เอกชน ป.ป.ช.กันเป็นพยานคดีข้าวจีทูจี อ้างบินพบ‘บิ๊กนักการเมือง’ก่อนกลับคำคุย‘ผู้ใหญ่’
วิจารณ์แซ่ด! ผู้ส่งออกข้าวยักษ์ใหญ่ที่ ป.ป.ช. กันไว้เป็นพยานคดีระบายข้าวจีทูจี 1-2 กลับคำให้การ เดิมอ้างบินไปพบ ‘นักการเมืองใหญ่’ เจรจาซื้อขายข้าวกับ ‘สยามอินดิก้า’ โดยตรง ท้ายสุดแค่คุย ‘ผู้ใหญ่’ เรื่องธุรกิจอย่างเดียว เหตุอัยการไม่เอาตัวนำสืบในชั้นศาลฎีกาฯ
จากกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กันบริษัทเอกชน 4 แห่ง ได้แก่ 1.บริษัท เอเชียโกลเด้น ไรซ์ จำกัด 2.บริษัท นครหลวงค้าข้าว จำกัด 3.บริษัท แคปปิตอลซีเรียลส์ จำกัด และ 4.บริษัท ข้าวไชยพร จำกัด ที่เกี่ยวข้องในคดีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ไว้เป็นพยาน ในสัญญาการระบายข้าวจีทูจี 4 สัญญาแรก ปัจจุบันคดีอยู่ระหว่างการไต่สวนของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง (มีนายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร อดีตพ่อค้าข้าวชื่อดัง บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด กับพวกรวม 28 ราย เป็นจำเลย)
(อ่านประกอบ : เปิดชื่อ 4 บ.ค้าข้าว ป.ป.ช.กันไว้เป็นพยานคดีจีทูจีเก๊-คู่ค้ารัฐ 5.5 พันล.)
ล่าสุด แหล่งข่าวจากสำนักงาน ป.ป.ช. เปิดเผยสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ว่า บริษัทเอกชนที่เป็นคู่สัญญาค้าข้าวกับรัฐรายใหญ่รายหนึ่งที่ ป.ป.ช. กันไว้เป็นพยานในคดีระบายข้าวจีทูจีล็อตแรก ก่อนหน้านี้ในขั้นตอนการให้ปากคำกับคณะอนุกรรมการไต่สวนฯ ในช่วงคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชุดก่อน ตัวแทนบริษัทเอกชนรายนี้อ้างว่า ได้เดินทางไปพบกับนักการเมืองใหญ่รายหนึ่ง ที่ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อเจรจาการซื้อขายข้าว โดยนักการเมืองรายนี้ ระบุว่า ให้ติดต่อซื้อขายข้าวกับบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด โดยตรงได้เลย อย่างไรก็ดีในขั้นตอนการลงนามบันทึกการให้ปากคำดังกล่าว ตัวแทนบริษัทเอกชนรายนี้กลับคำการ โดยอ้างว่า เป็นการเข้าใจผิด ไม่ได้เดินทางไปดูไบเพื่อพบกับนักการเมืองใหญ่รายนี้ แต่ไปพบ ‘ผู้ใหญ่’ รายหนึ่ง เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. จึงแก้ไขถ้อยคำในบันทึกการให้ปากคำดังกล่าวให้ตรงกับที่ตัวแทนบริษัทเอกชนรายนี้อ้างถึง
ต่อมาเมื่ออัยการสูงสุด (อสส.) ฟ้องคดีนี้ต่อศาลฎีกาฯ และพนักงานอัยการเรียกให้บริษัทเอกชนรายนี้มาทำบันทึกคำให้การอย่างเป็นทางการเพื่อเตรียมนำเสนอต่อศาลในคดีระบายข้าวจีทูจีล็อตแรก ตัวแทนเอกชนรายนี้ อ้างว่า ‘ผู้ใหญ่’ คนดังกล่าวไม่ใช่นักการเมืองใหญ่แต่เป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจการค้าขายข้าว โดยเดินทางไปเพื่อเจรจาธุรกิจเท่านั้น ทำให้พนักงานอัยการไม่นำบริษัทเอกชนรายนี้ขึ้นนำสืบเป็นพยานฝ่ายโจทก์ เพราะเกรงว่า อาจทำให้เสียรูปคดีได้
แหล่งข่าว ระบุอีกว่า ต่อมาเมื่อกลางปี 2559 พนักงานอัยการ ได้ทำหนังสือขอให้เพิกถอนเอกชนรายดังกล่าวออกจากการเป็นพยานในคดีระบายข้าวจีทูจีล็อตแรก เนื่องจากกลับคำให้การ และไม่เบิกความตามคำให้การในชั้นศาล อย่างไรก็ดีในการไต่สวนของคณะอนุกรรมการไต่สวนฯ คดีระบายข้าวจีทูจีล็อตสอง ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชุดใหม่ กลับกันบริษัทเอกชนรายนี้ไว้เป็นพยานอีก ส่งผลให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงการทำงานของคณะอนุกรรมการไต่สวนฯว่า เหตุใดจึงกันบริษัทเอกชนรายนี้ไว้เป็นพยานอยู่ เนื่องจากมีพฤติการณ์ไม่ชอบมาพากล และมีการกลับคำให้การในตอนหลัง นอกจากนี้พนักงานอัยการได้ทำหนังสือขอให้เพิกถอนบริษัทเอกชนรายนี้ไว้เป็นพยาน แต่กลับยังกันไว้เป็นพยานในคดีระบายข้าวจีทูจีล็อตสองอีก ทำให้เกิดการตั้งคำถามทั้งจากฝ่ายอัยการ และฝ่ายเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ถึงเหตุผลของคณะอนุกรรมการไต่สวนฯ เพราะตามประกาศคณะกรรมการ ป.ป.ช. เกี่ยวกับหลักเกณฑ์เรื่องกันบุคคลไว้เป็นพยาน หากมีการกลับคำให้การ หรือเบิกความไม่เป็นประโยชน์ในการพิจารณา ย่อมไม่ได้รับการกันไว้เป็นพยาน
ทั้งนี้ตามประกาศคณะกรรมการ ป.ป.ช. เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการกันบุคคลหรือผู้ถูกกล่าวหาไว้เป็นพยานโดยไม่ดำเนินคดี พ.ศ.2554 โดยมีสาระสำคัญคือ
ข้อ 4 บุคคลหรือผู้ถูกกล่าวหาที่อาจถูกกันไว้เป็นพยานต้องมีลักษณะดังต่อไปนี้
(1) เป็นผู้ที่รู้เห็นเหตุการณ์และมีส่วนเกี่ยวข้องหรือมีส่วนร่วมในการกระทําผิดกับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง หรือระหว่างการดําเนินการแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานก่อนการไต่สวนข้อเท็จจริง หรือระหว่างการไต่สวนข้อเท็จจริง
(2) เป็นผู้ที่ได้ให้ถ้อยคําอันเป็นประโยชน์ต่อการตรวจสอบข้อเท็จจริง หรือการแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐาน และการไต่สวนข้อเท็จจริง หรือให้ถ้อยคํา หรือแจ้งเบาะแสหรือข้อมูลอันเป็นสาระสําคัญจนสามารถใช้เป็นพยานหลักฐานในการวินิจฉัยชี้มูลการกระทําผิดของเจ้าหน้าที่ของรัฐรายอื่นที่เป็นตัวการสําคัญนั้น
(3) เป็นผู้ที่เต็มใจที่จะให้ถ้อยคํา หรือแจ้งเบาะแสหรือข้อมูลตาม (2) และรับรองว่าจะไปเบิกความเป็นพยานในชั้นศาลตามที่ให้การหรือให้ถ้อยคําไว้
ข้อ 11 เมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติให้กันบุคคลหรือผู้ถูกกล่าวหารายใดไว้เป็นพยานแล้วย่อมถือว่าบุคคลหรือผู้ถูกกล่าวหานั้นอยู่ในฐานะพยานของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในคดีที่ได้รับไว้พิจารณานั้น และอาจได้รับการคุ้มครองหรือจัดให้มีมาตรการคุ้มครองช่วยเหลือตามกฎหมายหรือระเบียบว่าด้วยการนั้นสําหรับบุคคลเหล่านั้นด้วย
หากพยานตามวรรคหนึ่ง ไม่ไปเบิกความหรือไปเบิกความแต่ไม่เป็นไปตามที่ให้การหรือให้ถ้อยคําไว้ หรือไปเบิกความเป็นพยานแต่ไม่เป็นประโยชน์ในการพิจารณาหรือเป็นปฏิปักษ์ ย่อมไม่ได้รับการกันไว้เป็นพยานและให้การกันบุคคลหรือผู้ถูกกล่าวหาเป็นพยานสิ้นสุดลง
(อ่านประกาศคณะกรรมการ ป.ป.ช. ดังกล่าว ที่นี่)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพฤติการณ์ของ 4 บริษัทดังกล่าว คณะอนุกรรมการไต่สวนฯพบว่า มีบุคคลซึ่งมิใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐมีส่วนร่วมในการกระทำความผิดในเรื่องที่อยู่ระหว่างการไต่สวนข้อเท็จจริง กล่าวคือ เป็นผู้ที่เกี่ยวข้องเป็นเหตุที่ทำให้มีการสั่งจ่ายแคชเชียร์เช็ค เจ้าของของบัญชีที่นำเงินไปซื้อแคชเชียร์เช็ค ซึ่งนำไปมอบให้กับกรมการค้าต่างประเทศ และทั้งหมดนี้ก็ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. แจ้งข้อกล่าวหาไปแล้วด้วย
อ่านประกอบ :
ป.ป.ช.ไต่สวนกราวรูด 89 บิ๊กค้าข้าว สั่งจ่ายเช็คระบายจีทูจี "เสี่ยเปี๋ยง" ไม่รอด!
เบื้องหลัง"ป.ป.ช."ไต่สวนบิ๊กค้าข้าว 89 ราย สั่งจ่ายเช็คระบายจีทูจี"เก๊"
เช็คชื่อเอกชน 91 ราย ในบัญชีแจ้งข้อกล่าวหา ป.ป.ช. คดีระบายข้าวจีทูจี!