เปิดหนังสือ เบสท์ริน ร้อง สนช. แจงถูกยัดเยียดข้อกล่าวหา ถิ่นกำเนิดรถเมล์ NGV 489 คัน
เบสท์ริน ยันจัดซื้อรถเมล์ NGV ชอบด้วยกฎหมาย แจ้งแหล่งประกอบรถตามเอกสารจากทางการมาเลเซีย ด้านก.คมนาคม ชี้ 7 ก.พ. ขสมก.บอกเลิกสัญญาได้ หลังสั่งปรับบริษัทเกิน 10% ของโครงการฯ
มหากาพย์รถเมล์ NGV ขสมก. ส่อเค้าจะยื้ดเยื้อยาวนานขึ้นไปอีก นับตั้งแต่เริ่มมีการตั้งคำถามถึงคุณสมบัติของเอกชนที่ชนะประมูลรถโดยสารจำนวน 489 คัน รวมถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับปัญหาการส่งมอบรถที่มีการสำแดงแหล่งกำเนิดเป็นเท็จ
ที่ล่าสุดนายพิชิต อัคราทิตย์ รมช.คมนาคม ได้เปิดเผยกับทางสื่อมวลชนว่า หากองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.) ยังไม่สามารถรับรถโดยสารที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง(NGV) จากบริษัท เบสท์ริน กรุ๊ปได้ ก็จะสั่งให้ ขสมก.บอกยกเลิกสัญญา เพื่อให้กระบวนการทำงานของ ขสมก.เป็นไปตามสัญญาที่ตกลงกับบริษัท เบสท์ริน โดยระบุว่า หากไม่สามารถส่งมอบรถเมล์ตามกำหนด บริษัทเบสท์รินในฐานะคู่สัญญาจะต้องจ่ายค่าปรับและค่าปรับถึงระดับที่เป็นจำนวนเงิน 10% ของมูลค่าโครงการแล้ว ก็ยังไม่สามารถส่งมอบรถเมล์ให้ได้ ขสมก.สามารถบอกเลิกสัญญาได้ ซึ่งในวันที่7 ก.พ.นี้ จำนวนเงินค่าปรับจะมีมูลค่าครบ 10% ของมูลค่าโครงการแล้ว
ซึ่งเมื่อเช้าวันที่ 6 ก.พ. นายคณิสสร์ ศรีวชิระประภา ประธานบริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด พร้อมด้วยทีมทนายความ เดินทางมายัง อาคาร2 รัฐสภา เพื่อเข้ายื่นหนังสือร้องเรียน ต่อประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่กรมศุลกากร ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับรถเมล์ NGV พร้อมทั้งให้สัมภาษณ์ว่าขณะนี้ได้ส่งมอบรถจำนวน 390 คัน มีการจดทะเบียนไปแล้วบางส่วน ขณะที่ ขสมก.ยังคงรอความชัดเจน ซึ่งทางประธานบริษัทเบสท์ริน กล่าวว่าค่าเสียหายเบื้องต้นทั้งจากภาษี 40% และค่าปรับสองเท่านั้น รวมแล้วประมาณ 928 ล้านบาท
(อ่านประกอบ เบสท์ริน ร้อง ประธาน สนช. ตรวจสอบกรมศุลฯทำเกินหน้าที่-ยันนำเข้ารถเมล์ NGVถูกต้อง )
ทั้งนี้รายละเอียดในหนังสือฉบับดังกล่าวระบุว่า
ตามที่บริษัท ซุปเปอร์ซาร่า จำกัด ได้สั่งซื้อและนำเข้ารถเมล์ NGV จากบริษัท อาร์ แอนด์ เอ วีฮี เคิลส์ เอสดีเอ็น บีเอชดี ประเทศมาเลเซีย จำนวน 489 คัน เพื่อจัดส่งไปยังองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) โดยการนี้ผู้ขายได้จัดส่งเอกสารทางการค้า และเอกสารหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า ที่ออกโดยส่วนราชการของประเทศมาเลเซีย อันเป็นการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า ระเบียบปฏิบัติเกี่ยวกับหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า ที่ประเทศไทยได้ลงนามตามข้อผูกพันความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน (ASEAN Trade in Goods Agreement : ATIGA) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีได้อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 14 แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ.2530 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ.2530 (ฉบับที่1) พ.ศ.2537 ออกประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การยกเว้นอากรและลดอัตราอากรศุลกากรสำหรับของที่มีถิ่นกำเนิดจากอาเซียน
โดยรถเมล์ NGV ที่บริษัทฯได้สั่งซื้อ ทางผู้ขายได้ส่งเอกสารรับรองถิ่นกำเนิด ที่ออกโดยหน่วยงานรัฐบาลของประเทศมาเลเซีย “หน่วยงานผู้มีอำนาจ” (หน่วยงานราชการของประเทศสมาชิกที่ได้รับมอบหมายให้บริการจัดการตามสิทธิ์) ภายใต้กฎข้อ 10 และหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าที่ออกโดยประเทศสมาชิกผู้ส่งออกประเทศสุดท้าย ภายใต้กฎข้อ 8
เมื่อบริษัทฯได้จัดทำใบขนฯเสียภาษีอากรโดยขอใช้สิทธิ์ลดอัตราอากรตาม ป.คลังฯ ดังกล่าว ซึ่งมีอัตราอากร 0 % และยื่นเสียภาษีสินค้ากำเนิดมาเลเซียในอัตราอากร 40 % โดยแจ้งความขอสงวนสิทธิ์ภาษีอากรภายหลัง เมื่อบริษัทฯได้เสียภาษีอากรและค่าภาระติดพันต่างๆ เพื่อขอรับของจากกรมศุลกากร ทางเจ้าหน้าที่ศุลกากรได้กล่าวหาว่าบริษัทฯ สำแดงเมืองกำเนิดสินค้าของรถเมล์ NGV เป็นเท็จ โดยเห็นว่ารถเมล์ NGV มีกำเนิดประเทศจีน ดังนี้
1. กรณีที่เสียภาษีอากรในอัตรา 0% เจ้าหน้าที่เห็นว่า ต้องเสียภาษีอากรในอัตรา 40 % เมื่อบริษัทฯร้องขอรับของไปก่อนกรมศุลกากรได้สั่งวางประกันค่าอากรในอัตรา 40% และสั่งวางประกันค่าปรับ 2 เท่าของอากรที่ขาด และกล่าวหาว่าสำแดงถิ่นกำเนิดสินค้าเป็นเท็จตาม พ.ร.บ. ห้ามนำของที่มีการสำแดงกำเนิดเป็นเท็จเข้ามา พ.ศ.2481โดยเจตนาจะให้บริษัทฯ ยอมยกของให้เพื่อขอระงับคดีฯ และยังกล่าวหาว่า บริษัทฯ ใช้สิทธิลดอัตราอากรของที่มีถิ่นกำเนิดจากประเทศอาเซียน เพื่อหลีกเลี่ยงอากรเป็นเหตุให้ค่าภาษีอากรขาดอันเป็นความผิดสำแดงเท็จ ตามมาตรา 99,27แห่ง พ.ร.บ. ศุลกากร พ.ศ. 2469 ประกอบกับมาตรา 16 17 แห่ง พ.ร.บ. ศุลกากร (ฉบับที่ 9)
2. กรณีที่ บริษัทฯยื่นเสียภาษีสินค้ากำเนิดมาเลเซียในอัตรา 40 % โดยแจ้งความขอสงวนสิทธิ์คืนภาษีอากรในภายหลัง เจ้าหน้าที่ศุลกากรได้กล่าวหาว่า เป็นการสำแดงเมืองกำเนิดสินค้าเป็นเท็จอันเป็นความผิดตามมาตรา 99 พ.ร.บ. ศุลกากร พ.ศ. 2469
บริษัทฯ เห็นว่าการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ศุลกากรในการกล่าวหาเพื่อตัดสิทธิ์การใช้สิทธิ์ลดอัตราอากรกรณีสินค้ากำเนิดมาเลเซีย
เจ้าหน้าที่ศุลกากรไม่มีอำนาจที่จะดำเนินการดังกล่าวได้ เพราะการเพิกถอนสิทธิ์ที่ได้รับตามเอกสาร หน่วยงานผู้มีอำนาจออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าเป็นผู้มีอำนาจเพิกถอนสิทธิ์โดยจะกระทำเมื่อใดก็ได้
หากกรมศุลกากรมีความสงสัยถึงการใช้สิทธิ์ลดอัตราอากรดังกล่าว กรมศุลกากรชอบที่จะต้องปฏิบัติตาม ภาคผนวก 1 ระเบียบปฏิบัติเกี่ยวกับหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าที่สามารถตรวจสอบย้อนหลังตามกฎข้อ 18 หรือไปเยี่ยมชมการตรวจสอบของประเทศสมาชิกผู้ส่งออกตามกฎข้อ 19 หรือหากมีข้อสงสัยว่ามีการกระทำอันฉ้อฉลที่เกี่ยวข้องกับหนังสือรับรองถิ่นกำเนิด ต้องปฏิบัติตามกฎข้อ 24 ที่ประเทศสมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ประเทศลงนามร่วมกันไว้
การที่กรมศุลกากรนำข้อมูลที่ได้รับทราบมาทั้งที่ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนเกี่ยวกับถิ่นกำเนิดสินค้าของรถเมล์ NGV เพราะมิได้ดำเนินการตรวจสอบตามขั้นตอนต่างๆ ที่ระบุอยู่ในภาคผนวก 1 ระเบียบเกี่ยวกับหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าที่ให้กรมศุลกากรต้องสอบถามข้อมูลต่างๆตามใบรับรองถิ่นกำเนิด ไปยังหน่วยงานผู้มีอำนาจออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดของประเทศผู้ส่งออกสินค้ารถเมล์ NGV เพื่อให้ได้รับทราบข้อมูล ข้อเท็จจริง ให้ถูกต้องชัดเจนก่อนว่ารถเมล์ NGV ที่บริษัทฯนำเข้านั้นได้ถิ่นกำเนิดมาเลเซียหรือไม่อย่างไร หรือหน่วยงานผู้มีอำนาจออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าในประเทศมาเลเซียจะเพิกถอนสิทธิ์สินค้ารถเมล์ NGV ที่บริษัทนำเข้ามาในราชอาณาจักร
แต่กรมศุลกากรกลับนำข้อมูลออกแถลงข่าวต่อสื่อโดยมีความเห็นว่ารถเมล์ NGV ที่บริษัทฯสั่งซื้อจากผู้ผลิตในประเทศมาเลเซียมีการสำแดงเมืองกำเนิดสินค้าเป็นเท็จ ซึ่งการกระทำดังกล่าวของกรมศุลกากรได้ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในหมู่ประชาชนที่ได้รับทราบข่าว และอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างประเทศไทยและประเทศมาเลเซียได้
ทางบริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป กล่าวในท้ายเอกสารฉบับดังกล่าวว่า การมาร้องเรียนครั้งนี้เพื่อขอให้มีการพิจารณานำเรื่องเข้าสู่การตรวจสอบโดยคณะกรรมธิการที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไขปัญหาอันเกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ศุลกากรที่เกี่ยวกับการให้บริการพิธีการศุลกากรนำเข้าสินค้าที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายและประกาศกระทรวงการคลังและอาจพิจารณาว่าเป็นการกีดกันทางการค้าที่อาจส่งผลกระทบต่อมาตรการที่สำคัญต่อการเคลื่อนย้ายสินค้าอย่างเสรีภายใต้ เขตการค้าเสรีอาเซียนที่มีเป้าหมายเพื่อขยายการค้าและการผลิตของประเทศสมาชิกอาเซียน หากพิจารณาแล้วเห็นชอบว่ากรณีที่นำเสนอเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไขโดยเร่งด่วน เพื่อมิให้เป็นปัญหาและอุปสรรคต่อการค้าชายแดนและการค้าระหว่างประเทศกับประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่มอาเซียน
ทั้งนี้ ทางนายคณิสสร์ ศรีวชิระประภา ประธานบริษัทเบสท์ริน กรุ๊ป ย้ำว่า หากจะมีการยกเลิกสัญญา เราก็สนับสนุนความเห็นของท่านายกฯจะให้ท่านมาสนับสนุนสิ่งผิดๆ ไม่ได้ ในเมื่อเป็นข้อสงสัยก็ต้องตรวจสอบให้ชัดเจนก่อน เมื่อชัดเจนแล้ว สังคมก็คงได้คำตอบที่กระจ่างจากนี้ต้อง
ด้านแหล่งข่าวจากกรมศุลกากร มั่นใจมีหลักฐานครบ ทั้ง
1. รถทั้ง489 คัน ตอนออกจากจีนเป็นรถสำเร็จ cbu หลักฐานคือ ใบขอเคลมภาษีจาก กรมศุลจีน และ 2. โรงงานที่ออก Form D ที่มาเลเซีย
ประเด็นนี้ ติดตามกันต่อไปว่า ขสมก.จะบอกเลิกสัญญา หรือไม่
อ่านประกอบ
ซุปเปอร์ซาร่า ทำหนังสือถึงอธิบดีกรมศุลฯ ขอวางประกันค่าภาษีรับรถเมล์ NGV ไปก่อน
นายกฯ ชี้รัฐบาลรับของร้อนไม่ได้อยู่แล้ว หลังอสส.เบรกขสมก.ปมรถเมล์เอ็นจีวี
ไม่รอบคอบชาติเสียหายต้องรับผิดชอบ! สตง. จี้ ขสมก. ตัดสินใจปมรับรถเมล์NGV
เปิดสัญญาซื้อรถเมล์NGV 3พันล.! วัดใจ ขสมก. ลงดาบ'เบสท์รินฯ'ผิดข้อตกลง
ที่แท้!'เบสท์ริน-ซุปเปอร์ซาร่า'กลุ่มเดียวกัน-ไขปริศนายอมจ่ายภาษีรถเมล์NGV 370 ล.
เปิดงบการเงิน'เบสท์ริน-ซุปเปอร์ซาร่า' พอไหมจ่ายค่าปรับ-ภาษีรถเมล์NGV 370 ล.
ผอ.แหลมฉบังเผยเบสท์รินคาดนำรถเมล์291คันออกจากท่าเรือวันที่ 5-6 ม.ค.60
เบสท์ริน ประมูลรถเมล์ชนะคู่แข่ง 700 ล้าน วันนี้จ่ายภาษี-ค่าปรับเฉียด2พันล้าน
ผอ.ศุลกากรฯ แหลมฉบัง เร่งเบสท์รินจ่ายภาษีนำเข้าเมล์ NGV
อ่วม!กรมศุลฯ ชี้ซุปเปอร์ซาร่า นำเข้าเมล์เอ็นจีวี ต้องจ่ายภาษีเพิ่ม370 ลบ.
ห้ามนำเข้าผิดปท.ยึดสัญญาเป็นหลัก! สตง.ตั้งทีมเกาะติดปัญหารถเมล์ NGV
ขอบคุณภาพประกอบจากhttp://www.thansettakij.com/