ขมวด 5 ขรก. โอนเงินเข้าบัญชี 'เจ้าของร้านเครื่องจักรกล' 27.4 ล. คดี รพช.
สาวลึกคดีซื้อขายเก้าอี้ รพช.! ขมวดคำให้การ 5 ขรก. โอนเงินเข้าบัญชี ‘ประวิทย์’ เจ้าของร้านขายเครื่องจักรกล 27.4 ล้าน 3 คนอ้างเหมือนันเป็นแค่'ลูกน้อง' ผู้บังคับบัญชาใช้ ‘ไม่รู้ค่าอะไร’ ก่อน ป.ป.ช. ชี้มูลรายเดียว
คดีเรียกรับเงินเพื่อโยกย้ายข้าราชการในสำนักงานเร่งรัดพัฒนาชนบท (รพช.) ที่มีข้าราชการระดับสูงเข้าไปเกี่ยวข้อง
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รวบรวมรายชื่อของบุคคลที่ให้ปากคำต่อคณะอนุกรรมการไต่สวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในคดีที่นายประสิทธิ์ วิไลลักษณ์ อดีตผู้อำนวยการศูนย์เร่งรัดพัฒนาชนบทขอนแก่น กล่าวหา นายทวี ทวีวงศ์ อดีตผู้อำนวยการศูนย์เร่งรัดพัฒนาชนบทสกลนคร รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการกองเจ้าหน้าที่ (ระดับ 9) เรียกรับเงินช่วยเหลือเรียกรับเงินจากผู้ร้องเพื่อช่วยผู้ร้องไม่ต้องย้ายไปประจำในท้องที่จังหวัดอื่น และเรียกและรับเงินจากข้าราชการอื่น เพื่อการโยกย้ายและเลื่อนตำแหน่งใน รพช. มีดังนี้
1. นายประสิทธิ์ วิไลลักษณ์ อดีตผู้อำนวยการศูนย์เร่งรัดพัฒนาชนบทขอนแก่น ให้การต่อคณะอนุกรรมการ ป.ป.ช. อย่างน้อย 3 ครั้ง โดยครั้งเมื่อวันที่ 21 มิ.ย. 2555 ระบุว่า ได้จ่ายเงินให้ ‘ข้าราชการระดับสูงคนหนึ่ง’ (ขอปิดบังชื่อ) เพื่อช่วยเหลือให้เลื่อนตำแหน่งจากระดับ 8 เป็นระดับ 9 จำนวน 5 ล้านบาท เมื่อวันที่ 23 ก.ย. 2539 จากวงเงินที่ถูกเรียก 10 ล้านบาท ส่วนเงินที่นำไปจ่ายข้าราชการระดับสูง เพื่อช่วยเหลือนายประสิทธิ์ได้ดำรงตำแหน่งประจำอยู่ที่ศูนย์ปฏิบัติการ รพช.ขอนแก่น ไม่ต้องย้ายไปประจำท้องที่อื่น จำนวน 7 ครั้ง ระหว่างเดือน มี.ค. 2538 - เม.ย. 2540 รวม 23 ล้านบาท จำแนกเป็น
ครั้งที่ 1 วันที่ 23 มี.ค. 2538 จำนวน 2 ล้านบาท จ่ายเงินสด โดยมอบให้ นายประดิษฐ์ วิไลลักษณ์ น้องชายไปมอบให้ที่ กรมการเร่งรัดพัฒนาชนบท
ครั้งที่ 2วันที่ 25 ก.ย. 2538 จำนวน 2 ล้านบาท มอบให้ นายประดิษฐ์ วิไลลักษณ์ โอนเข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาถนนประชาสโมสร จ.ขอนแก่น เลขที่ 037-2-048xxx ของ นายประวิทย์ อริยกานนท์ นักธุรกิจขายเครื่องจักรกล
ครั้งที่ 3วันที่ 17 พ.ย. 2538 จำนวน 1 ล้านบาท มอบให้ นายพิสิฐ หรือ คำน้อย โอนจากธนาคารกสิกรไทย สาขาถนนหน้าเมือง จ.ขอนแก่น เข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทยสาขาถนนมหาไชย เลขที่ 037-2-048xxx ของนักธุรกิจรายดังกล่าว
ครั้งที่ 4 วันที่ 25 มี.ค. 2539 จำนวน 7 ล้านบาท นายประสิทธิ์มอบนายไพรินทร์ (ขอปิดสนามสกุล) นำเช็คไปเบิกเงินที่ธนาคารกรุงไทย สาขาถนนมลิวัลย์ จ.ขอนแก่น แล้วซื้อแคชเชียร์เช็คสั่งจ่ายนักธุรกิจคนดังกล่าวที่ธนาคารกรุงไทย สาขาเยาวราช แล้วนักธุรกิจรายดังกล่าวนำไปเข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขามหาไชย เลขที่ 037-2-048xxx
ครั้งที่ 5 วันที่ 7 พ.ค. 2539 จำนวน 5 ล้านบาท นายประสิทธิ์มอบนายไพรินทร์ (ขอปิดสนามสกุล) นำเช็คจำนวน 2 ฉบับ จำนวน 2,100,000 บาท และจำนวน 2,900,000 บาท ตามลำดับ ไปโอนที่ธนาคารกสิกรไทย สาขาถนนหน้าเมือง จ.ขอนแก่น เข้าบัญชี ธนาคารกสิกรไทย สาขาถนนมหาไชย เลขที่ 037-2-048xxx
ครั้งที่ 6 วันที่ 1 ต.ค. 2539 จำนวน 3 ล้านบาท มอบให้ นายจั่ว หาญห้าว ลูกน้องไปโอนที่ธนาคารกสิกรไทย สาขาถนนประชาสโมสร จ.ขอนแก่น เข้าบัญชี ธนาคารกสิกรไทย สาขาถนมหาไชย เลขที่ 037-2-048xxx
ครั้งที่ 7 เมื่อประมาณเดือนเมษายน 2540 จำนวน 3 ล้านบาท (เป็นเงินสดมอบให้ที่ห้องทำงาน รพช.)
รวม 8 ครั้ง 28 ล้านบาท ในจำนวนนี้อ้างว่า โอนเงินผ่านบัญชีเงินฝากเจ้าของร้านขายเครื่องจักรกล 5 ครั้ง รวม 18 ล้านบาท
2. นายบุญส่ง วิจักษณบุญ อดีตเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน และจัดซื้อ ศูนย์ รพช.สกลนคร ปี 2544 ย้ายเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารและพัฒนา สำนักงาน รพช.นครพนม โอนเงินจำนวน 2,500,000 บาท
ครั้งแรก 23 ก.ย. 2541 จำนวน 1,500,000 บาท และ 30 ก.ย. 2541 จำนวน 1,000,000 บาท โดยมีหลักฐานเป็นใบโอนเงิน (MONEY TRANSFER) 2 ใบ รวม 2,500,000 บาท ทั้ง 2 ใบโอนเข้าบัญชี นายประวิทย์ ธนาคารกสิกรไทย สาขาถนมหาไชย เลขที่ 037-2-048xxx (บัญชีเดียวกับนายจั่ว) อ้างว่า เป็นเงินของ นายมนัส ซึ่งเจริญยิ่ง ผู้อำนวยการศูนย์ รพช.สกลนคร ที่ใช้ให้โอนไปให้นายประวิทย์ แต่ไม่ทราบว่า เป็นการชำระหนี้ค่าอะไร เพราะนายมนัสไม่ได้บอก และไม่รู้จักกับนายประวิทย์ เข้าของบัญชี รู้จักกับนายทวี ในฐานะที่นายทวีเป็นผู้อำนวยการกองการเจ้าหน้าที่ กรมการเร่งรัดพัฒนาชนบท แต่ไม่สนิทสนมเป็นการส่วนตัว
3. นายวีระพงษ์ แสงศิลา เจ้าหน้าที่สำนักงาน รพช. จ.หนองคาย โอนเงินจาก ธนาคารกสิกรไทย สาขาหนองคาย เมื่อวันที่ 19 พ.ย. 2540 จำนวน 500,000 บาท เข้าบัญชีเงินฝากของ นายประวิทย์
เช่นเดียวกัน อ้างว่า เป็นเงินของนายจงรักษ์ สกุลคูรพช.จังหวัดหนองคาย ผู้บังคับบัญชา ไม่ทราบว่าเป็นเงินค่าอะไร ไม่ได้สอบถาม เพราะเป็นเรื่องของผูบังคับบัญชา และไม่รู้จักนายประวิทย์
4. นายวรพจน์ อดีต เจ้าหน้าที่ รพช. นายวรพจน์ให้การต่อคณะอนุกรรมการไต่สวนของ ป.ป.ช. 2 ครั้ง เคยถูกผู้บังคับบัญชาเรียกรับเงิน เพื่อการโยกย้ายตำแหน่ง 2 ครั้ง ช่วงปี 2538-2539 รวม 3,500,000 บาท แบ่งเป็น จำนวน 500,000 บาทเป็นเงินสด อีก 3,000,000 บาท โอนเข้าบัญชีเลขที่ 037-2-048XXX ที่ ธนาคารกสิกรไทย สาขาถนนมหาไชย ซึ่งมาทราบภายหลังว่า เป็นบัญชีของนายประวิทย์
5. นายเดชา พลกล้า จนท.ศูนย์ รพช.ขอนแก่น จำนวน 3,400,000 บาท แบ่งเป็น 2,400,000 บาท เมื่อ 16 ก.ย. 2540 และจำนวน 1,000,000 บาท เมื่อ 29 ต.ค. 2540 อ้างว่า เป็นเงินของนายปรีชาชาติ เจริญพิบูลย์ ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการ รพช.ขอนแก่น ผู้บังคับบัญชา ไม่ได้ถามว่าเป็นเงินค่าอะไร และไม่รู้จักนายประวิทย์มาก่อน
รวม 5 คน มีเงินโอนผ่านบัญชี 27,400,000 บาท จากวงเงินทั้งสิ้น 37.9 ล้านบาท (อ้างว่าเงินสด 10.5 ล้านบาท)
จากข้อมูลน่าสังเกตว่า
ผู้มีชื่อในการโอนเงิน 3 คน และถูก ป.ป.ช. เรียกสอบปากคำ คือ นายบุญส่ง วิจักษณบุญ นายวีระพงษ์ แสงศิลา และ นายเดชา พลกล้า อ้างว่า ไม่ใช้เจ้าของเงินตัวจริง เป็นเพียงถูกใช้จากผู้บังคับบัญชาในการโอนเงินเข้าบัญชีนายประวิทย์ เท่านั้น และไม่รู้ว่าเป็นค่าอะไร
ขณะที่ นายมนัส ซึ่งเจริญยิ่ง ผู้ถูกนายบุญส่งพาดพิงว่า เป็นเจ้าของเงินจำนวน 2,500,000 บาท อ้างต่อคณะอนุกรรมการ ป.ป.ช. (ปรากฎในคำให้การเมื่อ 24 ต.ค. 2545) ว่ารู้จักกับนายประวิทย์ มาตั้งแต่ปี 2523 ขณะเป็นนายช่างอยู่ศูนย์ รพช.นครราสีมา เพราะติดต่อซื้อเครื่องจักรกลหนักกับนายประวิทย์ แต่ไม่เคยร่วมธุรกิจด้วย และไม่เคยกู้ยืมเงินจากนายประวิทย์ ส่วนกับนายบุญส่ง นายมนัสอ้างรู้จักในฐานะนายบุญส่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา แต่ไม่เคยร่วมลงทุน กู้ยืมเงิน และไม่เคยใช้ให้นายบุญส่งโอนเงินให้นายประวิทย์
สำหรับ นายประวิทย์ ได้ชี้แจงต่อสำนักข่าวอิศรา เมื่อวันที่ 26 พ.ย. 2559 กรณีถูกนายประสิทธิ์ ยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดขอนแก่น เมื่อวันที่ 15 ก.ย. 2559 กล่าวหาว่า สนับสนุน นายทวี ทวีวงศ์ คดีเรียกรับเงินเพื่อแลกเปลี่ยนกับการเลื่อนตำแหน่ง โดยอ้างว่า โอนเงินผ่านบัญชีนายประวิทย์เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2539 จำนวน 3 ล้านบาท (ครั้งที่ 6) เจ้าตัวชี้แจงเบื้องต้นว่า เป็นเพียงนายประสิทธิ์มาขอยืมบัญชี เพื่อโอนเงินเท่านั้น หลังจากโอนเงินเข้ามา เมื่อนายประสิทธิ์เดินทางเข้ามากรุงเทพฯ ก็มารับเงินสดไป เพื่อความปลอดภัยที่ไม่ต้องพกเงินสดในการเดินทาง และเมื่อรับไปแล้ว นายประสิทธิ์จะนำไปให้ใครต่อจากนั้นหรือไม่ “ไม่ทราบ” และไม่เกี่ยวข้อง
อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวอิศรา ไม่สามารถติดต่อผู้มีชื่อเกี่ยวข้องบางคนเพิ่มสอบถามเพิ่มเติม ได้แก่นายจั่ว หาญห้าว (เอกสารคำให้การไม่ปรากฎหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อ) นายวีระพงษ์ แสงศิลา (เอกสารคำให้การไม่ปรากฎหมายเลขโทรศัพท์) , นายเดชา พลกล้า (หมายเลข 01 710843 แจ้งว่ายังไม่เปิดใช้บริการ) นายวรพจน์ ( 043 237314 แจ้งว่าเลขหมายยังไม่เปิดให้บริการในขณะนี้) นายปรีชาชาติ (หมายเลขโทรศัพท์ http://www.yellowpages.co.th/ 0-2377-0832 เมื่อโทรศัพท์ติดต่อกลับระบุว่า ไม่อยู่ในระบบของทีโอที) ขณะที่ นายมนัส ซึ่งเจริญยิ่ง (หมายเลข 02 9126136 แจ้งว่าเป็นเลขหมายว่าง และโทรศัพท์มือถือ 01 837 9998 แจ้งว่า ยังไม่เปิดให้บริการในระบบ GSM ADVANCE )
อ่านประกอบ :
คำให้การ'เฉลิม-ชัยสิทธิ์'คดีซื้อขายเก้าอี้ รพช.-ปัดเปิด ร.ร.สั่งลูกน้องส่งหัวคิว 2%
ไทม์ไลน์ชัดๆ คดีเรียกรับ 3 ล. บิ๊ก รพช. 13 ปีในมือ ป.ป.ช.-ขาดอายุความ 1 ข้อหา
อดีตซี 9 ฟ้อง ผอ.รพช. อีกคดี!เรียกรับ 3 ล.- นักธุรกิจแจงแค่ยืมบัญชีโอนเงิน
เบื้องหลังจ่าย 3 ล.! คำให้การ ซี 8 “นายให้นโยบายต้องจัดส่งค่าบริหารงาน 1%”
พบอีก 2 ขรก. โผล่โอนเงินเข้าบัญชี'เสี่ย ป.'ใกล้ชิดบิ๊ก รพช. 3 ล. 'ไม่รู้ค่าอะไร'
เปิดใบโอนเงิน 3 ล้าน คดีสินบน รพช.
คำให้การลึก! คดีซื้อขายเก้าอี้ รพช. คนเดียวจ่ายยิบให้ ‘บิ๊ก’ 8 ครั้ง 28 ล้าน
เปิดพฤติการณ์คดีสินบน 3 ล. ซี 9 รพช. เบิกเงินสดจากแบงก์ไปจ่ายถึงห้องทำงาน
ศาลสั่งจำคุก 6 ปี ซี 9 รพช.รับเงินสด 3 ล.ค่าซื้อเก้าอี้ ผอ.ศูนย์ขอนแก่น ไม่ให้ถูกย้าย