิจการห้องเย็นเสียหาย 39.9 ล. ผลยกคำร้อง ต้องจ่าย ตามสัดส่วน 1.9 ล.ระบุมีหน้าที่แต่ไม่คัดค้านคำสั่งมิชอบ ผู้บังคับบัญชา
กรณีกองทัพเรือได้มีคำสั่งให้ข้าราชการกองทัพเรือ จำนวน 14 รายเป็นข้าราชการชั้นยศเรือเอก-พล.ร.อ. ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหาย จำนวน 39.9 ล้านบาท ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง อันเนื่องมาจาก คณะกรรมการสวัสดิการสัตหีบ กองทัพเรือ มีนโยบายให้เอกชน (ร้าน KO ผักสดของภรรยา พล.ร.ต.ของกองทัพเรือ) เข้าร่วมดำเนินการห้องเย็นสวัสดิการของกองทัพเรือ
และส่งเรื่องให้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สอบสวนเอาผิดกับข้าราชการ 2 คน คือ พล.ร.ต.สุรชัย โภคามาศ ผู้จัดการห้องเย็น ช่วงปี 2550-2552 และ น.ท.พุทธิวัฒน์ สุขะวรรณทัศน์ หัวหน้าฝ่ายจัดส่งเสบียง คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ตั้งอนุกรรมการไต่สวน เมื่อปี 2555 ปัจจุบันเรื่องอยู่ระหว่างการสอบสวน
ขณะที่ ผู้ถูกคำสั่งให้ชดใช้ค่าเสียหายทางแพ่งจำนวน 13 คนจากทั้งหมด 14 คน ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองระยอง และศาลปกครองกลาง ขอให้เพิกถอนคำสั่งของกองทัพเรือ (ทร.) ปรากฎว่าศาลยกคำร้องทั้งหมด ยกเว้น 1 ราย กรณี พล.ร.ต.ธงชัย ใจเย็น อดีตผู้จัดการห้องเย็นฯ ในช่วงปี 2548-2550 (ต่อมาได้รับเลื่อนยศเป็น พล.ร.ท.) ฟ้องเพิกถอนคำสั่งที่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในอัตราร้อยละ 20 ของความเสียหาย 39,979,317.15 บาท คิดเป็น 7,995,863.43 บาท ศาลปกครองระยอง มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 22 ก.ย.2558 เพิกถอนคำสั่งของ ผบ.ทร. สรุปว่า พล.ร.ต.ธงชัยได้พ้นตำแหน่งผู้จัดการฯก่อนที่ห้องเย็นสวัสดิการจะเกิดความเสียหาย 39.9 ล้านบาท (อ่านประกอบ:ศาลปกครองเพิกถอน คำสั่ง ทร.! พล.ร.ท.ไม่ต้องชดใช้ 7.9 ล. คดีทุจริตห้องเย็น,คำพิพากษา พล.ร.ท.ไม่ต้องชดใช้ 7.9 ล. ทร.!ทำผิดระเบียบ-ได้เงินครบ-ไม่เสียหาย)
1 ในจำนวน 14 ราย ที่มิได้ยื่นฟ้องเพิกถอนคำสั่งกองทัพเรือต่อศาลปกครอง คือ พล.ร.ต.สุรชัย โภคามาศ อดีตผู้จัดการห้องเย็นช่วงปี 2550-2552 (อ่านประกอบ:หนังสือ 'พล.ร.ต.' แย้งคำสั่ง ทร.ชดใช้ 15.9 ล. ซัด ‘นายสั่ง’-กก.เห็นชอบทุกเรื่อง)
คราวนี้มาดู ราย นาวาเอกเสริมเกรียรติ จันทรสะอาด (ยศปัจจุบัน พล.ร.ต.) กันบ้าง?
น.อ.เสริมเกียรติยื่นฟ้อง ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผู้ถูกฟ้องที่ 1) และ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผู้ถูกฟ้องที่ 2) ต่อศาลปกครองระยอง ให้เพิกถอนคำสั่งตามหนังสือกองทัพเรือ ลับ ที่ กห 0500/80 ลงวันที่ 28 เมษายน 2556 กรณีให้ชดใช้เงินจำนวน 1,998,965.86 บาท
ศาลปกครองพิพากษาเมื่อวันที่ 25 ธ.ค.2558 ยกคำร้อง วินิจฉัยว่า ผู้ฟ้องคดีมีหน้าที่ควบคุม กำกับ ดูแล การปฏิบัติหน้าที่ของแผนกต่างๆ ให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของกิจการห้องเย็น แต่กลับมิได้เสนอความเห็นคัดค้านหรือเสนอแนะผู้จัดการกิจการห้องเย็น ให้ยกเลิกการดำเนินการกับร้าน K.O. ผักสด ทั้งที่อยู่ในตำแหน่งที่สามารถกระทำได้
อีกทั้งยังเป็นผู้ลงลายมือชื่อในรายงาน ผลการตรวจรับพัสดุและจ้างทำพัสดุว่า ได้รับของเพื่อจำหน่ายเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่ได้รับของจริงเพื่อให้ครบขั้นตอนการเบิกจ่ายเงินให้แก่ร้าน K.O. ผักสด ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งผู้ฟ้องคดีสามารถปฏิเสธไม่ลงนามในเอกสารการขอเบิกเงิน และเสนอรายงานข้อขัดข้องต่อผู้มีอำนาจสั่งจ่ายเงินได้ โดยไม่ถือว่าเป็นการขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา ซึ่งจะต้องถูกลงโทษตามวินัยทหารแต่อย่างใด
สำนักข่าวอิศรา เรียบเรียบสาระสำคัญมาเสนอ
คดีมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยว่า คำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ตามหนังสือกองทัพเรือ ลับ ที่ กห 0500/80 ลงวันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2556 เรียกให้ผู้ฟ้องคดีชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ราชการ จำนวน 1,998,965.86 บาท และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ที่ให้ยกอุทธรณ์ของผู้ฟ้องคดีเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
การจะวินิจฉัยประเด็นดังกล่าวมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยในเบื้องต้นว่า ผู้ฟ้องคดีกระทำละเมิดต่อกองทัพเรือในการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงหรือไม่ และหากผู้ฟ้องคดีกระทำละเมิดต่อกองทัพเรือในการปฏิบัติหน้าที่ในกรณีดังกล่าวด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงแล้ว ผู้ฟ้องคดีต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่กองทัพเรือหรือไม่ เพียงใด
พิเคราะห์แล้วเห็นว่า โดยที่มาตรา 420 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บัญญัติว่า ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิดจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น ประกอบกับระเบียบสวัสดิการสัตหีบ ว่าด้วย การเงินและการบัญชี กองทุนสวัสดิการสัตหีบ พ.ศ. 2543 ข้อ 4 กำหนดว่า ในระเบียบนี้ 4.18 “ระเบียบแบบแผนของทางราชการ” หมายความว่า กฎหมาย ข้อบังคับ ระเบียบ และคำชี้แจงของทางราชการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ การเงิน การบัญชี การสถิติ และการพัสดุ และข้อ 31 กำหนดว่า การจ่ายเงินตามคำสั่งซึ่งผิดจากที่ระเบียบนี้กำหนด โดยที่เหรัญญิกหรือหัวหน้าการเงินหรือผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่แทนหัวหน้าการเงิน หรือซึ่งได้ตรวจหลักฐานการจ่ายเงินแล้ว มิได้รายงานข้อขัดข้องต่อผู้มีอำนาจสั่งจ่ายเงิน ผู้นั้นต้องร่วมรับผิดชดใช้เงินด้วย และระเบียบสวัสดิการสัตหีบ ว่าด้วยการแบ่งส่วนกิจการต่างๆ และวัตถุประสงค์ พ.ศ. 2546 ข้อ 7 กำหนดว่า วัตถุประสงค์ของกิจการต่างๆ ของสวัสดิการสัตหีบ มีดังนี้ 7.7 กำหนดว่า วัตถุประสงค์ของกิจการห้องเย็น เพื่อสนับสนุนกิจการทหารในด้านการบริการเสบียงให้กับหน่วยกำลังรบที่ออกปฏิบัติราชการ โดยเฉพาะเรือของกองเรือในพื้นที่สัตหีบ รวมทั้งจำหน่ายเครื่องอุปโภค บริโภค เพื่อเป็นสวัสดิการแก่ข้าราชการ และลูกจ้างกองทัพเรือ กับทั้งมาตรา 10 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 บัญญัติว่า ในกรณีที่เจ้าหน้าที่เป็นผู้กระทำละเมิดต่อหน่วยงานของรัฐ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานของรัฐที่ผู้นั้นอยู่ในสังกัดหรือไม่ ถ้าเป็นการกระทำในการปฏิบัติหน้าที่ การเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากเจ้าหน้าที่ให้นำบทบัญญัติมาตรา 8 มาใช้บังคับโดยอนุโลม แต่ถ้ามิใช่การกระทำในการปฏิบัติหน้าที่ให้บังคับตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และมาตรา 8 วรรคหนึ่งแห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว บัญญัติว่า ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เสียหายเพื่อการละเมิดของเจ้าหน้าที่ ให้หน่วยงานของรัฐมีสิทธิเรียกให้เจ้าหน้าที่ผู้ทำละเมิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนดังกล่าวแก่หน่วยงานของรัฐได้ ถ้าเจ้าหน้าที่ได้กระทำการนั้นไปด้วยความจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง วรรคสอง บัญญัติว่า สิทธิเรียกให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามวรรคหนึ่งจะมีได้เพียงใดให้คำนึงถึงระดับความร้ายแรงแห่งการกระทำและความเป็นธรรมในแต่ละกรณีเป็นเกณฑ์โดยมิต้องให้ใช้เต็มจำนวนของความเสียหายก็ได้ วรรคสาม บัญญัติว่า ถ้าการละเมิดเกิดจากความผิดหรือความบกพร่องของหน่วยงานของรัฐ หรือระบบการดำเนินงานส่วนรวม ให้หักส่วนแห่งความรับผิดดังกล่าวออกด้วย และวรรคสี่ บัญญัติว่า ในกรณีที่การละเมิดเกิดจากเจ้าหน้าที่หลายคน มิให้นำหลักเรื่องลูกหนี้ร่วมมาใช้บังคับและเจ้าหน้าที่แต่ละคนต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนเฉพาะส่วนของตนเท่านั้น
@มีหน้าที่แต่ไม่คัดค้านหรือเสนอให้ยกเลิกเอกชน
เมื่อคดีนี้ข้อเท็จริงปรากฏว่า ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2549 ผู้ฟ้องคดีได้รับคำสั่งให้ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการกิจการห้องเย็น สวัสดิการสัตหีบ มีหน้าที่ควบคุม กำกับ ดูแล แผนกธุรการและกำลังพล แผนกการเงินและงบประมาณ แผนกซ่อมบำรุงและบริการ แผนกกรรมวิธีข้อมูล และตรวจสอบหลักฐานของแผนกจัดหา ฝ่ายจัดส่งเสบียง แผนกคลัง และรวบรวมข้อมูลรายได้รายจ่ายของทุกฝ่าย ทุกแผนก ให้ผู้จัดการกิจการห้องเย็นเพื่อประกอบการประชุมสวัสดิการสัตหีบ
ดังนั้น ผู้ฟ้องคดีในฐานะผู้ช่วยผู้จัดการกิจการห้องเย็นต้องมีหน้าที่ควบคุม กำกับ ดูแล การปฏิบัติหน้าที่ของแผนกต่างๆ ให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของกิจการห้องเย็น ตามระเบียบสวัสดิการสัตหีบ ว่าด้วยการแบ่งส่วนกิจการต่างๆ และวัตถุประสงค์ พ.ศ. 2546 ประกอบกับระเบียบสวัสดิการสัตหีบว่าด้วย การเงินและการบัญชี กองทุนสวัสดิการสัตหีบ พ.ศ. 2543
นอกจากนี้ผู้ฟ้องคดีย่อมรู้ว่า มีเงินทุนของสวัสดิการสัตหีบสะสมอยู่ที่ร้าน K.O. ผักสดเป็นจำนวนมาก เนื่องจากกิจการห้องเย็นได้จ่ายเงินทุนค่าเสบียงให้แก่ร้าน K.O. ผักสด เพื่อดำเนินการจัดส่งเสบียงพร้อมกับเรียกเก็บเงินจากลูกค้าเอง โดยร้าน K.O. ผักสด ให้ผลประโยชน์ตอบแทนแก่กิจการห้องเย็นตามอัตราที่ตกลงกัน ซึ่งเป็นการดำเนินการอกกรอบและวัตถุประสงค์ของกิจการห้องเย็น โดยไม่มีระเบียบของทางราชการให้ดำเนินการได้ ดังที่ปรากฏข้อเท็จจริงในสำนวนคดีตามหนังสือของผู้ฟ้องคดีฉบับลงวันที่ 22 พฤษภาคม 2556 กรณีอุทธรณ์คำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ตามหนังสือกองทัพเรือ ลับ ที่ กห 0500/80 ลงวันที่ 29 เมษายน 2556 ว่า
“... ก่อนที่ผู้จัดการฯ จะตกลงใจรับข้อเสนอของร้าน K.O. ผักสด นั้น กระผมได้เสนอข้อพิจารณาเรื่องการจัดซื้อสินค้าจะมีปัญหาอย่างแน่นอน เพราะทางกิจการฯ จะไม่เห็นสินค้าเลย ... ซึ่งผู้จัดการฯ ก็ได้ตัดสินใจให้ดำเนินการ โดยให้ร้าน K.O. ผักสด เป็นผู้พิมพ์รายการสินค้าเอง และส่งให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดส่งดำเนินการรวบรวมส่งให้แผนกการเงินทำเรื่องเบิกเงินจากสวัสดิการสัตหีบ และได้สั่งการให้ผู้เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการจัดทำเอกสารการจัดซื้อให้ถูกต้องตามระเบียบสำนักนายกฯ นั่นคือผู้จัดการท่านย่อมรับทราบแล้วว่าจะไม่เห็นสินค้า แต่จะเห็นแต่เงินที่จะจ่ายให้กับร้าน K.O. ผักสด เป็นเงินทุนและรับเงินจากร้าน K.O. ผักสด พร้อมบวกผลกำไรตามที่ตกลงกัน ... กระผมก็เคยพูดกับผู้จัดการฯ ด้วยว่า การก่อตั้งของกิจการห้องเย็นฯ ขึ้นมานั้น ก็เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของ ผบ.ทร. ในการปรับปรุงระบบส่งกำลังในสมัยนั้น ซึ่งเริ่มแรกมีเพียงฝ่ายจัดส่งเท่านั้นเป็นการจัดเก็บรักษาอาหารแช่แข็งและอาหารสด เพื่อจัดส่งให้หน่วยต่างๆ ใน ทร. ส่วนฝ่ายร้านค้ามาจัดตั้งในภายหลัง ... เรื่องของร้าน K.O. ผักสด ติดหนี้เป็นจำนวนมากก็มีการประชุมประจำเดือนทั้งในสวัสดิการสัตหีบ และในกิจการห้องเย็นฯ โดยเฉพาะการประชุมภายในกิจการห้องเย็นฯ ผู้บังคับบัญชาเหนือกระผมขึ้นไปและฝ่ายจัดส่งฯ ก็มีสิทธิที่จะเสนอความเห็นคัดค้าน หรือเสนอแนะในที่ประชุมว่าจะยกเลิกการดำเนินการหรือไม่ ก็ไม่มีใครเสนอมีแต่สั่งการในที่ประชุมให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดส่งฯ เร่งรัดติดตามหนี้สินให้ได้ทุกครั้ง ... ผู้จัดการฯ (ทั้งพล.ร.ต. ธงชัยฯ และพล.ร.ต. สุรชัยฯ) รับทราบอยู่แล้วว่ากิจการห้องเย็นฯ จะไม่เห็นสินค้าอยู่แล้ว เป็นเพียงการจัดทำเอกสารให้ถูกต้องตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ เท่านั้น ซึ่งการลงลายมือชื่อนี้ กระผมก็มิได้มีความสบายใจ ...”
แต่ผู้ฟ้องคดีกลับมิได้เสนอความเห็นคัดค้านหรือเสนอแนะผู้จัดการกิจการห้องเย็น ให้ยกเลิกการดำเนินการกับร้าน K.O. ผักสด ทั้งที่อยู่ในตำแหน่งที่สามารถกระทำได้
อีกทั้งยังเป็นผู้ลงลายมือชื่อในรายงาน ผลการตรวจรับพัสดุและจ้างทำพัสดุว่า ได้รับของเพื่อจำหน่ายเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่ได้รับของจริงเพื่อให้ครบขั้นตอนการเบิกจ่ายเงินให้แก่ร้าน K.O. ผักสด ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งผู้ฟ้องคดีสามารถปฏิเสธไม่ลงนามในเอกสารการขอเบิกเงิน และเสนอรายงานข้อขัดข้องต่อผู้มีอำนาจสั่งจ่ายเงินได้ โดยไม่ถือว่าเป็นการขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา ซึ่งจะต้องถูกลงโทษตามวินัยทหารแต่อย่างใด แต่ผู้ฟ้องคดีหาได้กระทำเช่นนั้นไม่
@ไม่มีเจตนทุจริตแต่เลินเล่อร้ายแรง
ดังนั้น แม้ข้อเท็จจริงในสำนวนคดีจะไม่ปรากฏพยานหลักฐานยืนยันชัดแจ้งว่า ผู้ฟ้องคดีมีพฤติการณ์โดยมีเจตนาทุจริตและไม่อาจฟังว่าเป็นการกระทำโดยจงใจ แต่ในการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวผู้ฟ้องคดีมิได้ใช้ความระมัดระวัง ซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่
พฤติการณ์ของผู้ฟ้องคดีถือได้ว่าเป็นการกระทำโดยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง และเป็นผลโดยตรงให้กองทัพเรือได้รับความเสียหาย จึงถือว่าผู้ฟ้องคดีกระทำละเมิดต่อกองทัพเรือตามมาตรา 420 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ผู้ฟ้องคดีจึงต้องรับชดใช้ค่าสินไหมทดแทนความเสียหายเพื่อการละเมิดต่อกองทัพเรือ ตามมาตรา 10 ประกอบมาตรา 8 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539
@ยันความเห็น ก.คลังชอบ
กรณีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยต่อไปว่า ผู้ฟ้องคดีต้องรับชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่กองทัพเรือเพียงใด
พิเคราะห์แล้วเห็นว่า จากบทบัญญัติตามมาตรา 10 ประกอบมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 การที่หน่วยงานของรัฐจะใช้สิทธิเรียกให้เจ้าหน้าที่ผู้ทำละเมิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนได้นั้น ต้องคำนึงถึงหลักเกณฑ์สำคัญ 4 ประการ คือ
1) เจ้าหน้าที่ได้กระทำละเมิดในการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความจงใจ หรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง
2) ต้องคำนึงถึงความร้ายแรงแห่งการกระทำและความเป็นธรรมในแต่ละกรณี
3) หากการกระทำละเมิดเกิดจากความผิดหรือบกพร่องของหน่วยงานของรัฐ หรือระบบการดำเนินงานส่วนรวมต้องหักส่วนความรับผิดดังกล่าวออกด้วย และ
4) กรณีละเมิดเกิดจากเจ้าหน้าที่หลายคนมิให้นำหลักเรื่องลูกนี้ร่วมมาใช้บังคับ
เมื่อคดีนี้ข้อเท็จจริงปรากฏว่า หลังจากที่คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดได้รายงานผลการตรวจสอบเสนอกองทัพไทยเพื่อรายงานให้กระทรวงการคลังพิจารณา และเมื่อกระทรวงการคลังพิจารณาแล้วเห็นว่า กองทัพเรือได้รับความเสียหายจำนวน 39,985,317.15 บาท อันมีสาเหตุเกิดจากความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง โดยกระทรวงการคลังพิจารณาถึงความเป็นธรรมและระดับความร้ายแรงแห่งการกระทำแล้ว ให้รับผิดชดใช้ค่าเสียหายในอัตราร้อยละ 50 ของความเสียหายจำนวนดังกล่าว คิดเป็นเงิน 19,989,658.56 บาท โดยผู้ฟ้องคดีในฐานะผู้ช่วยผู้จัดการกิจการห้องเย็น มีหน้าที่ควบคุม กำกับ ดูแล แผนกธุรการและกำลังล แผนกการเงินและงบประมาณ แผนกซ่อมบำรุงและบริการ แผนกกรรมวิธีข้อมูลรายได้รายจ่ายของทุกฝ่ายทุกแผนก ให้ผู้จัดการกิจการห้องเย็นเพื่อประกอบการประชุมสวัสดิการสัตหีบ ผู้ฟ้องคดีจึงรู้ปัญหาเงินทุนของสวัสดิการสัตหีบสะสมอยู่ที่ร้าน K.O. ผักสด เป็นจำนวนมาก เนื่องจากกิจการห้องเย็นได้จ่ายเงินทุนค่าเสบียงให้แก่ร้าน K.O. ผักสด เพื่อดำเนินการจัดส่งเสบียงพร้อมกับเรียกเก็บเงินจากลูกค้าเอง โดยร้าน K.O. ผักสด ให้ผลประโยชน์ตอบแทนแก่กิจการห้องเย็นตามอัตราที่ตกลงกัน ซึ่งเป็นการดำเนินการนอกกรอบวัตถุประสงค์ของกิจการห้องเย็น โดยไม่มีระเบียบของทางราชการให้ดำเนินการได้ แต่ผู้ฟ้องคดีกลับมิได้เสนอความเห็นคัดค้านหรือเสนอแนะผู้จัดการกิจการห้องเย็นให้ยกเลิกการดำเนินการกับร้าน K.O. ผักสด ทั้งที่อยู่ในตำแหน่งที่สามารถกระทำได้ อีกทั้งยังเป็นผู้ลงลายมือชื่อในรายงานผลการตรวจรับพัสดุและจ้างทำพัสดุว่าได้รับของเพื่อจำหน่ายเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่ได้รับของจริงเพื่อให้ครบขั้นตอนการเบิกจ่ายเงินให้แก่ร้าน K.O. ผักสด ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งหากผู้ฟ้องคดีได้ใช้ความระมัดระวังหรือความรอบคอบในการลงลายมือชื่อในรายงาน ผลการตรวจรับพัสดุและจ้างทำพัสดุแล้ว ย่อมสามารถระงับการจ่ายเงินที่ไม่ถูกต้องตามระเบียบได้
พฤติการณ์ถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ทำให้กองทัพเรือได้รับความเสียหายจึงให้รับผิดชดใช้ค่าเสียหายในอัตราร้อยละ 10 ของความเสียหาย จำนวน 19,989,658.56 บาท คิดเป็นเงิน 1,998,965.86 บาท ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 จึงได้มีหนังสือกองทัพเรือ ลับ ที่ กห 0500/80 ลงวันที่ 29 เมษายน 2556 เรียกให้ผู้ฟ้องคดีชดใช้ค่าเสียหานจำนวน 1,998,965.86 บาท ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง
ซึ่งเมื่อพิจารณาแล้ว เห็นได้ว่าความเห็นของกระทรวงการคลังข้างต้นนั้น เป็นการพิจารณาโดยคำนึงถึงระดับความร้ายแรงแห่งการกระทำและความเป็นธรรมในแต่ละกรณีเป็นเกณฑ์ นอกจากนี้ยังเห็นได้ว่าความเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้น เป็นผลที่เกิดขึ้นจากพฤติการณ์ของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องหลายราย ซึ่งแต่ละรายต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายตามพฤติการณ์แห่งการกระทำละเมิด และกระทรวงการคลังได้มีความเห็นให้ชดใช้ค่าเสียหายเป็นจำนวนไม่เท่ากัน โดยพิจารณาแยกเป็นเจ้าหน้าที่ผู้กระทำโดยจงใจให้ราชการได้รับความเสียหาย และเจ้าหน้าที่ที่กระทำโดยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ครอบคลุมทั้งในส่วนระดับผู้บริหารและระดับเจ้าหน้าที่ รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในสวัสดิการสัตหีบด้วย มิได้มีการช่วยเหลือผู้หนึ่งผู้ใดตามที่ผู้ฟ้องคดีกล่าวอ้างแต่อย่างใด
อีกทั้งกรณีนี้เป็นการออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นผู้กระทำละเมิดต่อหน่วยงานของรัฐในการปฏิบัติหน้าที่ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน มิใช่เป็นการเรียกให้เจ้าหน้าที่ต้องรับผิดชดใช้เงินแทนร้าน K.O. ผักสด ซึ่งกรณีดังกล่าวหากกองทัพเรือได้รับค่าชดใช้ค่าเสียหายจากนางอังคณา ก็ย่อมนำมาหักตามสัดส่วนที่เรียกผู้ฟ้องคดีชดใช้ค่าเสียหายได้
ดังนั้น ความเห็นของกระทรวงคลังจึงชอบแล้ว และเมื่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 มีคำสั่งหนังสือกองทัพเรือ ลับ ที่ กห 0500/80 ลงวันที่ 29 เมษายน 2556 ให้ผู้ฟ้องคดีชดใช้เงินจำนวน 1,998,965.86 บาท แก่กองทัพเรือ ตามความเห็นของกระทรวงการคลังดังกล่าว คำสั่งของผู้ถูกฟ้องที่ 1 จึงชอบด้วยกฎหมาย
@คณะกก.สอบข้อเท็จจริงความจริงรับผิดทางละเมิดสอบครบถ้วน
กรณีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยต่อไปว่า การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 มีคำวินิจฉัยไม่เห็นด้วยกับคำอุทธรณ์ของผู้ฟ้องคดีทั้งหมด ตามหนังสือสำนักงานพระธรรมนูญทหาร ลับ ด่วนมาก ที่ กห 0301.6/27 ลงวันที่ 26 มิถุนายน 2556 เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
เห็นว่า เมื่อได้วินิจฉัยแล้วว่าคำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ตามหนังสือกองทัพเรือ ลับ ที่ กห 0500/80 ลงวันที่ 29 เมษายน 2556 ให้ผู้ฟ้องคดีชดใช้เงินจำนวน 1,998,965.86 บาท แก่กองทัพเรือ ตามความเห็นของกระทรวงการคลังเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย ดังนั้น การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 มีคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้ฟ้องคดีโดยอาศัยข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเดียวกับความเห็นของผู้ถูกฟ้องที่ 1 แล้วมีคำวินิจฉัยไม่เห็นด้วยกับคำอุทรธณ์ของผู้ฟ้องคดีทั้งหมด คำวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ดังกล่าวจึงชอบด้วยกฎหมายเช่นเดียวกัน
สำหรับกรณีที่ผู้ฟ้องคดีอ้างว่า คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความจริงรับผิดทางละเมิดได้สอบปากคำ โดยไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ฟ้องคดีทราบล่วงหน้า ผู้ฟ้องคดีจึงไม่ทราบวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของการสอบสวน และเป็นการตอบคำถามตามที่คณะกรรมการตั้งคำถาม ข้อมูลจึงไม่ครบถ้วนนั้น เห็นว่า บันทึกการสอบสวนของคณะกรรมการตามสั่งที่ ทร ลงวันที่ 30 กรกฎาคม 2553 ท้ายบันทึกสำนักงานพระธรรมนูญทหารเรือ ลับ เลขรับ 42/53 ลงวันที่ 16 กรกฎาคม 2553 เรื่อง การสอบสวนข้อเท็จจริงความรับผิดละเมิด กรณีกองทุนสวัสดิการทหารเรือได้รับความเสียหาย คณะกรรมการได้แจ้งสิทธิชี้แจงข้อเท็จจริง และโต้แย้งแสดงพยานหลักฐานให้ผู้ฟ้องคดีแล้ว อีกทั้งผู้ฟ้องคดีได้ลงลายมือชื่อรับทราบสิทธิดังกล่าว โดยมิได้โต้แย้งแต่อย่างใด กรณีจึงเป็นการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดที่ได้ปฏิบัติตามข้อ 14 และข้อ 15 ของระเบียบสำนักงานนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยหลักเกณฑ์การปฏิบัติเกี่ยวกับความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 แล้ว ข้ออ้างของผู้ฟ้องคดีไม่อาจรับฟังได้
พิพากษายกฟ้อง (คดีหมายเลขแดงที่ 328/2558)
อ่านประกอบ:
หนังสือ 'พล.ร.ต.' แย้งคำสั่ง ทร.ชดใช้ 15.9 ล. ซัด ‘นายสั่ง’-กก.เห็นชอบทุกเรื่อง
ทร.ยัน‘พล.ร.ต.สุรชัย’จำยอมชดใช้ 15.9 ล.คดีทุจริตห้องเย็น-หาช่องยึดทรัพย์
เผยชื่อครบ13 นายทหารฟ้องศาลเพิกถอนคำสั่ง ผบ.ทร.คดีทุจริตห้องเย็น39.9 ล.
คำพิพากษา พล.ร.ท.ไม่ต้องชดใช้ 7.9 ล. ทร.!ทำผิดระเบียบ-ได้เงินครบ-ไม่เสียหาย
ศาลปกครองเพิกถอน คำสั่ง ทร.! พล.ร.ท.ไม่ต้องชดใช้ 7.9 ล. คดีทุจริตห้องเย็น
เปิดชื่อ กก.ไต่สวน พล.ร.ต.-เมียนายพล ทุจริตห้องเย็น ทร.- พล.อ.อกนิษฐ์ ด้วย
น.ท.ร้อง 5 ปีไม่คืบ!คดีทุจริตห้องเย็น ทร. 39.9 ล.-ป.ป.ช.เปลี่ยน กก.สอบชุดสอง
เปิดคำพิพากษา!เมียนายพลชดใช้ 44 ล.ร่วมกิจการ ทร.-พล.ร.ท.ชวนเข้าหุ้น
ศาลอุทธรณ์ยืนสั่ง ‘เมีย’นายพล ชดใช้เงิน 44 ล.ปมร่วมกิจการห้องเย็นฯทัพเรือ
ไทม์ไลน์!มหากาพย์ คดีห้องเย็น 39.9 ล. เอื้อเมียนายพล-เชือด พล.ร.อ. 14 ทหาร