รองเลขาฯก.พ. ยันไม่ขัดแย้ง สตง. พร้อมร่วมมือสอบปมฮั้วจ้างพีอาร์เชิงรุก 8 ล.
รองเลขาฯ ก.พ. ยันไม่มีปัญหาขัดแย้งสตง. พร้อมร่วมมือตรวจสอบข้อมูลคดีฮั้วจ้างพีอาร์เชิงรุก 8 ล. เผยเหตุยังไม่เสนอเรื่องขึ้นทะเบียนเอกชนเป็นผู้ทิ้งงาน เนื่องจากอยู่ระหว่างการตรวจสอบ หากพบหลักฐานชัดเจนจะดำเนินการตามขั้นตอนกม.ทันที
จากกรณีสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org นำเสนอข่าวว่า ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2559 ที่ผ่านมา สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้ทำหนังสือถึง เลขาธิการสำนักงาน ก.พ. เพื่อแจ้งให้ทราบถึงการตรวจสอบพบข้อมูลโครงการจ้างเอกชนดำเนินกิจกรรมการสื่อสารเชิงรุก โดยวิธีพิเศษ ประจำปีงบประมาณ 2559 วงเงิน กว่า 8 ล้านบาท ของ สำนักงาน ก.พ. โดยระบุว่ามีการกระทำที่ส่อว่าเป็นการกระทำที่ขัดขวางการแข่งขันเสนอราคาอย่างเป็นธรรม หรือกระทำโดยไม่สุจริต หรือ พ.ร.บ.ฮั้ว เนื่องจากลูกจ้างของเอกชนที่ได้รับการคัดเลือกให้เข้ามารับงานโครงการนี้ มีความเกี่ยวข้องกับผู้เสนอราคารายอื่น พร้อมขอให้ สำนักงาน ก.พ.พิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับการลงโทษผู้ทิ้งงาน ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม แม้ว่าทาง สำนักงาน กพ. จะยกเลิกสัญญาจ้างงานกับเอกชนผู้รับจ้างไปแล้ว เพราะถือว่า ความผิดสำเร็จแล้ว
ขณะที่ในช่วงปลายเดือน ก.ย.2559 ที่ผ่านมา สำนักงาน ก.พ. ได้ทำหนังสือถึงผู้ว่าฯ สตง. เพื่อแจ้งขอทราบข้อมูลการตรวจสอบโครงการนี้ของ สตง. เพื่อนำไปใช้เป็นแนวทางการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพิ่มเติมสำหรับการประกอบการพิจารณาดำเนินการลงโทษเอกชนเป็นผู้ทิ้งงาน ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติมต่อไป
โดยในหนังสือสำนักงาน ก.พ.ที่ทำถึงผู้ว่าฯ สตง. ดังกล่าว ระบุว่า ภายหลังจากที่สำนักงาน ก.พ. ได้รับหนังสือ สตง. แล้ว ได้ประสานงานไปยังบริษัทให้ชี้แจงข้อเท็จจริง ร่วมถึงหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม แต่ปรากฎว่าข้อมูลที่ได้รับแจ้งมา ยังไม่อาจพิจารณาว่า การกระทำของบริษัทเป็นการขัดขว้างการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรมหรือกระทำโดยไม่สุจริตหรือไม่ ดังนั้น จึงต้องการรับทราบข้อมูลการตรวจสอบจากสตง.เพิ่มเติม
(อ่านประกอบ : โชว์หนังสือสตง.vs.สำนักงานก.พ.!เปิดปมสอบคดีฮั้วจ้างพีอาร์เชิงรุก 8 ล.?)
ล่าสุด ม.ล.พัชรภากร เทวกุล รองเลขาธิการ ก.พ. เปิดเผยสำนักข่าวอิศราว่า ขณะนี้สำนักงาน ก.พ.อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูลความเชื่อมโยงของเอกชนที่เข้ามาเสนอราคาโครงการนี้ ตามที่สตง.ระบุ หากพบว่ามีข้อเท็จจริงเป็นไปตามนั้น จะสรุปเรื่องเสนอให้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน ก.พ. พิจารณาส่งเรื่องให้กรมบัญชีกลาง ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบการสั่งให้เอกชนเป็นผู้ทิ้งงานพิจารณาตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป
ม.ล.พัชรภากร ยังกล่าวด้วยว่า ในข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการดำเนินงานโครงการนี้ ทางสำนักงาน ก.พ.ปฏิบัติตามขั้นตอนกฎหมายมาโดยตลอด เมื่อได้รับแจ้งข้อมูลจากสตง.เกี่ยวกับพฤติการณ์ของเอกชน ก็มีการสั่งชะลอการดำเนินงานโครงการ รวมไปถึงการยกเลิกสัญญาว่าจ้างงานกับเอกชนที่ชนะการประกวดราคา และก็มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงในภายของสำนักงาน ก.พ.ด้วย
"สำนักงาน ก.พ. ไม่มีเจตนายื้อเวลาเพื่อช่วยเหลือเอกชนแม้แต่น้อย เพียงแต่กรณีนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน การจะดำเนินการอะไรต้องมีหลักฐานชัดเจน ซึ่งภายหลังจากที่ได้รับแจ้งข้อมูลจากสตง.เข้ามา เราก็ทำการตรวจสอบข้อมูลตามที่ได้รับแจ้ง แต่เนื่องจากข้อมูลการตรวจสอบในส่วนของเรายังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน บางข้อมูลที่ได้รับก็แตกต่างจากข้อมูลของสตง. เราจึงจำเป็นที่จะต้องทำหนังสือแจ้งถึงสตง. เพื่อขอรับทราบข้อมูลเป็นทางการ ซึ่งถ้าหากข้อมูลของ สตง.มีความชัดเจน เราก็จะรีบทำเรื่องเสนอต่อรองนายกฯ วิษณุ ให้พิจารณาตามขั้นตอนทางกฎหมายทันที"
รองเลขาธิการ ก.พ. กล่าวย้ำว่า ในขั้นตอนการประกวดราคาคัดเลือกเอกชนเข้ามารับงานโครงการนี้ นับตั้งแต่ช่วงปลายปี 2558 เมื่อได้รับแจ้งว่าจากสตง.ว่า มีปัญหาเกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ก.พ.ที่รับผิดชอบโครงการ ก็มีการประสานงานกับทางเจ้าหน้าที่ สตง. มาตลอด เมื่อได้รับคำแนะนำอะไรก็ปฏิบัติตามให้ความร่วมมือเต็มที่ เพราะในขั้นตอนการประกวดราคา สำนักงาน ก.พ. ไม่เคยทราบข้อมูลเรื่องความเชื่อมโยงของเอกชนมากก่อน เมื่อได้รับแจ้งจากสตง.ก็ดำเนินการตรวจสอบตามขั้นตอนทันที
"อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การดำเนินงานระหว่าง สำนักงาน ก.พ. และสตง.มีความเข้าใจตรงกันมากขึ้น สำนักงาน ก.พ.จะทำหนังสือถึงสตง.เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงการดำเนินงานในส่วนของสำนักงาน ก.พ.อีกครั้ง และอาจจะมีการนัดพบปะพูดคุยกันระหว่างสองหน่วยงานเป็นทางการ เพื่อยืนยันจุดยืนของสำนักงานก.พ.ว่าเราพร้อมให้ความร่วมมือในการตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเต็มที่" รองเลขาธิการ ก.พ. ระบุ