ปมคิงเพาเวอร์ อ้างรัฐเสียหาย 4 หมื่นล้าน "ชาญชัย" ยันนายกฯ มีอำนาจจัดการ
ชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อ้างรัฐเสียหายกรณีคิงเพาเวอร์ราว 4 หมื่นล้านบาท ลั่นเป็นบททดสอบใหญ่ให้นายกฯ ประยุทธ์ จัดการเรื่องธรรมาภิบาลให้เป็นตัวอย่าง ย้ำชัดวันนี้คำตอบอยู่ที่รัฐบาลเท่านั้น
เมื่อวันที่ 31 พ.ค. 2560 ณ ที่ทำการพรรคประชาธิปปัตย์ นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จัดแถลงข่าวกรณีการดำเนินธุรกิจ ของบริษัทคิงเพาวเวอร์กับบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. อ่านประกอบ (วงเสวนาแก้คอร์รัปชั่นจี้"บิ๊กตู่"เลิกสัญญาคิงเพาเวอร์ อ้างผิดมาตลอด )
นายชาญชัย กล่าวว่า เรื่องทั้งหมดถูกส่งให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และได้มีการพูดคุยกับทาง ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี แล้วหลายครั้ง รวมถึงทางสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เคยได้ส่งเอกสารชี้แจงเกี่ยวกับการทุจริตดังกล่าวไปแล้วด้วย วันนี้ท่านนายกรัฐมนตรีจะบอกว่าไม่ทราบเรื่องคงไม่ได้ ความผิดทั้งหลายที่เกิดขึ้นภายในการบริหารจัดการของ ทอท. ที่ทำสัญญากับคิงเพาวเวอร์จะเลิกไม่เลิก อยู่ที่อำนาจของท่านนายกฯ อาสามาปฏิวัติ ตั้งใจจะกำจัดทุนสามานย์ทั้งหลายที่หากินบนรัฐวิสาหกิจของไทย
“ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสัญญาของ คิงพาวเวอร์เกิดอะไรขึ้นถึงไม่กล้าสั่งการ จะบอกว่า ไม่รู้เรื่อง ผมไม่เชื่อ เพราะมีเอกสาร จากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ถึงนายก ทั้งหมด เรื่องนี้นายกจะทำอะไร อยู่ที่ท่าน ถ้าแค่หน่วยเดียวยังจัดการไม่ได้ แล้วจะไปจัดการเรื่องอื่นได้อย่างไร อย่าลืมว่าสนามบิน คือความมั่นคงของประเทศ แต่กลับปล่อยให้เอกชนรายเดียวมามีอำนาจเหนือรัฐได้อย่างไร” นายชาญชัย กล่าว และว่านายกฯจะบอกให้ประชาชนตอบคำถาม4ข้อ นายกฯควรทำให้เห็นก่อนโดยเฉพาะเรื่องธรรมาภิบาลว่าแปลว่าอย่างไร อยู่ที่ประโยชน์ส่วนตน พวกพ้องน้องพี่หรือไม่ จะเก็บเงินสามสี่หมื่นล้านบาทหรือไม่อยู่ที่ท่าน
นายชาญชัย กล่าวอีกว่า ความผิดรอบนี้ถึงขั้นต้องเปลี่ยนกรรมการบริษัท ท่าอากาศยานไทยบางคนออก เพราะกรรมการบริหารเป็นผู้เสียหาย ต้องเรียกเงินคืนจากคิงเพาเวอร์ที่ไม่ปฏิบัติตามสัญญา แต่กลับมีการให้สัมภาษณ์ของบอร์ด ทอท. บอกว่าระบบตรวจวัดยอดขาย (Point Of Sale : POS) ที่ซื้อ 200 ล้านบาทล้าสมัย ไม่สามารถเชื่อมต่อได้ แต่พอ สตง.ตรวจสอบก็ชี้ว่าเป็นรุ่นที่ดีที่สุดบันทึกด้วยการกระดาษซึ่งแก้ไม่ได้ กลับไม่เอามาใช้ เท่ากับว่าว่า 196 เครื่องซื้อมาไม่ใช้เสียหายไป 200 ล้านบาท แล้วมาจัดซื้อใหม่อีก 332 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน นายชาญชัย กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ยังพบกรณีข้อเท็จจริงตามสำนวนคดีและคำพิพากษาคดีอาญาของศาล ซึ่งถึงที่สุดเเล้วว่า บริษัทคิงเพาเวอร์ มีพฤติกรรมลักลอบจำหน่ายสินค้าปลอดอากร จากการที่อนุญาตให้บริษัทคิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ดำเนินธุรกิจร้านค้าปลอดอากรในเมือง โดยกำหนดจัดส่งสินค้าให้ผู้ซื้อที่ จัดรับสินค้าขาออกนอกประเทศ ซึ่งไม่อนุญาตให้นำเข้ากลับมาประเทศ
“จากกรณีศึกษาโครงการของรัฐที่เสียเปรียบภาคเอกชน ก่อให้เกิดความเสียหายจากหลีกเลี่ยงการเสียภาษี การไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย การเอื้อประโยชน์ให้บริษัทคู้สัญญากับรัฐ เป็นจำนวนเงินประมาณ 4 หมื่นล้านบาท” นายชาญชัยกล่าว.