ยอดผู้ใช้สิทธิผิดเงื่อนไขพุ่ง5.6พันราย!สรรพสามิต แจง สตง.ปัญหารถคันแรกยุค'ปู'
'สรรพสามิต' ทำหนังสือแจง สตง. ปัญหาโครงการรถคันแรก ยุค'ยิ่งลักษณ์' เผยยอดผู้ใช้สิทธิผิดเงื่อนไข 5.6พันราย! อยู่ระหว่างฟ้องนับพันราย พบข้อมูลจะๆ ชื่อใบจองรถยนต์คนละชื่อผู้ขอใช้สิทธิ
จากกรณีสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org เคยนำเสนอข่าวว่า สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้สรุปผลตรวจสอบโครงการมาตรการรถยนต์คันแรก ของกรมสรรพาสามิต กระทรวงการคลัง ในยุครัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยพบว่าโครงการนี้มีปัญหาสำคัญในเรื่องผู้ขอใช้สิทธิไม่ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีและแนวทางที่กำหนด และไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด โดยจากการสุ่มตรวจสอบผู้ขอใช้สิทธิจากโครงการฯ จำนวน 4,340 ราย ของสรรพสามิตพื้นที่/พื้นที่สาขา จำนวน 7 แห่ง พบว่ามีผู้ขอใช้สิทธิไม่ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีและแนวทางที่กำหนด และไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด จำนวน 1,640 ราย คิดเป็นร้อยละ 37.79 ของจำนวนที่สุ่มตรวจสอบ ซึ่งกรมสรรพสามิตได้อนุมัติสิทธิและจ่ายเงินภาษีคืนคิดเป็นจำนวนเงิน 121.79 ล้านบาท พร้อมสั่งการให้สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่/พื้นที่สาขาทุกแห่งตรวจสอบเอกสารหลักฐานของผู้ได้สิทธิทั้งหมด หากพบไม่ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีและแนวทางที่กำหนด ถ้าเป็นการกระทำผิดของเจ้าหน้าที่ให้ดำเนินการตามควรแก่กรณี แต่หากเป็นการกระทำผิดของผู้ขอใช้สิทธิให้เรียกเงินคืน นั้น
(อ่านประกอบ : ฉบับเต็ม!ผลสอบสตง. ชำแหละรถคันแรก 'ปู' เงินภาษีเสียหายร้อยล้าน)
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบว่า ล่าสุดกรมสรรพสามิต ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงผลสอบการดำเนินงานโครงการนี้ มาให้สตง.รับทราบแล้ว โดยระบุว่า การดำเนินงานของสำนักงานสรรพสามิตในพื้นที่ต่างๆ ที่สตง.ตรวจพบปัญหา อาทิ สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ชลบุรี 2, สำนักงานสรรพาสามิตพื้นที่พิจิตร ,สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ราชบุรี , สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ กรุงเทพมหานคร ได้มีการแก้ไขปัญหาแล้ว ทั้งในกรณีเอกสารประกอบไม่ครบถ้วน รวมถึงการติดตามเรียกเงินคืนจากผู้ขอใช้สิทธิที่ทำผิดเงื่อนไข อาทิ ชื่อตามใบจองรถยนต์เป็นคนละชื่อกับชื่อผู้ขอใช้สิทธิ อายุผู้ขอใช้สิทธิ์ไม่ครบ 21 ปีบริบูรณ์ ในช่วงจองรถยนต์ เป็นต้น
สำหรับปัญหาการไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข ในลักษณะที่ชื่อตามใบจองรถยนต์เป็นคนลชื่อกับชื่อผู้ขอใช้สิทธิ นั้น จากการตรวจสอบพบว่า ปัญหาเกิดขึ้นในพื้นที่สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ราชบุรี กรณี นาย กองใจ องอาจ ขอใช้สิทธิคืนเงินรถยนต์กระบะ ยี่ห้อ มิตซูบิชิ ไทรทัน จำนวน 10,946 บาท ซึ่งกรมสรรพสามิต ทำการอนุมัติสิทธิคืนเงินให้ ก่อนที่จะมีการตรวจสอบเอกสารภายหลัง พบว่า ชื่อในใบจองเป็นคนละชื่อกับผู้ใช้สิทธิ และสำนักงานสรรพสามิต พื้นที่กรุงเทพมหานคร 4 กรณี นายชวนินทร์ ธนาชัยรุจนันท์ อายุไม่ครบ 21 ปีบริบูรณ์ตอนจองรถยนต์ และรับรถยนต์ไม่ตรงรุ่น/หมายเลขเครื่องยนต์ และใบจองรถยนต์คนละชื่อกับชื่อผู้ขอใช้สิทธิ ซึ่งสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่กทม.4 ได้ดำเนินการติดตามเรียกเงินคืนจากนายชวนินทร์ แล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับภาพรวมยอดจำนวนผู้ขอใช้สิทธิฯ ที่ปฎิบัติผิดเงื่อนไขในภาพรวมศูนย์ติดตามเงินคืนของกรมสรรพสามิต ได้มีการหนังสือส่งถึงสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ให้ดำเนินการออกหนังสือเรียกผู้ขอใช้สิทธิไปแล้ว จำนวน 2,667 ราย จากยอดที่ได้รับมาทั้งหมด 5,681 ราย ส่วนการส่งเรื่องให้กรมบัญชีกลางเพื่อดำเนินการฟ้องร้องคดี ได้ดำเนินการตามขั้นตอนเอกสารไปแล้ว 399 ราย จากจำนวนที่ต้องส่งฟ้องทั้งหมด ณ ปัจจุบัน 1,239 ราย ซึ่งจะมีการเร่งรัดการดำเนินงานให้มีความรวดเร็วมากขึ้น